อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่883 ได้รู้ความจริง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่883 ได้รู้ความจริง
พอฝังไปที่จุดไป๋หลิง สีหน้าของเย่จิ่งหานก็ดีขึ้น ลมหายใจก็มั่นคงขึ้น แต่เขาบาดเจ็บหนักเกินไป กำลังภายในก็ฟื้นฟูแค่เล็กน้อย
“เตรียมม้าเร็วไว้ ขี่ไปสิบลี่ ค่อยให้คนเตรียมเปลี่ยนม้า”
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”
เย่จิ่งหานหาเสื้อคลุมมาคลุมตัว แล้วรีบออกไปตามหาผู้อาวุโสหก
ไกลมาก ยังไม่เห็นผู้อาวุโสหก แต่ได้ยินเสียงของซูมู่กับผู้อาวุโสหกคุยกันมาแต่ไกล
“ไปๆๆ ไสหัวกลับเผ่าหยกไป อย่าว่าแต่คำพูดเจ้าจะเชื่อได้หรือเปล่าเถอะ แค่ผู้หญิงคนนั้นก็ทำร้ายเย่จิ่งหานมากแค่ไหนแล้ว นางจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่เกี่ยวกับเย่จิ่งหานหรอกนะ”
“ทำไมเจ้าเป็นคนแบบนี้กัน หน้าตาก็ออกจะดี แต่ละคำที่พูดออกมากลับไม่เหมือนคนพูด อาหน่วนทำร้ายเย่จิ่งหานยังไง? อาหน่วนทำเพื่อเย่จิ่งหานมามากพอแล้วเหมือนกัน”
“ทำเพื่อเขา? ให้เขาต่อสู้กับเวินเส้าหยีจนบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายต้องมานั่งรอความตายงั้นเหรอ? ไปรักคนอื่นเถอะนะแบบนี้ ตัดขาดจากเขาเถอะ”
“ไม่มีใครใช้ให้เขาไปต่อสู้กับเวินเส้าหยีเสียหน่อย อาหน่วนไม่ได้รักคนอื่นด้วย”
“ถุย! ตาแก่คนนี้ ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดแล้ว ข้าเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ รีบไสหัวออกไปซะ ไม่งั้นข้าจะให้หัวหน้าเผ่าเจ้าชู้คนนั้นมารับศพเจ้า”
“อาหน่วนไม่ได้เจ้าชู้นะ ข้ายอมรับว่าเมื่อก่อนนางชอบอี้เฉินเฟยมาก แต่หลังจากที่นางความจำเสื่อม คนที่นางชอบก็มีแค่เย่จิ่งหานผู้เดียวเท่านั้น ไม่งั้นข้าจะหน้าด้านมาหาถึงที่นี่ทำไมกัน”
“นางชอบเย่จิ่งหาน งั้นทำไมนางถึงทำร้ายเย่จิ่งหานสาหัสขนาดนี้ เจ้ารู้ไหมว่าหลายวันมานี้เขาผ่านมายังไง?”
น้ำเสียงของซูมู่ตื่นเต้นมากขึ้น
ถึงแม้ปกติเขาจะไม่เอาเย่จิ่งหานไว้ในสายตา และทำตัวทะเล้น ไม่สนใจกับเรื่องอื่น
แต่ทว่าเขากลับเห็นเย่จิ่งหานเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา
เห็นเย่จิ่งหานป่วยกระเสาะกระแสะ เป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา เสียทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ใครจะรู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานใจแค่ไหน
“เย่จิ่งหานกับอาหน่วนไม่ได้เป็นพี่น้องกัน ที่อาหน่วนพูดทำร้ายจิตใจก็เพื่อที่นางจะได้สังเวยอย่างสบายใจ นางมีชีวิตได้อีกแค่ไม่กี่วัน จึงต้องทำให้เย่จิ่งหานโกรธและจากนางไป นางสังเวยเพื่อเผ่าหยก แต่ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อเย่จิ่งหานทั้งนั้น”
ผู้อาวุโสหกพูดจบ เขาเองก็อึ้งมาก รีบปิดปากตัวเองไว้
ทำไมถึงพูดความจริงออกไปทั้งหมดเนี่ย?
เย่จิ่งหานตะลึง เบิกตาโพลง
คำพูดที่ว่า เย่จิ่งหานกับอาหน่วนไม่ใช่พี่น้องกันวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
เขากับอาหน่วนไม่ใช่พี่น้องกัน?
นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
หลักฐานอยู่ตรงหน้าทั้งหมดแล้วนี่?
ซูมู่ก็อึ้งเหมือนกัน
“เมื่อกี้เจ้าว่ายังไงนะ?”
ผู้อาวุโสหกพึมพำ สายตาล่อกแล่ก
“เปล๊า! เมื่อกี้ข้าพูดอะไร? ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เวลาเที่ยงผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว ถึงเย่จิ่งหานไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ ข้ากลับเผ่าหยกดีกว่า”
ถ้าโชคดีล่ะก็ อาจจะได้เจอหน้าอาหน่วนเป็นครั้งสุดท้าย และไม่ต้องมาทนเหนื่อยใจตรงนี้ด้วย
เย่จิ่งหานไม่ยอมให้เขาไป เขารีบวิ่งไปขวางทางผู้อาวุโสหกไว้ แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “เล่ามาให้ชัดเจนนะ ข้าอยากรู้ความจริงทั้งหมด”
ผู้อาวุโสหกกระทืบเท้า กัดฟันพูดว่า “ช่างเถอะ เล่าก็เล่า เจ้ากับอาหน่วนไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ พวกเจ้าไม่ได้เกิดจากแม่คนเดียวกัน และไม่ได้เกิดจากพ่อคนเดียวกันด้วย แม่ของเจ้าคือฮัวอิ่ง ส่วนพ่อเจ้า ข้าไม่รู้ แต่ไม่ใช่ฮ่องเต้เย่แน่นอน”
“ฮัวอิ่งคือใคร?” เย่จิ่งหานรู้สึกร่างกายตัวเองสั่นเทา
ความรู้สึกสิ้นหวังกลับมามีความหวังอีกครั้ง
“ฮัวอิ่งคือตัวแทนของอดีตหัวหน้าเผ่าคนก่อน ไปๆๆ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังระหว่างทาง พวกเราไปเผ่าหยกก่อน ไม่งั้นจะไม่ทันการ”
“ทหาร เตรียมม้าเร็ว ออกเดินทางเดี๋ยวนี้”