อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 124 หลี่ซูฉิน
เมื่อเฉินฮวนฮวนเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของเรือนจำ เธอรู้ว่าตัวเองแทบจะยืนไม่อยู่
วันนี้อารมณ์ของเธอราวกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกาขึ้นลง จนกระทั่งเธอรู้สึกว่าหัวของตัวเองไม่ใช่ของตัวเองแล้ว
เธอได้รับข้อมูลมากเกินไปในคราวเดียว ราวกับในสมองตีกันวุ่นวายไปหมดแล้ว
“ครืน ครืน ครืน…”
ในเวลานี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก็สั่นขึ้นมา
เฉินฮวนฮวนส่ายหัวไปมา ก่อนจะรีบล้วงโทรศัพท์ออกมา เดิมทีเธอคิดว่าเกาเหวินอาจจะโทรเข้ามา ทว่าเมื่อเห็นหมายเลขของสายที่กำลังโทรเข้ามา เธอก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
คนที่โทรมาหาเธอ คิดไม่ถึงว่าคือแม่ของเยี่ยจิ่งเฉิน นั่นคือหลี่ซูฉิน
หลี่ซูฉินคือแม่ผู้ให้กำเนิดของเยี่ยจิ่งเฉิน ทว่าไม่ใช่คุณผู้หญิงของบ้านตระกูลเยี่ย และหลี่ซูฉินก็ไม่นับว่าเป็นภรรยาน้อย
ตอนแรก เธอคิดว่าหลี่ซูฉินเป็นภรรยาน้อย ทว่าภายหลังเฉินเจี้ยนหมินได้ยินมาจากคนรอบข้างว่า เดิมทีหลี่ซูฉินเป็นเพียงสาวใช้ของบ้านตระกูลเยี่ย แอบปีนขึ้นเตียงของเจ้าบ้านตระกูลเยี่ย และหนีออกไปหลังจากเธอตั้งท้อง
ดังนั้น แม้ว่าเยี่ยจิ่งเฉินจะเป็นลูกนอกสมรส ทว่าหลี่ซูฉินก็ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาน้อยจริงๆ เพราะว่าพ่อของเยี่ยจิ่งเฉินไม่เคยพึงพอใจหลี่ซูฉินเลย
ต่อมานายหญิงใหญ่ของตระกูลเยี่ย ก็คือย่าของเยี่ยจิ่งเฉิน เมื่อรู้ว่าเขาระหกระเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ก็ไปรับเยี่ยจิ่งเฉินกลับมาอยู่บ้านตระกูลเยี่ย
แม้ว่าหลี่ซูฉินจะมีอดีตที่แสนสาหัสเช่นนี้ ทว่าเฉินฮวนฮวนปฏิเสธไม่ได้ว่า หลี่ซูฉินดีกับเธอมาก
หลังจากเธอเลิกรากับเยี่ยจิ่งเฉินในตอนนั้น หลี่ซูฉินยังสั่งสอนเยี่ยจิ่งเฉินอย่างหนัก
เธอนึกได้ว่าเยี่ยจิ่งเฉินถูกทำร้ายร่างกายตอนเช้า ตอนนี้หลี่ซูฉินก็โทรมาหาตัวเองอย่างกะทันหัน เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเธอต้องโทรมากล่าวโทษอย่างแน่นอน
ทว่าเธอก็ยังรับสาย เธอไม่อยากทำตัวขี้ขลาดเป็นเต่าหัวหด
“คุณน้าหลี่” เฉินฮวนฮวนเอ่ยเรียก
“ฮวนฮวน นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงเธอ ช่วงนี้สบายดีไหมจ๊ะ” น้ำเสียงของหลี่ซูฉินนุ่มนวลมาก ความจริงเธอก็หน้าตาสะสวยมากเช่นกัน
ไม่เช่นนั้น เธอก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายที่หน้าหล่อเหลาอย่างเยี่ยจิ่งเฉินได้
ฮวนฮวนตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหลี่ซูฉินไม่ได้กล่าวโทษ เธอรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ทว่าก็ยังตอบกลับ “ฉันสบายดีค่ะ แล้วคุณน้าล่ะคะ”
แม้ว่าเธอกับเยี่ยจิ่งเฉินจะแตกหักกันไปนานแล้ว ทว่าตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เธอและหลี่ซูฉินก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใดๆ ต่อกัน
