อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 28 แนวร่วมที่ไม่คาดฝัน (มุมของเยลโล่)
แนวร่วมที่ไม่คาดฝัน(มุมของเยลโล่)
ผ่านมาได้ 1 เดือนแล้วตั้งแต่ที่อัศวินขาวปรากฏตัว
หลังจากเขาเปลี่ยนร่างเป็นเรดฟอร์มก็สามารถเอาชนะผู้รุกรานทั้งสองได้สำเร็จ
ผู้รุกรานลำดับแห่งดวงดารา 378 มีชื่อว่าเจค ส่วนอีกตัวลำดับ 356 มีชื่อว่ากอล ทั้งสองได้พ่ายแพ้ให้กับคัตสึมิคุง….อัศวินขาว
นับดาบแห่งเปลวเพลิงสีแดงฉาน
อัศวินสีขาวผู้ใช้มีดและการเตะเป็นอาวุธ
พลังของเขาค่อยๆ เสถียรขึ้นทุกครั้งที่เข้าต่อสู้
แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ลงมือจัดการพวกมันเลยสักตัว แต่ให้เทียบกับสัตว์ประหลาดที่โอเมก้าสร้างขึ้นมาก็นับว่าด้อยกว่าจริงๆ
『สุดท้ายก็เรดฟอร์มสิน้า นั่นสิเนอะๆ ในใจลึกๆ ของนายยังไงก็ต้องเป็นฉันเท่านั้นแหละ!』
พักนี้อากาเนะก็เริ่มทำตัวน่ารำคาญขึ้นเพราะพลังที่คัตสึมิคุงใช้ดันคล้ายกับเธอ
ฉัน อาโออิ แล้วก็อัลฟ่าจังเลยอดหัวเสียไม่ได้ ส่วนยัยนั่นเหมือนจะสบายใจจนตัวลอยไม่สนปัญหาอะไร
「เฮ้อ」
「พี่คิราระ เป็นไปอะไรไปเหรอ อยู่ดีๆ ก็ถอนหายใจ? 」
น้องสาวกุมมือฉันเอาไว้ก่อนถามด้วยความห่วงใย
ฉันกับนานากะที่เป็นน้องสาวผู้กำลังจะขึ้นป.4 ได้ออกมาเดินในเมืองเพื่อหาซื้อเครื่องเขียนให้กับเธอ
หลังจากซื้อเครื่องเขียนเสร็จ ก็คิดว่าจะไปซื้อเค้กฝากพ่อแม่กับน้องชายสักหน่อย ฉันก็เผลอถอนหายใจออกมา
「อื้อ ก็นิดหน่อยน่ะ」
「หรือเพราะไม่ได้เจอกับพี่อัศวินดำเหรอ? 」
「ก็อาจจะนะ……」
ก่อนหน้านี้เพราะหลายๆ อย่างเลยทำให้นานากะและโคตะน้องชายของฉันได้ไปพัวพันเจอเรื่องเข้ากับคัตสึมิคุงที่เป็นอัศวินดำ
ทั้งสองที่กำลังหลงทางและตกอยู่ในความลำบาก ก็ได้คัตสึมิคุงช่วยเอาไว้
『เยลโล่! ทำอะไรกับยัยเด็กบ้านี่หน่อยเห้ย!! อย่ามัวแต่หัวเราะสิฟะ!!』
แม้ว่าจะแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ ที่เขาทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องรับมือกับน้องสาวของฉัน
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนเลวอะไร ทว่าตั้งแต่ที่เขาหายตัวไป ฉันก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้อีกเลย
「รถนั่นเร็วชะมัด……」
มันพุ่งทะยานผ่านท้องฟ้าแล้วหายลับไปทันที
แม้จะใช้ฮอของพวกเราพยายามตามไปแต่ก็ไม่ทันรถที่วิ่งเร็วเกือบมัคบนท้องฟ้าได้
ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เทคโนโลยีของโลกนี้แน่ๆ
「ถ้าได้พูดคุยกันดีๆ ก็คงจะจบสวยกว่านี้แท้ๆ ……」
พวกเรารีบไปยังจุดเกิดเหตุแล้ว แต่ก็สายเกินไป
