อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่1249 หลักฐานล่ะ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่1249 หลักฐานล่ะ
“ฝ่าบาทไม่ชอบกินของดิบ นางกลับกินได้ทุกอย่าง แม้แต่เลือดสดๆก็ยังดื่ม”
“ฝ่าบาทไม่ชอบผู้ชาย แต่นางกลับจับหนุ่มหล่อๆเข้าวังมาทั้งหมด สุดท้ายก็ทรมานพวกเขาจนตาย”
“ฝ่าบาทไม่เป็นวิทยายุทธ แต่นางกลับมีวิทยายุทธที่กล้าแกร่ง”
“ความปรารถนาสูงสุดของฝ่าบาทคือการพิชิตแคว้นฉี แต่นางกลับปล่อยให้แคว้นฉีบุกยึดชายแดนของแคว้นปิง เข่นฆ่าประชาชน”
“ฝ่าบาทรักประชาชนยิ่งลูกหลานแท้ๆ นางกลับฆ่าทุกคนไม่เว้นแม้แต่สัตว์ เพื่อสร้างค่ายกลขึ้นมา ข้าอยากจะถามว่า คนแบบนี้สมควรที่จะเป็นราชินีจริงๆหรือ”
ทุกคนเงียบสงบ นานมากก็ไม่มีใครออกเสียง
มีเพียงขุนนางแก่พูดขึ้นอย่างลังเลว่า “นิสัยความชอบของคนมักจะเปลี่ยนไปเสมอ เรื่องพวกนี้ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้”
“งั้นวิทยายุทธล่ะ? วิทยายุทธสามารถมีได้แค่ข้ามวันเหรอ? นางเป็นถึงยอดฝีมือระดับเจ็ด ระดับเจ็ดเชียวนะ ทวีปปิงหลิงอันกว้างขวางคงหาผู้ที่มีระดับเจ็ดไม่ได้แล้วล่ะ”
ระดับ……
ระดับเจ็ด……
ระดับเจ็ดสามารถปกครองทั้งโลกได้
บอกได้ว่าเป็นเทพเจ้าผู้ครอบครองทวีปปิงหลิงเลยก็ว่าได้ โลกนี้ไม่มีคู่ต่อสู้อีกแล้ว
ราชินี……ราชินีไม่มีทางมีวิทยายุทธที่กล้าแกร่งขนาดนั้นได้
หัวหน้ากองทัพเฟยหลงหลินเฟยมองราชินีอย่างสงสัย ในใจก็รู้สึกสงสัยมากขึ้น
“พวกเจ้ารู้ไหมว่านางจับตัวชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ไปทำไมเยอะๆ? นางกำลังฝึกฝนกำลังภายใน ใช้เวทมนตร์ดำในการดูดเลือดและพลังของพวกเขา เพื่อนำมาเป็นของตัวเอง ดังนั้นนางก็ถึงได้เป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด ถ้าไม่ฆ่านาง ผู้คนที่มีความสามารถทั้งทวีปปิงหลิงก็จะถูกนางดูดซับพลังไปจนหมด”
“อ๋องเสวี่ยฉิน ที่ท่านพูดมาดูจะไม่เป็นความจริงเลยนะ บนโลกนี้จะมีผู้ที่ดูดเลือดกับพลังของคนได้เหรอ? พวกเราไม่เคยได้ยินเลยนะ”
“พวกเจ้าไม่เคย ไม่ได้หมายความว่าไม่มี อีกอย่าง พวกเจ้าลองไปถามพวกขันทีของนางก็ได้ ขันทีน่าจะรู้มากกว่านี้”
ขันทีทุกคนต่างก็ตกใจกันหมด อยากจะหนีออกจากที่นี่เร็วๆ
ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอย่างไร ก็ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น พวกเขายังไม่อยากตายนะ
เป็นไปตามที่คิด ขุนนางที่ภักดีก็ถามพวกเขา พวกเขาตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่แกล้งเป็นลม
ใต้เท้าอวี๋เหวินพูดขึ้น “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าที่อ๋องเสวี่ยฉินพูดมาจริงหรือไม่ ขอฝ่าบาทได้โปรดอธิบาย……อึก……”
ยังพูดไม่ทันจบ ใต้เท้าอวี๋เหวินก็ถูกราชินีฆ่าตายแล้ว
ราชินีพูดอย่างเหยียดหยาม “เจ้าโง่ เขาพูดอะไรก็เชื่อเหรอ”
“ฝ่าบาท ใต้เท้าอวี๋เหวินภักดีเสมอมา ทำไมท่านถึง……อึก……”
ขุนนางอีกคนล้มลง
ขุนนางทุกคนต่างก็ไม่พอใจในตัวราชินี ความรู้สึกที่อยากปกป้องก็หายไปทันที
ไม่ว่านางจะเป็นราชินีจริงหรือปลอมก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือผู้ที่ปกครองบ้านเมืองอย่างอำมหิต ไม่สมควรได้เป็นจักรพรรดิ
ผู้อาวุโสฉีเผ่าเทียนเฟิ่นพูดขึ้น “รองหัวหน้าเผ่า ถ้านางไม่ใช่ราชินี งั้นเรื่องงานแต่ง พวกเราก็ถอนการแต่งงานเถอะ ผู้หญิงคนนี้อำมหิตเกินไปแล้ว”
ไม่รอรองหัวหน้าเผ่าพูดจบ ผู้อาวุโสคนอื่นก็พูดต่อว่า “ถ้านางไม่ใช่ราชินี พวกเราจะจัดพิธีแต่งงานไปทำไมกัน”
ถึงนางจะเป็นราชินี พวกเขาก็ต้องกลับไปคิดเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ดีๆแล้วล่ะ
ทั้งชีวิตนี้ พวกเขายังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่โหดเหี้ยมขนาดนี้มาก่อน
เวินเส้าหยีโล่งอก
วันนี้นางโหดร้ายขนาดนี้ ไม่ว่านางจะเป็นราชินีจริงหรือไม่ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือเขาไม่มีวันยอมแต่งงานกับนางแน่นอน
เสียงการเข่นฆ่าดังมากยิ่งขึ้น
อ๋องเสวี่ยฉินขอร้องให้หลินเฟยถอนกำลัง
หลินเฟยกลับพูดอย่างเย็นชาว่า “นอกจากเจ้าจะเอาหลักฐานออกมา ไม่งั้น……”
“เย่จิ่งหานไปหาหลักฐานแล้ว เดี๋ยวหลักฐานก็มาแล้ว แต่พวกเจ้าปิดประตูเมืองไว้ ถึงเย่จิ่งหานจะหาหลักฐานมาได้ ก็เอามาส่งไม่ทันหรอก ตอนนี้ทหารสองฝั่งกำลังต่อสู้กัน นี่มันไม่คุ้มเลยนะ”