ทว่าหลังจากเลิกรากับเยี่ยจิ่งเฉินตอนนั้น เธอก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับหลี่ซูฉินอีกเลย หลี่ซูฉินก็แทบไม่ติดต่อเธอมาเช่นกัน
“ฉัน…ฉันอยู่โรงพยาบาล เหงามากเลย วันนี้อาทิตย์นี้ ไม่รู้ว่าเธอจะว่างมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไหม” เสียงของหลี่ซูฉินสั่นเครือเล็กน้อย และทำอะไรไม่ค่อยถูก
“คุณน้า คุณน้าเป็นอะไรไปคะ” เฉินฮวนฮวนซักถามทันที
“ฉันเป็นมะเร็งเต้านม เพิ่งผ่าตัดเมื่อไม่กี่วันก่อน เฮ้อ” หลี่ซูฉินถอนหายใจยาว และกล่าวอย่างปลงใจ “มันเป็นโรคร้าย ชีวิตนี้ฉันกลัวว่าจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว”
เดิมทีเฉินฮวนฮวนคิดว่าหลี่ซูฉินจะโทรมากล่าวโทษ ถึงอย่างไรวันนี้เยี่ยจิ่งเฉินถูกคนของเฟิงหานชวนทำร้าย แต่ไม่คิดว่าหลี่ซูฉินจะอยู่โรงพยาบาล และต้องการใครสักคนไปเยี่ยมเธอ
เธอรู้ว่าหลี่ซูฉินไม่มีญาติพี่น้อง พ่อแม่ของเธอก็ไม่อยู่แล้ว เยี่ยจิ่งเฉินสนใจเพียงความสุขของเฉินซินโหรว แน่นอนว่าคงไม่มาสนใจแม่ผู้ให้กำเนิดคนนี้นักหรอก
เฉินฮวนฮวนรู้สึกเห็นใจหลี่ซูฉินเป็นอย่างมาก เธอจึงรีบเอ่ยถาม “คุณน้า คุณน้าอย่าพูดแบบนี้สิคะ ตอนนี้การแพทย์ก้าวหน้าแล้ว คุณน้าต้องหายขาดอย่างแน่นอนค่ะ! คุณน้าอยู่โรงพยาบาลไหนคะ ตอนนี้ฉันว่างพอดี ฉันจะไปเยี่ยมค่ะ”
“ฉันอยู่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน”
……
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฉินฮวนฮวนหิ้วตะกร้าผลไม้ เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยของหลี่ซูฉิน
“คุณน้าหลี่” เฉินฮวนฮวนนำตะกร้าผลไม้วางลงบนตู้ข้างเตียง
“ฮวนฮวน เธอมาแล้วเหรอ ทำไมยังเอาของมาด้วย ฉันไม่กินของพวกนี้หรอก อย่าสิ้นเปลืองเลย”
หลี่ซูฉินลุกขึ้นนั่ง และรีบจับมือของเฉินฮวนฮวนไว้ทันที ก่อนจะกล่าวทั้งน้ำตา “ฮวนฮวน เธอช่างดีกับฉัน ฉันอยู่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว เฉินซินโหรวไม่เคยมาเยี่ยมฉันเลย”
“คุณน้าหลี่…” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน และไม่ได้พูดอะไรมาก
คนอย่างเฉินซินโหรว ตาอยู่บนหน้าผากแบบนั้น จะชายตามองคนต่ำต้อยอย่างหลี่ซูฉินได้อย่างไร
ตามที่เฉินซินโหรวเคยพูดก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าแม่ของเยี่ยจิ่งเฉินเป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลเยี่ย ไม่ใช่หลี่ซูฉิน สำหรับเยี่ยจิ่งเฉินแล้ว หลี่ซูฉินก็เป็นเพียงแม่นม และแม่ที่อุ้มท้องคนหนึ่งเท่านั้น
“ฮวนฮวน เราไม่ได้เจอกันมาครึ่งปีแล้วใช่ไหม เธอผอมลงนะ ช่วงนี้มีเรื่องทุกข์ใจใช่หรือเปล่า คุณยายของเธอสุขภาพเป็นยังไงบ้าง” หลี่ซูฉินถามอย่างตั้งใจ
เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าเบาๆ และเอ่ยตอบอย่างอ่อนแรง “คุณยายจากไปสักพักแล้วค่ะ”