ไม่ว่าจะพยายามเรียกเขาสักเท่าไหร่ เขาก็ไม่ได้สนใจและหนีไป
จนกว่าจะสามารถสร้างเซนเซอร์ตรวจสอบผู้รุกรานได้ดีกว่านี้ พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเฝ้ามองเขาจากข้างหลัง แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณเขาจริงๆ ที่สามารถจัดการพวกมันได้อย่างรวดเร็ว เลยไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียกับผู้คน
「พี่คิราระต้องพยายามมากกว่านี้นะ」
「อื้อก็พยายามอยู่แล้วนะ ว่าแต่ทำไมเหรอ? 」
「เพราะหนูกับโคตะอยากจะเห็นใบหน้าจริงๆ ของพี่เขานี่นา」
ครอบครัวของฉันรู้เรื่องที่ฉันทำงานในฐานะเซ็นไตแล้ว แต่ฉันไม่ได้บอกเรื่องของคัตสึมิคุงให้พวกเขาฟัง
แม้สักวันหนึ่งจะต้องเปิดเผย แต่ตอนนี้คงยังไม่ได้
「งั้น ตอนนี้ไปซื้อเค้กฝากทุกคนกันดีกว่าเนอะ」
「เห็นด้วยค่าาา」
ฉันเดินไปร้านเค้กกับนานากะที่ยิ้มร่า
ทันใดนั้นเอง――เสาแห่งแสงก็ได้ร่วงลงมาจากจุดที่ไม่ไกลนัก
「——อึก」
นั่นคือแสงที่บ่งบอกถึงการปรากฏตัวของผู้รุกราน!
พวกมันมาอะไรกันเอาตอนนี้นะ?!
ฉันจับมือนานากะแล้วรีบพาเธอหนีออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
「พี่คิราระ! หนูหาทางไปเองได้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ!」
「นานากะ!? 」
「พี่มีเรื่องอื่นที่ต้องทำอยู่นะ!!!!」
ฉันรู้สึกตกใจที่น้องสาวตัวน้อยพูดคำนี้ออกมา
โทรศัพท์ก็พกติดตัวไว้อยู่ เมื่อก่อนก็เคยสอนไปแล้วนี่นะว่าถ้าเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นต้องทำยังไง
「เข้าใจแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นรีบโทรหาพี่ทันทีเลยเข้าใจไหม!!!」
「ค่ะ พี่คิราระก็ระวังตัวด้วย!」
「งั้นพี่ไปละนะ!!」
ฉันวิ่งเข้าไปในตรอก โดยทิ้งนานากะที่พยักหน้าส่งให้ข้างหลัง
ฉันเชิดแขนเสื้อซ้ายมือขึ้นออกมา『นีโอ・จัสติสเชนเจอร์』ได้ถูกสวมเอาไว้แล้ว เมื่อฉันใช้นิ้วกดปุ่ม การแปลงร่างก็เริ่มขึ้น
『UNIVERSE!! ADVANCE→N・E・O!!!』
เสียงสแตนด์บายอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น
จากนั้นก็นำมันเข้าไปใกล้ปาก เพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียง
「แปลงร่าง!」
『THUNDERT YELLOW!! ACCELERATION!!!』
ทันใดนั้นเอง สนามพลังพิเศษก็ถูกสร้างขึ้น สูทสีเหลืองได้ปกคลุมทั่วร่างของฉัน
เพียงไม่กี่วินาที ทั้งร่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยสสารพิเศษ เป็นอันสิ้นสุดการแปลงร่าง
『CHANGE → UP RIGING!! SYSTEM OF JUSTICE CRUSADE!! VERSION 2.0!!』
จัสติสเชนเจอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
