อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 27 รวมตัวยากินาคุ (มุมของเรมะ)
รวมตัวยากินาคุ (มุมของเรมะ)
ฉัน เรมะ คานาซากิ เป็นเอเลี่ยน
ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในองค์กรพลังคือทุกสิ่ง ฉันกลายเป็นผู้หลบหนี เนื่องจากทนความโหดร้ายขององค์กรและผู้ที่อยู่จุดสูงสุดไม่ไหว
น่าเสียดายที่หนีมาโดยมีแกนกลางติดมาแค่ 2 ชิ้น
อันหนึ่งคือแกนของโปรโตสูท
อีกหนึ่งคือของพวกจัสติสครูเซเดอร์
ฉันนำพวกมันติดมือมาแล้วหลบหนีไปยังดาวเคราะห์อันแสนห่างไกลที่เรียกว่าโลก ตั้งฐานปฏิบัติการลับๆเพื่อหาทางต่อสู้กับองค์กร
ฉันอธิบายให้รัฐบาลได้รู้ถึงภัยคุกคามจากต่างดาวและความจริงที่ว่าฉันเป็นเอเลี่ยน สุดท้ายพวกเราก็ได้สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันสำเร็จ
จากนั้นพวกเขาก็ได้ก่อตั้งองค์กรที่พร้อมจะรับมือกับภัยคุกคามจากต่างดาว โดยใช้สัตว์ประหลาดที่โอเมก้าสร้างขึ้นมาตัวฝึกฝนไปพลางๆ―――
「บางครั้งมันก็ไม่เป็นไปตามที่คิด」
ผู้รุกรานได้เดินทางมาถึงแล้ว
อย่างน้อยก็โชคดีที่มันเป็นพวกโง่เง่าเลยพอรับมือไหว แต่สิ่งที่เลวร้ายก็เกิดขึ้นแทน นั่นคือการที่คัตสึมิคุงหายตัวไป
ไม่รู้ว่าเพราะความจำเสื่อมไหม
ทว่าปัญหาที่ตามมาก็มากมาย อย่างเช่นเรดที่หลังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดของคัตสึมิ เธอทำตัวน่ารำคาญชิบผาย
『โถ้ววว~ คัตสึมิคุงนี่ละก็ มาใช้สีของฉันซะได้น้าาาาา』
ไม่มีอะไรน่ารำคาญไปกว่ายัยนี่อีกแล้ว
แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะไปบ่นอะไรกับเด็กสาวที่เอามือทั้งสองวางไว้บนแก้มตัวเองแล้วบิดตัวเขินไปมา ในขณะที่เยลโล่กับบลูส่งสายตาไปหาเธอราวกับจะฆ่าแกง
『เอ๋ อิจฉาเหรอจ๊ะ?』
ยัยนี่มั่นหน้ามาจากไหนฟะ
น่ารำคาญจริงๆ
「เห้อ เอาเถอะ」
ฉันที่แอบหนีออกมาจากสำนักงานใหญ่ได้มาหยุดเท้าอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่ง ตอนนี้ฉันปกปิดตัวตนด้วยการสวมชุดคลุมยาว ก่อนจะเงยหน้ามองป้ายหน้าร้านที่ติดอักษรคันจิ 2 ตัว
เนื้อย่าง
「ในที่สุด」
ฉันก็จะได้กินเนื้อย่างแล้ว
อาหารโลกนี้บอกตามตรงว่าสุดจัด
มันอร่อยกว่าที่ฉันเคยกินมาครึ่งจักรวาลซะอีก
ขณะที่พวกลูกน้องกำลังหลับเป็นตายอยู่ในห้องทำงาน ฉันนี่แหละจะกินเนื้อยางพวกนี้คนเดียวไม่แบ่งใคร
「หึ อาหารที่ใช้ลูกน้องตัวเองเป็นแท่นเหยียบมันแซบหลาย……」
ไม่มีใครมาขวาง หรือรบกวนฉันได้อีกแล้ว
ในขณะที่คลายเนคไท ฉันก็เปิดประตูร้านเข้าไป
พนักงานคนหนึ่งได้พาฉันไปนั่งโต๊ะสำหรับหนึ่งคน จากนั้นฉันก็ถอดชุดคลุมออกแล้วจับจ้องไปยังเมนู
「จะดีเหรอครับ? ยากินิคุเนี่ย」
「ดีสิๆ ถ้ายอมมากินด้วยกันพี่จะยกโทษให้」
「ครับๆ ถ้าพี่ฮาคัวว่างั้นผมก็ยอม」
「~♪」
ทันใดนั้นก็มีคู่ชายหญิงสองคนมาขวางความสุขของฉันเอาไว้
ก็เงยหน้าขึ้นไปเพราะคุ้นเสียงก็พบว่าทั้งสอง เดินผ่านไปนั่งบนเสื่อทาทามิที่อยู่ข้างหลังแล้ว
「ไม่ใช่ละๆ เป็นไปไม่ได้หรอก」
นี่ฉันเหนื่อยสะสมหรือเปล่า
จะเป็นไปได้ยังไงกันที่ คัตสึมิคุงจะมาอยู่ที่แบบนี้
เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
เอาเป็นว่าสั่งเมนูก่อนละกัน
ถึงจะเป็นเอเลี่ยนแต่ถ้าท้องหิวมันก็คิดอะไรไม่ออกนะเออ
「เอ่อ ขอโทษทีนะ」
ฉันเรียกพนักงานแล้วสั่งเมนู
พอเสร็จก็จิบน้ำบนโต๊ะแล้วสูดหายใจ
「……ความจำเสื่อม」
เรื่องนี้น่าจะแน่นอนอยู่แล้ว
หลังจากเขาขึ้นยานไปมันน่าจะพาเขาไปถึงฐานใหญ่
ตรงนั้นแหละที่มีบางอย่างเกิดขึ้น
「ลูปัสไดรเวอร์……」
สิ่งที่มีแกนกลางแบบเดียวกันกับโปรโตสูท
สามารถเรียกได้ว่าเป็นคู่พี่น้อง ความสามารถที่แสดงออกมาก็ใกล้เคียงกับโปรโตสูทรุ่นถัดไปที่ฉันจะพัฒนาขึ้นอย่าง『TYPE1』
จากความว่างเปล่าสู่การมีตัวตน
จาก 0 ไป 1
มันก็เหมือนกับการวิวัฒนาการ ชุดที่มีความสามารถเฉพาะตัวเพิ่มขึ้น และสร้างความแตกต่างที่มีมาในอดีต
ท้ายที่สุดคือมันมีไว้ให้คัตสึมิคุงใช้เพียงคนเดียว
สูทที่มิอาจคาดเดาได้ว่าจะทำอะไรได้บ้างหากเขาเป็นคนสวม
「……」
ลำดับแห่งดวงดาราคือสิ่งที่ฉันยังปิดบังและไม่ได้บอกให้รัฐบาลหรือคนอื่นๆรู้เลย
หากพวกมันต้องการก็คงสามารถบุกมาทำลายโลกนี้ได้สบายๆ
เพียงแค่ขยับนิ้ว
ทว่ามันมีบางอย่างเปลี่ยนไป
อีกฝ่ายค่อยๆ ส่งคนมาโดยเป้าหมายของพวกที่มาก็คือเพิ่มลำดับตัวเองให้สูงขึ้น
「บางอย่างไม่ถูกต้อง」
หากเอาชนะอัศวินดำ ไม่สิ อัศวินขาวได้ ลำดับแห่งดวงดาราก็จะสูงขึ้น
มีเพียงเธอคนนั้นเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
เป็นไปได้หรือเปล่านะว่าคัตสึมิคุง ถูกเธอจับตามองแล้ว
ทั้งเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความแข็งแกร่งทางกายใจของเขา น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมสิ่งมีชีวิตเหนือเหตุผลแบบนั้นถึงสนใจโลกใบนี้ที่ด้อยทั้งด้านของพลังและวัฒนธรรม
「……มะ ไม่สิ อย่าไปคิดแบบนั้น…หยุดซะๆ」
เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ถึงจะเป็นคัตสึมิคุง ก็ไม่น่าจะทำให้สัตว์ประหลาดแบบนั้นพอใจได้
ฉันจิบน้ำในมืออีกครั้ง และปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองคิด
「เอ๋?」
หญิงสาวคนหนึ่งได้เดินผ่านหน้าฉันไป
ไม่มีทางที่ฉันจะลืมเส้นผมสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอได้ อดีตลูกน้องของฉัน พอรู้แบบนั้นฉันก็ตะโกนเรียนเธอ
「ชิราคาวะคุง?」
「!? ประธาน ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้กัน……!?」
ทำไมเธอถึงตกใจขนาดนั้นกันล่ะ
อ๊ะจริงสิ
ฉันเป็นเจ้านายเก่าเธอนี่นา
「มาร้านอาหารแบบนี้มันก็ต้องมาหาอะไรกินสิ」
「……แค่คนเดียว?」
「โฮ่ย อย่ามามองฉันด้วยสายตาน่าสงสารแบบนั้นสิ เธอเองก็ตัวคนเดี――」
「พี่ฮาคัว ไปหยุดทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ??」
「เชี่ย!?」
「พี่ฮาคัว……?」
ชิราคาวะส่งเสียงแปลกๆออกมาก่อนจะไหล่สั่น มีเสียงเรียกของเด็กหนุ่มดังมาจากโต๊ะใกล้ๆ
เธอมากับผู้ชาย?! ไม่สิน้องชายของเธองั้นเหรอ…..เป็นไปไม่ได้
「ชิราคาวะคุง….นี่เธอชอบสวมบทเล่นพี่น้องเหรอ?」
「หา!? กะกะกะก็แย่แล้วค่ะ ถามอะไรบ้าๆ」
「ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า อย่างเธอจะมีน้องชายสักคนก็ไม่แปลกหรอก」
เรื่องส่วนตัวของครอบครัวฉันก็ไม่อยากยุ่งด้วย
นอกจากนี้เนื้อย่างตรงหน้าสิสำคัญกว่า จะไปยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านแล้วเสียบรรยากาศการกินไปก็ใช่เรื่อง…..!
แต่นั่นก็น้องชายของชิราคาวะคุงเลยนี่น้า คงต้องมีมารยาทสักนิด
「ฉันขอไปทักทายน้องชายเธอในฐานะเจ้านายเก่าหน่อยละกัน」
「มะมะไม่ได้เด็ดขาด! น้องของฉันเป็นคนขี้อายค่ะ!! ถ้าได้เจอประธานเข้าคงอ้วกแตกแน่!!」
「ไม่คิดว่าที่เธอพูดมันหยาบคายไปหน่อยเหรอ……?」
ฉันจะร้องไห้จริงนะ……
ถึงจะถูกเรียกว่าพวกนิสัยเสียมาอยู่หลายที แต่การที่มันได้ยินตรงๆแบบนี้ก็ปวดใจไม่น้อยนะเห้ย
「ถ ถ้างั้นขอตัวค่ะ!」
「จ้าๆ」
ชิราคาวะรีบวิ่งหนีออกไป
สงสัยจะอึดอัดมั้งที่ต้องมาเจอเจ้านายเก่าในที่แบบนี้
….หรือเธอจะเกลียดฉันเข้าไส้จริงๆ?
ไม่นะ เป็นไปได้ไหมว่าคัตสึมิคุงเองก็จะเกลียดฉันแล้วคิดว่าฉันน่ารำคาญเหมือนกัน?!
「เช็ตลิ้นวัว ซี่โครง กับข้าวมาแล้วค่ะ」
「โอ้……ขอบใจมาก」
ระหว่างที่คิด สิ่งที่ฉันเฝ้ารอก็มาถึง
ทานแล้วนะครับ ฉันพูดขณะเอาลิ้นวัวลงย่างพร้อมราดเกลือนิดหน่อย ทว่าจังหวะนั้นเอง เทอมินัลในกระเป๋าก็สั่น
「……อะไรอีกฟะ……」
เป็นสายมาจากโอโมริคุงแผนกพัฒนาวิจัย
รู้สึกใจคอไม่ดีแปลกๆที่เธอผู้ควรจะนอนหมดสภาพอยู่หน้าคอมโทรมาหา
อาจจะเกิดเรื่องขึ้นก็ได้
ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะกดรับสาย
「เรมะพูด มีอะไรหรือเปล่า?」
『หัวหน้าตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ?』
「ก็ต้องห้องประธานสิ?」
ฉันพ่นคำโกหกออกมาง่ายๆราวกับหายใจ
จากนั้นก็เกิดความเงียบชวนให้ขนลุกขึ้น พอผ่านไปฉันก็ได้ยินเสียงจากอีกฟากกำลังทำอะไรสักอย่าง
『โกหกใช่ไหมคะ?』
「……ไม่ได้โกหกสักหน่อย」
『แค่เสียงหายใจขอบคุณที่พ่นออกมาก็รู้แล้วค่ะว่าโกหก เสียงแทรกที่เข้ามากำลังอยู่ร้านยากินิกุใช่ไหมคะ?』
「หา……」
ยัยนี่รู้ถึงขึ้นนี้เลยเหรอฟะ?!
ยัยบ้านี่ใช้ความสามารถได้เสียของชะมัด! ไม่รู้คิดไปเองไหมแต่นอกจากโอโมริคุงแล้ว เหมือนฉันได้ยินเสียงสาปแช่งแทรกเข้ามาด้วยจากรอบๆตัวเธอ
แถมยังเป็นเสียงของพวกลูกน้องที่สมองไหลเพราะทำงานหนักกันทั้งนั้น หึแค่นี้ฉันไม่กลัวหรอกนะ
『ไม่จริงน่า ทำไมหัวหน้าถึงได้หนีพวกเราแล้วแอบไปกินยากินิคุคนเดียวกันล่ะ…!』
「ก็ฉันเป็นประธานนี่นา」
『หุหุหุหุ』
「ฮ่าๆๆ」
เราทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกันซึ่งฉันรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขำด้วยจริงหรอก
เหงื่อค่อยๆก่อตัวขึ้นบนใบหน้า
ทำไมพวกมนุษย์โลกมันถึงได้น่ากลัวทุกครั้งที่มีแผลใจกันนะ
『เตรียมใจให้พร้อมก่อนกลับมาถึงสำนักงานนะคะ พวกเรากำลังรอคุณอยู่』
「คึก」
เสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งมาทิ้งท้าย ก่อนสายจะตัดไป
ความเงียบงันได้เข้ามาแทนที่
ฉันหลับตาลงแล้วหยิบตะเกียบข้างตัวขึ้นมา
「ช่างแม่ม กินต่อดีกว่า!」
ก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังฉันกลับไปถึง
แต่เพื่อความสุขของจิตวิญญาณฉันจึงตัดสินใจ ช่างแม่มันไปก่อน