“อ่า…เป็นอย่างนั้นได้ยังไง!” หลี่ซูฉินกุมหน้าอกของเธอไว้ หยาดน้ำตารินไหลลงมา “ทำไมคนดีไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีล่ะ ฉันยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณยายของเธอยังให้ผักดองที่เธอทำเองกับฉันอยู่เลย มันอร่อยมากจริงๆ”
“คุณน้าหลี่ อย่าร้องไห้เลยค่ะ” เฉินฮวนฮวนมองดูหลี่ซูฉินร้องไห้ เธอก็อยากร้องไห้ด้วย
ทำไมคนดีถึงไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีล่ะ
คุณยายและคุณแม่ต่างเป็นคนดีกันทั้งคู่ แต่กลับตายอย่างน่าสงสาร เธอคิดว่าตัวเองไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมพระเจ้ายังส่งเธอให้เจอกับปีศาจอย่างเฟิงหานชวน
ขอบตาของเฉินฮวนฮวนแดงก่ำ เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ วันนี้เธอมาเยี่ยมหลี่ซูฉิน ร้องไห้ในห้องผู้ป่วยจะไม่เป็นมงคล
เธอเอื้อมมือไปตบไหลหลี่ซูฉิน แล้วรีบกล่าวปลอบโยน “คุณน้า อย่าร้องไห้เลยค่ะ คุณน้ายังมีแผลผ่าตัด รีบนอนลงพักผ่อนนะคะ”
“ฉันตัวคนเดียว ไม่มีใครสนใจฉันหรอก ฉันคิดว่าถ้าตัวเองจะตายบนเตียงผ่าตัดก็ช่างเถอะ” หลี่ซูฉินดูน่าสงสารมาก
เฉินฮวนฮวนทนดูต่อไปไหวแล้วจริงๆ
แม้ว่าตอนนี้เยี่ยจิ่งเฉินเป็นคนของตระกูลเยี่ย ทว่าหลี่ซูฉินเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเขา และเลี้ยงดูเขามาจนถึงอายุ 7 ขวบ เขาตัดสินใจทิ้งหลี่ซูฉินไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียวได้อย่างไร
เฉินฮวนฮวนยืนขึ้น และกล่าวว่า “คุณน้าคะ ฉันออกไปโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวฉันมานะคะ”
เมื่อพูดจบ เฉินฮวนฮวนรีบวิ่งออกห้องผู้ป่วย และมาอยู่ตรงมุมบันได
เธอเปิดโทรศัพท์มือถือ และไม่ได้ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเยี่ยจิ่งเฉินในสมุดรายชื่อ แต่เธอป้อนหมายเลขโดยตรง
เธอลบรายชื่อของเยี่ยจิ่งเฉินไปนานแล้ว ทว่าเธอกลับจำหมายเลขโทรศัพท์ของเยี่ยจิ่งเฉินได้ เบอร์ที่ทำให้เธอจำได้ขึ้นใจก่อนหน้านี้
ไม่นานก็มีคนรับสาย คนที่รับสายกลับไม่ใช่เยี่ยจิ่งเฉิน แต่เป็นเฉินซินโหรว
“เฉินฮวนฮวน! เธอโทรหาอาเฉินทำไม เธอทำร้ายพวกเราได้โหดร้ายมาก ผู้หญิงสารเลว จริงๆ แล้วเธอมันก็อสรพิษ เฉินฮวนฮวน…” เฉินซินโหรวกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันตะคอกใส่เธอ
เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันด่าทอออกไป ดูเหมือนว่าปลายสายจะมีการโต้งเถียงกันเกิดขึ้น จากนั้นเสียงของเยี่ยจิ่งเฉินก็ดังขึ้น “ฮวนฮวน คุณโทรหาผมมีอะไรเหรอ”
“แม่ของคุณผ่าตัดมะเร็งเต้านม คุณรู้หรือเปล่า” เฉินฮวนฮวนโกรธแทนหลี่ซูฉินจนทนไม่ไหว และกล่าวอย่างโหดร้ายว่า “เธออยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว แม้แต่พยาบาลสักคนคุณก็ไม่หามาให้เธอ วันวันเอาแต่ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมากับเฉินซินโหรว คุณอย่าทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้ได้ไหม!”
เยี่ยจิ่งเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วถามว่า “คุณอยู่กับแม่ของผมที่นั่น?”