ความสามารถของมันพัฒนาจากเดิมถึง 3 เท่า ฉันไม่รอช้ารีบมุ่งไปยังจุดที่เสาแสงตกลงไป
「อ๊ะ นั่นมันเยลโล่นี่!」
「ไม่ใช่คอสเพลหรอกเหรอ!? 」
「ตัวจริง!? 」
「ขอทางหน่อยค่ะ!」
เนื่องจากฉันแปลงร่างไปแล้ว สายตาทุกคนก็เลยจับจ้องกันหมด ฉันพยายามฝ่าฝูงชนเพื่อมุ่งไปยังเสาแห่งแสง
ตรงนั้นได้มีการต่อสู้เกิดขึ้นแล้ว
「อ้าค―――!? 」
อัศวินขาวร่างเกราะสีแดงได้ถูกซัดกระเด็นออกมา พร้อมกับเกิดประกายไฟขึ้นบนเกราะอกของเขา ซึ่งเป็นฝีมือจากเอเลี่ยนร่างบาง
เมื่อกลิ้งไปมาเสร็จเขาก็พยายามยืนขึ้น แล้วจ้องมองไปยังเอเลี่ยนที่หูยาวเหมือนกระต่ายและสวมถุงมือติดกรงเล็บไว้ตรงแขนสองข้าง
『ตัวข้าน้อย ลำดับแห่งดวงดารา 287 มีนามว่า คินูโตะ!!』
「ไอ้เจ้านี่เร็วชะมัด….แต่พ่นอะไรออกมาฉันก็ไม่เข้าใจหรอกนะเฟ้ย……」
ดูเหมือนฟังก์ชั่นแปลงภาษาต่างดาวที่ประธานติดไว้ให้จะทำงานได้ดี
ศัตรูคือคินูโตะอันดับแห่งดวงดาราที่ 287 รูปร่างของมันแอบน่าขนลุกเหมือนกระต่ายไร้ขนที่อยู่ในร่างมนุษย์
ท่าทางพวกเขาคงสู้กันมาได้สักพักแล้ว
บริเวณโดยรอบจึงมีแต่รอยข่วนจากกรงเล็บของมัน
「งั้นก็เอาไฟไปกิ๊น!」
เปลวเพลิงพุ่งออกมาจากดาบของเขา เข้าหาอีกฝ่าย แต่ศัตรูก็หลบได้ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ก่อนจะพุ่งเข้ามาหมายเตะร่างของอัศวินขาว ทว่า
「ฉันจับทางแกได้แล้วเว้ยไอ้สารยำ!!」
『อึก!? 』
เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับดาบเพลิงในมือ
แต่อีกฝ่ายก็ใช่ย่อยด้วยปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็ว จึงหลบการโจมตีได้อีก
「……ดูเหมือนจะเป็นพวกที่เก่งด้านความเร็วเป็นพิเศษ」
ฉันได้เข้าไปแทรกการต่อสู้ของคัตสึมิคุงกับผู้รุกราน
ใจก็อยากจะคุยกับเขาให้มากกว่านี้หรอก แต่ก่อนอื่นต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวตรงหน้าก่อน
「คึก ศัตรูตัวไหมเหรอ!!」
「หา!? 」
ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ปามีดเข้ามาทางฉัน
แม้จะตกใจแต่ฉันก็หยิบขวานยักษ์『นีโอ・จัสติสแอ็กซ์』ออกมากันเอาไว้ก่อนจะปัดมันทิ้งไป
「พ-พลังช้างบ้าอะไรกันล่ะนั่น……!? 」
เขาถึงกับผงะและส่งเสียงราวกับหวั่นเกรงออกมา
「มาพูดจั่งซี่กับผู้สาวได้ยังไงกันยะ!? 」
「ข-ขอโทษด้วยครับ…อ่ะ ไม่ใช่ศัตรูสินะ?!」
ฉันหยิบขวานขึ้นมาแล้วนึกขึ้นได้ว่าเขาความจำเสื่อม
ที่เขาแสดงท่าทีแบบนั้นบางทีคงเข้าใจผิดเพราะชุดของพวกเราคล้ายกับแอ็กซ์ที่เขาเคยสู้ด้วย
「อยู่ฝั่งนายต่างหากเด้」
「บะ-แบบนี้นี่เอง ขอบคุณครับ ค่อยยังชั่วหน่อย!!」
「……」
เขาพูดจาแบบนี้ด้วยเหรอ?
น่าตกใจจริงๆ ถึงทางฉันจะพูดสำเนียงคันไซปลอมๆ เขาก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
พอได้คุยกันแล้ว ก็ร่วมมือกันได้เหมือนปกตินี่นา!
「เดี๋ยวฉันจะช่วยจัดการมันดะ」
ระหว่างที่พวกเราคุยกัน คินูโตะ กระต่ายไร้ขนร่างคน ก็กระโดดเข้ามาโจมตี แต่ทางฉันก็ใช้ขวานสกัดเอาไว้
เสียงปะทะกันของโลหะดังขึ้น ฉันพยายามสวนกลับไปแต่อีกฝ่ายก็หลับได้อย่างง่ายดายและสร้างระยะห่าง
『แกเป็นใครกัน』
『พันธมิตรแห่งความเที่ยงธรรมยังไงล่ะ』
ยืนยันได้แล้วว่าเครื่องแปลภาษาของประธานทำงานได้ปกติ
อีกฝ่ายถึงกับประหลายใจเมื่อได้ฟังคำพูดของฉันผ่านเคลื่องแปลอัตโนมัติ
『เยลโล่!! ไปถึงแล้วเหรอ?!』
「ค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่กับอัศวินขาว โดยพวกเรากำลังจะร่วมมือกันสู้กับอีกฝ่ายค่ะ」
『เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบส่งทีมสนับสนุนไป!』
หลังตอบข้อความที่ประธานส่งมา ฉันก็เหลือบไปมองคัตสึมิคุง…อัศวินขาว
「อัศวินขาวคุง จากนี้เฮามาช่วยกันสู้ดีกว่าไหม? 」
「จะช่วยผมสู้ด้วยเหรอครับ……? 」
「แน่นอนสิ พวกเราเป็นพวกพ้องที่ช่วยปกป้องโลกเหมือนกันเด้……」
「เข้าใจแล้ว……! ขอบคุณครับ!」
ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ใสซื่อเสียจริง ความรู้สึกที่แสนซับซ้อนในใจฉันนี่มันอะไรกันน้อ
แต่สิ่งที่เขาไม่เปลี่ยนเลยคือใจที่อยากช่วยเหลือคนอื่น
น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาลืมเรื่องของฉันไปจนหมด บุคลิกก็เปลี่ยนด้วยสิ
ระหว่างนึกถึงเรื่องนี้ ฉันก็จับขวานในมือให้กระชับขึ้น
「อีกฝ่ายเร็วมากเสียจนมองแทบไม่ทันเลยครับ」
「แล้วนายมีแผนจะสู้กับมันจังใด๋? 」
「เพราะตอนแรกที่เจอตั้งใจจะใช้มีดกะซวกจากด้านหลัง แล้วก็ซ้ำให้จบ แต่อีกฝ่ายดันหลบได้เสียก่อน เลยไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไงต่อ…..」
「อะ อื้อ……」
ว่าแล้วเชียว
ยังไงคัตสึมิคุงก็คือคัตสึมิคุง…!
แม้จะจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้ แต่ความไม่ลังเลในการโจมตีตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาชัดๆ
「หัวตันไปหมดแล้วครับตอนนี้….……」
『OK!』
「เอ๋ ชิโระ!? อย่าบอกนะว่าไอ้นั่นอีกแล้ว!? 」
เสียงที่เหมือนกับเจตจำนงแห่งเข็มขัดได้ดังออกมา
ดวงตาของหมาป่าตรงหัวเข็มขัดได้กะพริบเป็นสีแดง น้ำเงิน เหลือง
ท่าทางชิโระจะเป็นชื่อของเจ้านี่….
