อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่1248 นางเป็นราชินีตัวปลอม
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่1248 นางเป็นราชินีตัวปลอม
ข้างนอกมีเปลวไฟพุ่งขึ้นฟ้า เสียงคำรามของการฆ่าฟันดังก้อง กลิ่นคาวเลือดโชยมาตามสายลมในอากาศ
มองไปรอบๆ ทั้งพระนครเต็มไปด้วยควันโขมงของสงคราม
สีหน้าของลูกน้องอ๋องเสวี่ยฉินเปลี่ยนไปหมด
กว่าพวกเขาจะควบคุมสถานการณ์ได้ และได้เปรียบในสงคราม นี่เพิ่งผ่านไปกี่ชั่วโมง ก็ถูกโจมตีกลับแล้ว?
ชายกลางคนร่างกำยำ สีหน้าเข้มงวด สวมชุดเกราะเหล็กเดินเข้าไปตรงหน้าราชินี คุกเข่าลงแล้วคำนับ
“หัวหน้ากองทัพเฟยหลงหลินเฟยขอคารวะฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
ราชินีแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดขึ้นว่า “เป็นอย่างไรแล้วบ้าง?”
“ถึงแม้กองทัพอ๋องฉินจะแปรพักตร์แล้ว แต่เรายังครองประตูเมืองได้ พวกเขาเข้ามาในเมืองหลวงไม่ได้ ไม่สามารถเข้ามาช่วยกบฏได้ ตอนนี้ทหารของเรากำลังสู้กับพวกนั้นอย่างดุเดือด อย่างมากสามวันก็สามารถจับพวกเขาได้ทั้งหมด”
ราชินีเลิกคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจ “สามวัน? นานเกินไป ไม่ว่าต้องทำอย่างไร ข้าให้เวลามากสุดครึ่งวัน จะต้องจับตัวพวกนั้นได้ทั้งหมด”
หลินเฟยลำบากใจ แต่ก็รับคำสั่งไว้
ลูกน้องของอ๋องเสวี่ยกล้าหาญชาญชัย เวลาสามวันนั้นเร็วที่สุดแล้ว
ถ้าให้ครึ่งวัน นอกจากจะให้กองทัพเฟยหลงตายไปพร้อมกับพวกเขา
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดและมีเสียงการต่อสู้อยู่ทุกหนทุกแห่ง ถึงแม้อ๋องเสวี่ยฉินจะกังวลใจมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกทางใบหน้า แต่กลับตะโกนใส่หลินเฟยแทน
“ช้าก่อน ทุกคนเป็นทหารของแคว้นปิงทั้งนั้น จะเข่นฆ่ากันเองเช่นนี้หรือ”
หลินเฟยพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หากใครคิดก่อกบฏ กองทัพเฟยหลงก็จะฆ่าผู้นั้นทันที กองทัพเฟยหลงรับฟังแค่คำสั่งฝ่าบาทเท่านั้น”
“นางใช้ให้พวกเจ้าจัดการศึกนี้ภายในครึ่งวัน นั่นมันเป็นการบังคับให้พวกเจ้าไปตายชัดๆ”
“ถึงจะต้องตาย กองทัพเฟยหลงก็จะจัดการกบฏอย่างพวกเจ้าให้หมด”
ทหารอีกคนตัวเปื้อนไปด้วยเลือด เข้ามารายงานอย่างร้อนรน “ท่านอ๋อง กองทัพเฟยหลงต่อสู้ให้ตายกันไปข้าง แม่ทัพจ้าว แม่ทัพอวี๋ แม่ทัพเถียนขอกำลังเสริมขอรับ พวกเขาจะไม่ไหวแล้ว”
ทุกคนต่างก็แตกตื่น ซุบซิบพูดคุยขึ้นมา รู้สึกเจ็บปวดใจมาก
มีเพียงราชินีที่แคะเล็บเล่นอย่างอารมณ์ดี รอรายงานจากทหาร
อ๋องเสวี่ยเดินไปชี้หน้าราชินี ตะคอกด่าหลินเฟย “เจ้าว่ากองทัพหลงเฟยรับฟังแต่คำสั่งฝ่าบาท แล้วถ้านางไม่ใช่ราชินีตัวจริงล่ะ?”
ฮือฮา……
ทุกคนวุ่นวายกันอยู่แล้ว เพราะคำพูดของอ๋องเสวี่ยฉิน ทุกคนก็แตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
นางไม่ใช่ราชินีตัวจริงเหรอ?
งั้นราชินีตัวจริงไปไหนแล้วล่ะ?
ขุนนางแก่พูดขึ้น “เจ้าบอกว่า ฝ่าบาทไม่ใช่ราชินีตัวจริง เจ้ามีหลักฐานอะไรไหม? เจ้าอย่าพูดไร้สาระนะ”
“อ๋องเสวี่ยฉินคงไม่ได้จะพูดไร้สาระเพื่อให้ชนะศึกครั้งนี้หรอกนะ”
เวินเส้าหยีมองความวุ่นวายนี้อย่างสนใจ
อยากให้ราชินีตรงหน้าเป็นตัวปลอมจริงๆ
เช่นนี้ เขาก็ไม่ต้องแต่งงานกับนางอีก
กู้ชูหน่วนมองไปยังอ๋องเสวี่ยฉิน
กลับเห็นอ๋องเสวี่ยฉินมองนางด้วยสายตาที่เคารพ
หรือว่า……
อ๋องเสวี่ยฉินรู้ตัวตนของนางเหรอ?
ราชินีตัวจริงถึงตายก็ไม่ได้บอกความลับนี้กับใครไม่ใช่เหรอ? อ๋องเสวี่ยฉินรู้ได้อย่างไร?
อ๋องเสวี่ยฉินตื่นเต้น พูดอย่างหนักแน่นว่า “นางเป็นตัวปลอม ราชินีตัวจริงถูกนางฆ่าตายไปแล้ว”
“เจ้าบอกว่าตายก็ตายงั้นเหรอ? ไหนล่ะหลักฐาน”
“ใช่ เอาหลักฐานออกมาก่อนสิ”
ทุกคนไม่มีใครเชื่อ
อ๋องเสวี่ยฉินพูดต่อ “ทุกคนลองคิดให้ดีสิ นิสัยของฝ่าบาทเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก โดยเฉพาะสามปีมานี้”
ขุนนางทุกคนครุ่นคิด
ถึงแม้เมื่อก่อนราชินีจะไม่ฉลาด แต่ก็ไม่เคยเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
และไม่มีทางหลงในกามเช่นนี้
และสามปีก่อน นิสัยของราชินีเปลี่ยนไป ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่สนใจความเป็นความตายของประชาชน
นอกจากนั้นยังไล่ตามหาชายหนุ่มผู้มีความสามารถวิทยายุทธเข้าวัง แล้วทรมานพวกเขาจนตาย
ความชอบของคนคนหนึ่งถึงจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปมากขนาดนี้