อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 12 ทำของที่สำคัญมากหายไป
“อาสาม คุณ …คุณต้องการอะไร?”
เฉินฮวนฮวนมุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มและถามออกไปอย่างระมัดระวัง
“ผมมาเอาเสื้อผ้า”เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา
“งั้น……คุณก็เข้ามาเถอะ “เฉินฮวนฮวนมองไปที่ชุดนอนแบบปกปิดมิดชิดของเธอเองและพูดกับคนที่อยู่ตรงหน้าประตู
จากนั้นก็มีเสียง “กริ๊ก” แล้วประตูก็ถูกเปิดออก
ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาในชุดคลุมอาบน้ำ เขาเหลือบมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเตียง ชุดนอนที่ร่างบางสวมใส่ดูเก่าแต่ก็ดูเรียบร้อย
แตกต่างจากชุดที่เธอสวมใส่ในคืนวันแรกที่ดูเปิดเผยและเซ็กซี่ แทบจะเหมือนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าด้วยซ้ำ
แต่เพียงแวบเดียวเขาก็หันหน้าไปทางตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดออกกำลังกายและชุดสูทออกมา
ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปก็มีเสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาเบาๆว่า
“อาสาม” เฉินฮวนฮวนมองไปที่ร่างสูงและเรียกเขาเบา ๆ
เฟิงหานชวนหันกลับมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย: “มีอะไรหรอ?”
“นั่น……สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือแม้ว่าฉันอาจจะได้ออกไปเร็วๆนี้ก็ตาม แต่ในระหว่างที่ฉันยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง คุณช่วยเอาเสื้อผ้าไปไว้ที่ห้องของคุณได้หรือเปล่า? “เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอและพูดด้วยความลำบากใจ
แม้ว่าเธอจะไม่มีสิทธิที่จะขอให้เฟิงหานชวนทำอะไรก็ตามและเธออาจจะได้อยู่ที่นี่อีกไม่นาน แต่ตอนนี้ที่นี่คือห้องที่เธออาศัยอยู่
และตอนนี้ชื่อของเธอคือภรรยาของเฟิงเฉินเยี่ยน และเป็นสะใภ้ของตระกูลเฟิง
ในฐานะอาสามของเฟิงเฉินเหยี่ยน ถ้าหากเฟิงหานชวนยังคงเข้าออกจากห้องนี้อยู่ล่ะก็ มันจะให้ยิ่งดูไม่ดี
“นอกจากนั้นช่วงนี้คุณสามารถอยู่ในห้องของตัวเองไปก่อนได้ไหม” เธอก้มหน้าต่ำลงและกัดริมฝีปากแน่น
“…แล้วเรื่องอาบน้ำล่ะ?”
ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูเย็นชา
นี่คือห้องของเขา เขาเคยชินกับการอาบน้ำในห้องของตัวเอง มันมีอะไรผิดปกติหรืออย่างไร?
เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่รู้วิธีที่จะโต้แย้งกับเฉินฮวนฮวน
เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ตอบ เฉินฮวนฮวนก็เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังและเอ่ยถามเขาด้วยเสียงเบา “อาสาม ถ้าคุณคิดว่ามันลำบาก ฉันสามารถช่วยคุณเก็บข้าวของของคุณได้นะ คุณบอกฉันก็ได้ว่าอันไหนเป็นเสื้อผ้าของคุณ แล้วฉันจะได้ช่วยเอามันไปแขวนไว้ที่ห้องของคุณ โอเคไหม?”
“เธอคิดที่จะออกไปจากบ้านนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมยังดูใส่ใจเกี่ยวกับชื่อเสียงของคุณในตระกูลเฟิงอยู่อีกล่ะ? ” เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงการถากถาง
ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไป เธอยืนขึ้นทันที เธอส่ายหัวและพูดว่า: “ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากจะอยู่ที่นี่ ฉัน …นี่ฉันทำดีกับคุณนะ ”
“ดีกับฉัน?”เฟิงหานชวนยิ้มเยาะ
ผู้หญิงคนนี้สามารถใช้ข้ออ้างได้หมดจริงๆ
“แม้ว่าอีกไม่นานฉันจะต้องออกไป และหลังจากที่หลานชายของคุณแต่งงานกับภรรยาคนใหม่ คุณก็จะยังเข้าออกในห้องนี้อยู่อย่างนั้นหรอ?”
เฉินฮวนฮวนพูดออกไปอย่างเคร่งเครียด: “คุณอยู่ในห้องของหลานชายและหลานสะใภ้ ทั้งยังเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทั้งๆที่หลานสะใภ้ก็ยังอยู่ในห้อง คนในตระกูลเฟิงจะคิดอย่างไรถ้ามาเห็นเข้า”
หลังจากที่ได้ยินใบหน้าของเฟินหานชวนก็เปลี่ยนสีทันที
“ฉันรู้ว่าฉันจะทำให้คุณขุ่นเคืองถ้าฉันพูดแบบนี้ แต่อาสามฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าคุณมีสถานะอะไร” เฉินฮวนฮวนยังคงยืนยันหนักแน่น
หลังจากนั้นผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อเฉินฮวนฮวนคิดว่าตัวเองจะได้รับการสั่งสอนจากเฟิงหานชวนอีกแน่ๆ แต่เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน: “โอเค ฉันจะไม่เข้ามาอีก”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อมองไปที่ประตูถูกปิดลง เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง
ดูๆแล้วเฟิงหานชวนไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่มีเหตุผล เขายังพอจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ
ตอนนี้เธอยังคงต้องอยู่ที่บ้านของตระกูลเฟิงไปก่อน และเธอจะสามารถออกไปได้ก็ต่อเมื่อนายท่านกลับมาและจากนั้นก็คืนสินสอดให้กับตระกูลเฟิง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกผ่อนคลายลง
……
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและลงไปชั้นล่างเพื่อทานอาหารเช้า
เมื่อเธอเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร เธอก็เห็นเฟิงหานชวนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนอยู่แล้ว เขาสวมชุดออกกำลังกายและเขาดูมีออร่ามากๆ
หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมของเขานั้นเปียกเล็กน้อยและร่างกายของเขาก็ดูเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ
เฉินฮวนฮวนเดินลงมาจากบันได จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามกับเฟิงหานชวนและเอ่ยเบาๆว่า “อาสาม อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วหลังที่พวกเขาได้คุยกันที่ห้องก่อนหน้านี้
เฟิงหานชวนเหลือบมองเธอ เขาไม่ได้ตอบอะไรเธอและเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟที่ด้านข้างขึ้นมาจิบเล็กน้อย
พอรู้ว่าเฟิงหานชวนดูจะไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายและทานอาหารเช้าที่แม่บ้านหลี่เตรียมไว้ให้อย่างเงียบ ๆ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็สะพายกระเป๋าและเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นไป
ในขณะเดียวกันผู้ดูแลจางก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูรั้วและโค้งคำนับให้เธอ
เฉินฮวนฮวนตกใจและรีบโค้งคำนับให้กับผู้ดูแลจางและถามอย่างสงสัยว่า: “ผู้ดูแลจาง คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ผู้ดูแลจางเป็นชายวัยกลางคนและว่ากันว่าเขาเป็นมือขวาของนายท่านเฟิง
“นายหญิง วันนี้เป็นวันที่ต้องไปมหาลัย ผมจะไปส่งที่มหาวิทยาลัยครับ”ผู้ดูแลจางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพ จากนั้นก็ทำท่าเชิญให้เธอขึ้นรถ
เฉินฮวนฮวนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่เขาผายมือเชิญให้เธอขึ้นรถ เธอส่ายหัวและพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง ผู้ดูแลจางคะ ฉันสามารถไปโรงเรียนได้ด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องรบกวนคุณ ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ….”
พอเฉินฮวนฮวนพูดจบ เธอก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันที่ระเบียงบ้าน เฟิงหานชวนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและนั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังมองดูเธอ
เขามองเธอจากไกลๆและดูร่างเล็กที่วิ่งอยู่กลางแดดจนกระทั่งลับหายไป
ไม่ใช่ว่าต้องการเงินอย่างนั้นหรอ?
แถมไม่ยอมขึ้นรถฟรีๆอีก จะออกไปนั่งแท็กซี่ นั่งรถเมล์หรือนั่งรถไฟใต้ดิน?
เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
……
เฉินฮวนฮวนขึ้นรถเมล์และเปลี่ยนสายรถเมล์ไปสองรอบ และในที่สุดเธอก็มาถึงโรงเรียน
เมื่อเดินไปที่ประตูห้องเรียนก็เห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังกวักมือเรียกเธออยู่
เฉินฮวนฮวนรีบตรงเข้าไปพร้อมกระเป๋าของเธอและนั่งลงที่นั่งที่ว่างข้างๆหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอเอ่ยถามว่า: “เยว่เอ่อร์ ครั้งสุดท้ายที่เธอบอกว่าบ้านที่เธอเช่ามีห้องเดี่ยวว่างใช่ไหม เจ้าของห้องได้ปล่อยเช่าไปแล้วหรือยัง?”
บ้านที่หลิ่วเยว่เอ่อร์เช่าอยู่มีราคาค่อนข้างถูกและอยู่ใกล้กับมหาลัย เธอต้องการที่จะหาเงินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหลังจากออกจากบ้านตระกูลเฟิงแล้ว เธอก็ต้องการจะเช่าห้องที่อยู่ในละแวกเดียวกับหลิ่วเยว่เอ่อร์
“ห้องเดี่ยวนั้นถูกปล่อยเช่าไปแล้ว แล้วทำไมเธอถึงถามแบบนี้? เธอต้องการย้ายออกไปอยู่กับยายของเธอหรอ? “ในขณะที่พูดหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าของเธอและหยิบเงินสามร้อยหยวนออกมาและส่งให้เฉินฮวนฮวน
เฉินฮวนฮวนกำลังจะพูดเกี่ยวกับการตายของคุณยายเธอ แต่เมื่อเธอเห็นเงินสามร้อยหยวนนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะ
“ฮวนฮวน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเธอไปทำงานแทนฉันและนี่คือเงินที่ได้จากงานพาร์ทไทม์ ชั่วโมงละหนึ่งร้อยหยวน สามชั่วโมงก็เท่ากับสามร้อยหยวน เธอรับไปนะ”หลิ่วเยว่เอ่อร์ยัดเงินสามร้อยหยวนใส่มือของเฉินฮวนฮวนแล้วพูดว่า “อย่าอายที่จะรับเลย นี่คือสิ่งที่เธอควรรับไป ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันคงจะถูกไล่ออกแน่ๆ”
เมื่อนึกถึงห้องเก็บของในบลูส์คลับ จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว มือของเธอสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ชายคนนั้นน่ากลัวเหมือนสัตว์ดุร้ายที่จ้องจะกัดเธอ
ในคืนที่เลวร้ายนั้นเธอสูญเสียความบริสุทธิ์ของเธอไป และยังสูญเสียคุณยายของเธออีก ทั้งยังสูญเสียสมบัติของแม่เธอที่มอบไว้ให้เธออีก
“เออใช่เยว่เอ่อร์ ฉันขอถามเธอได้ไหมว่า ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันจะทำของที่สำคัญมากหายไปในตอนที่อยู่ในบลูส์คลับ” เฉินฮวนฮวนจำสร้อยคอทองคำเส้นนั้นได้เลยรีบถามออกไป: “มีใครพบอะไรที่นั่นบ้างไหม?”