『SALVAGE…→SALVAGE…→SALVAGE…』
อย่าบอกนะว่ามันกำลังจะสร้างฟอร์มใหม่ขึ้นมาเหมือนกับตอนที่เป็นเรดฟอร์ม? แบบนี้นี่เอง ฟอร์มคราวนี้คงจะเป็นเยลโล่ฟอร์มที่มีความเร็วสูงสินะ
หรือก็คือฟอร์มของฉัน
ฉันแอบมองด้วยความคาดหวังนิดหน่อย ไม่สิ มากเลยแหละ
ทว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดไป เข้ามาโจมตีทันที
ทางฉันจึงใช้ขวานสกัดการโจมตีอีกครั้ง
「ฉันไม่ปล่อยให้แกทำอะหยังตามใจชอบได้หรอก」
『อย่ามาล้อกันเล่นนะเห้ยยยย!!』
คินูโตะกระโดดถอยออกไปก่อนจะพุ่งแล้วหายไปจากสายตาของฉันทันที
คราวนี้คงตั้งใจจะกำจัดฉันก่อน
「คะ คุณเยลโล่!」
「เรียก เยลโล่ก็พอ คราวนี้ฉันจะปกป้องนายเอง」
「……? ค ครับ!」
ศัตรูเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วตามกำแพง อาคารรอบๆ
แม้จะไม่มีอะไรหยุดยั้งความเร็วของมันได้ แต่ศัตรูประเภทนี้ฉันเคยเผชิญหน้ามาบ่อย แถมไอ้ที่โหดกว่านี้ก็เจอมาแล้ว
ฉันค่อยๆ เหวี่ยงขวานขึ้นช้าๆ แล้วสะท้อนกรงเล็บที่โจมตีจากด้านบนกลับไป
『ได้ยังไงกัน……!? 』
「อ่อนหัดขนาด คิดเหรอว่าแค่ความเร็วจะเอาชนะฉันได้? 」
ฉันเหวี่ยงขวานไปมาด้วยมือเดียวอย่างง่ายดาย ปัดป้องการโจมตีทางทุกทิศทาง
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าการโจมตีไม่ได้ผล มันจึงถอยออกไปแล้วหันกรงเล็บมาทางฉัน ก่อนที่กรงเล็บพวกนั้นจะถูกยิงออกมาเหมือนขีปนาวุธ
『ตายซ้า!!』
「ก็ บอก แล้ว เด้!!」
ฉันเหวี่ยงขวานกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง กระแสไฟฟ้ารูปพัดได้ถูกสร้างขึ้นมาตรงหน้าฉัน และมันทำการป้องกันกรงเล็บที่ยิงออกมาได้ทั้งหมด
「ว่าการโจมตีพวกนี้มันบ่ได้ผล」
『!? 』
การโจมตีของมัน ไม่ได้เท่าครึ่งหนึ่งของอัศวินดำด้วยว้ำ
เพราะการโจมตีของเขาคนนั้นมันสยองสุดๆ
ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเรากับเขา พวกเราได้ทุ่มสุดตัว
สำหรับฉันแล้ว การต่อสู้กับเขาในครั้งนั้น มันยากเย็นเสียยิ่งกว่าการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่นเป็นไหนๆ
「ช้าไป」
ฉันเอียงหัวหลบการโจมตีด้วยกรงเล็บของมันที่พุ่งออกมาจากควัน ก่อนจะใช้ปลายขวานกระแทกเข้ากับหน้าท้องของมัน
ร่างของมันกระเด็นออกไปก่อนจะพยายามพยุงตัวเองขึ้นมา―――
『COMPLETE!!』
เสียงนั้นดังกึกก้องออกมา อัศวินขาวคุงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
มะ มาแล้วสินะ…สีประจำตัวของฉัน….
『RE:BUILD!!』
เมื่อเขากดหัวเข็มขัด เสียงตอบสนองก็ดังขึ้นอีกครั้ง
『SHOT BLUE!! → OK? 』
「หา? 」
ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินล่ะยะ?!
จังหวะนี้มันต้องฉันไม่ใช่เหรอ!? ในขณะที่ฉันตกใจจนสั่นไปทั้งตัว อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมาแล้วหันไปโจมตีคัตสึมิคุงแทน
อันตราย!?
ก่อนที่ฉันจะได้ตะโกนออกไป มือของเขาก็ยื่นไปคว้ากรงเล็บของคินูโตะเอาไว้
เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะทำแบบนั้นหากไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์ เขาทำการชกหน้ามันแล้วเตะซ้ำให้กระเด็นกลับไป
『CHANGE!! SHOT BLUE!!』
เกราะสีแดงได้ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
ร่างของเขาได้มีน้ำมาห่อหุ้มเอาไว้ ก่อนจะยกมือขวาของตัวเองขึ้น ทันใดอาวุธชิ้นใหม่ก็ปรากฏในมือของเขา
『LIQUID SHOOTER!!』
ในมือของเขามีปืนพกสีน้ำเงินอยู่
เขาถือปืนที่คล้ายกับปืนของอาโออิเอาไว้ในมือแล้วเล็งไปหาศัตรู
มันได้ใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัวไปมาอีกครั้ง ทว่าคัตสิมึคุงก็ชี้ปลายปืนไปยังความว่างเปล่า ก่อนจะยิงกระสุนพลังงานออกไป
เกิดการระเบิดขึ้นในอากาศ
วินาทีต่อมาก็พบร่างของศัตรูกำลังนอนจับไหล่ตัวเองเอาไว้ ก่อนจะบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด
「อัศวินขาวคุง นั่นมันอิหยัง」
「เป็นร่างแม่นปืนครับ ถ้าใช้ร่างนี้ ดูเหมือนประสาทการมองเห็นและการตอบสนองจะทำได้ดีขึ้น」
……อะไรกัน
ทำไมกันล่ะ!
ทำไมถึงไม่ใช่ร่างฉัน?
ไม่สิ? ได้ยังไงกัน?
ทำม้ายยยย……?
「แค่นี้ผมก็ยิงไม่พลาดแล้วครับ」
『อย่าคิดว่าแกจะโชคดียิงตัวข้าโดนอีกครั้งได้ล่ะ!』
เมื่ออีกฝ่ายเร่งความเร็วใหม่ คัตสึมิคุงก็ค่อยๆ เล็งปืนไปยังเป้าหมาย ก่อนที่กระสุนจะกระทบเข้ากับร่างของมันอีกครั้ง จนมันส่งเสียงร้องออกมา
สงสัยคงไม่ต้องถึงมือฉันแล้วมั้ง
ทันใดนั้นเอง อีกฝ่ายก็ใช้กรงเล็บยิงไปยังคัตสึมิคุงแบบที่ทำกับฉัน
「ของแค่นี้ ไม่มีทางพลาดหรอก」
เขาเล็งและเหนี่ยวไกปืนใส่กรงเล็บทีละอัน
โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 วินาที กรงเล็บทั้งหมดก็ได้ถูกทำลายสิ้น
『LUPUS DAGGER!!』
อาวุธที่ถูกเรียกว่าลูปัสแดกเกอร์ ได้ติดเข้ากับลิกควิทชูทเตอร์ ทำให้ทรงมันเหมือนกับดาบปลายปืน
คมมีดสีเหลืองได้เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงิน เขาทำการเล็งปืนไปทางคินูโตะที่ตกตะลึงอยู่
『CONNECT! LUPUS POWER!!』
อีกฝ่ายพยายามจะหลบหลีกการโจมตีนั้น แต่ก่อนที่จะได้เคลื่อนไหว กระสุนพลังงานก็ทะลวงร่างของมันไปเสียแล้ว
『คะ อึก ทำไมกัน!? 』
จากนั้นคัตสึมิคุงก็ค่อยๆ ลดระยะห่างกับอีกฝ่ายโดยที่ในมือยังคงลั่นไกปืนไปเรื่อยๆ
เมื่อได้ระยะที่เหมาะสมแล้ว เขาก็ใช้มีดที่ติดปลายปืนโจมตีมันจนกระเด็นไป
「ตอนที่แกโผล่มาก็เอาแต่จ้องเล่นงานเด็กกับผู้หญิงแต่แรกเลยนี่นะ」
『……คุ』
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกลิ้งไถลไปมา เขาก็สับหัวเข็มขัด 3 ครั้ง เพื่อทำการเปิดใช้งานท่าพิเศษ
พลังงานจากหัวเข็มขัดได้มารวมตรงปืนของเขา
『DEADLY!! SHOT BLUE!!』
「ฉันไม่มีทางยกโทษให้แกที่ทำแบบนั้นแน่!」
『AQUA!! FULLPOWER BREAK!!』
กระสุนพลังงานขนาดใหญ่ถูกปลดปล่อยออกมาแล้วกลืนกินร่างอีกฝ่าย ไม่กี่วินาทีจากนั้น ก็เกิดแรงระเบิดขึ้น
การโจมตีดังกล่าวสลายหายไปโดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย เมื่อเห็นว่าการต่อสู้จบลง ไหล่ของเขาก็ผ่อนคลายคราวกับโล่งใจ
「เหนื่อยหน่อยเด้ อัศวินขาวคุง」
「ขอบคุณครับ หากไม่ได้คุณมาช่วยทีหลัง ผมคงจะไม่ไหวเหมือนกัน」
ไม่หรอกน่า
ดีแล้วที่นายมาถึงก่อน ไม่งั้นความเสียหายคงมากกว่านี้
แม้ว่าฉันจะแอบเคืองที่พลังใหม่ดันเป็นของอาโออิก็เถอะ
เอาเป็นว่าตอนนี้ต้องเจรจากับเขาเพื่อชวนให้มาอยู่กับพวกเราที่สำนักงานใหญ่อีกครั้ง
――ครั้งนี้ก็ลำบากหน่อยนะ แต่หนทางยังอีกยาวไกล
「ฮ่าๆ ชิโระเองก็ด้วย สุดยอดมาก」
――จากนี้ข้าก็ขอคาดหวังต่อไปละกัน
「หือ? 」
「เอ่อ ไม่มีอะไรผมแค่……เอ๋」
ฉันรู้สึกแปลกๆ ที่เขาพูดกับใครก็ไม่รู้ซึ่งไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้
แต่ในขณะที่ฉันกำลังตกใจอีกฝ่ายก็ทำท่าตกใจเหมือนกันแล้วเอามือกุมหัวเอาไว้
「……แย่แล้ว! ผมต้องรีบกลับบ้านแล้วครับ ไม่งั้นโดนพี่สาวโกรธเอาแน่……!!」
「เอ๋? 」
พี่สาว?
ได้ยังไงกัน เขาไม่เหลือครอบครัวอยู่แล้วนี่นา
แต่งงานเหรอ? เป็นไปไม่ได้น่าด้วยระยะเวลาสั้นเท่านี้
หลังผงะไป เขาก็ก้มหัวให้ฉันที่กำลังเหวอ แล้วกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซต์ก่อนจะขับทะยานออกไป
「คุณเยลโล่ หากมีการต่อสู้ครั้งหน้าเกิดขึ้นอีก หวังว่าจะได้เจอคุณอีกนะครับ!」
「อะ อื้อ ดะ เดี๋ยวก่อนสิ นายมีพี่สาวกับเขาด้วยเร้อ?!」
「……ใช่ครับ ผมต้องรีบกลับไปแล้ว เพราะพี่เป็นคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวในครอบครัวนี่นา……」
เขาพูดออกมาด้วยท่าทางเขินอายนิดหน่อย ก่อนจะบิดคันเร่ง
ร่างของเขาได้หายวับไป แต่จิตใจของฉันที่รับข้อมูลเกินจะคาดเดาได้กลับนิ่งสนิท ฉันได้พิงร่างของตัวเองไว้ตรงเสาไฟข้างทาง
「พี่สาวเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไงกัน….」
มีคนกำลังใช้ประโยชน์จากการที่เขาเสียความทรงจำแล้วแกล้งเป็นพี่ของเขาเหรอ?
น่าอิจฉา…ไม่สิ
เป็นการกระทำที่ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด
แปลว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่อายุมากกว่าเขา
ฉันมั่นใจเลยว่าเธอคนนั้นจะต้องพยายามใช้ประโยชน์จากการเสียความทรงจำของเขามากมายเลยแน่ๆ
เพราะหากเป็นฉันคงทำแบบนั้นเหมือนกัน
ว่าแต่เป็นใครกันนะ
คนที่เขาเรียกว่าครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว