อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 200 ฉันไม่ได้โดนปลดออก
เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นจ้าวซีคิดไปเองเช่นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำยิ่งกว่าเดิม
เธอหันกลับมา และเงยหน้ามองหญิงสาวร่างสูงตรงหน้าอย่างจริงจัง ก่อนจะกล่าวว่า “ขอโทษที่ทำให้เธอผิดหวังนะ ฉันไม่ได้โดนปลดออก”
“จ้าวซี แวบแรกที่ฉันเห็นเธอ แค่มองก็รู้สึกว่าเธอดูมีมาดนางแบบ ฉันคิดว่าในใจว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่สง่างามมากคนหนึ่ง”
“แต่พอเราได้มารู้จักกัน เธอทำลายความประทับใจแรกที่ฉันมีต่อเธอไปหมดเลย”
เมื่อจ้าวซีได้ฟัง ดวงตาที่เดิมทีไม่ใหญ่มากนัก ถลึงตาใส่จนลูกตาแทบถลน สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เธอขบฟันกรามเข้าหากัน “เฉินฮวนฮวน เธอ…”
ทว่า หลังจากเธอเรียกชื่อของเฉินฮวนฮวน เธอกลับพูดอะไรไม่ออก
เพราะว่าตอนแรกเฉินฮวนฮวนเป็นคนที่เกาเหวินพาเข้ามา ตัวเองต่อต้านเธอโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่มองเธอจะรู้สึกขัดหูขัดตาไปเสียหมด ทว่าตอนนี้…จ้าวซีพบว่า ไม่รู้ว่าตัวเองเกลียดอะไรเฉินฮวนฮวนกันแน่
การเกลียดโดยไม่มีสาเหตุนั่นเอง
“จ้าวซี ถ้ารวมคืนนี้ด้วย ชีวิตในหอพักเหลือแค่หกคืนแล้วนะ ฉันไม่อยากมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับรูมเมทอีก หวังว่าเธอจะหยุดโจมตีฉันสักทีนะ”
เฉินฮวนฮวนกล่าวประโยคนี้ทิ้งไว้ ก่อนจะเดินไปที่ระเบียง และเก็บชุดนอนที่แห้งแล้วและชุดฝึกซ้อมของตัวเอง
เมื่อมองไปยังด้านหลังของเฉินฮวนฮวน จ้าวซีขบฟันกรามเข้าหากัน มือทั้งสองกำแน่น เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของเฟิงหานชวน เธอโพล่งถามออกไปว่า “ทำไมเฟิงหานชวนไม่ปลดเธอออก”
เฉินฮวนฮวนยังคงจัดการสิ่งที่อยู่ในมือต่อไปโดยไม่สนใจคำถามของจ้าวซี เธอคร้านจะสนใจ และไม่อยากจะสนใจ
เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่สนใจตัวเอง จ้าวซียิ่งร้อนอกร้อนใจ เธอเอ่ยถามอีกครั้ง “ฮวนฮวน ฉันกำลังถามเธออยู่นะ! ทำไมเฟิงหานชวนไม่ปลดเธอออก ในเมื่อเธอร้องไห้หนักขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเธอโดนปลดออกหรอกเหรอ”
เรื่องนี้ทำให้จ้าวซีเต็มไปด้วยความสงสัย ในเมื่อเฉินฮวนฮวนร้องไห้หนักขนาดนั้น เธอกลับไ้ม่ได้โดนปลดออก หรือว่าเฟิงหานชวนเมตตาปล่อยเฉินฮวนฮวนไปอย่างนั้นเหรอ
หรือว่า…มีเหตุผลอื่น?
เฉินฮวนฮวนเดินเข้ามาจากระเบียงโดยไม่แม้แต่จะมองจ้าวซีเลยสักนิด เธอตรงดิ่งไปนั่งข้างเตียงของตัวเอง แล้วพับเสื้อผ้าไว้ข้างหมอน
“เฉินฮวนฮวน!” จ้าวซีรู้สึกว่าตัวเองถูกเมินเฉย เธอร้องเรียกเสียงแหลม
ฉิวอิ๋งที่นอนอยู่ข้างๆ ขยี้หู และกล่าวอย่างหงุดหงิด “ฮวนฮวน เธอก็ตอบคำถามของเสี่ยวซีหน่อยเถอะ ไม่งั้นเธออยากให้ทุกคนนอนไม่หลับใช่ไหม”
ฉิวอิ๋งเป็นหัวหน้าหอพัก เหตุผลที่เธอได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหอพัก เป็นเพราะว่าฉิวอิ๋งมีความเป็นผู้นำ
ทันทีที่เธอกล่าวเช่นนี้ หากเฉินฮวนฮวนยังไม่ตอบ ดูเหมือนว่าเฉินฮวนฮวนคนที่เอาแต่เงียบคนนี้จะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของทุกคนเสียแล้ว
เฉินฮวนฮวนไม่มีทางเลี่ยง เธอรู้ว่าฉิวอิ๋งเป็นคนของฝ่ายจ้าวซี ทว่าคำพูดของฉิวอิ๋งรัดกุมไม่มีช่องโหว่ ทำให้เธอไม่อาจโต้แย้งได้
ทว่า ความจริงเธอเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว ตอนนี้เธอก็สามารถใช้ประโยชน์ผ่านปากของจ้าวซีถ่ายทอดออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะได้ไม่ต้องอธิบายให้คนอื่นฟังอีก
“คำตอบของฉันคือใช่” ทันทีที่เฉินฮวนฮวนเอ่ยออกไป ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน
ติงเซียงรีบคลุมผมเดินออกมา และถามอย่างร้อนใจ “ฮวนฮวน เธอกลับมาแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ เธอไม่ได้เข้าห้องเรียนทั้งคืน ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่!”
“ติงเซียง เธอหุบปาก!” เมื่อติงเซียงถามรัวยาวเป็นชุด จ้าวซีตวาดใส่เธอด้วยความโมโห
ความจริงแล้วติงเซียงเป็นคนค่อนข้างขี้กลัว เธอจึงเงียบเสียงลงทันที
“จ้าวซี ขอโทษติงเซียงซะ” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นจากเตียงแล้วมาหยุดยืนคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้าจ้าวซี น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลัง
“ฉันไม่เป็นไร ฮวนฮวน เธออย่าทะเลาะกับจ้าวซีเพราะฉันเลย” ติงเซียงรีบเดินเข้ามาดึงแขนของเฉินฮวนฮวน
“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย จำเป็นต้องขอโทษด้วยเหรอ” จ้าวซีกลอกตาคล้ายจะยียวนกวนประสาท
ถึงอย่างไร ตอนนี้เธอกำลังยุแหย่คนสองคนที่ไร้อำนาจอย่างติงเซียงและเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่หลินอวี่หยาง อีกอย่างหลินอวี่หยางก็ไม่มีทางรับผิดชอบทุกเรื่องให้เฉินฮวนฮวนและติงเซียงได้หรอก
“ถ้าเธอขอโทษติงเซียง ฉันก็จะตอบคำถามของเธอ” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไป แฝงไว้ด้วยอำนาจการต่อรอง
“เธอ…” จ้าวซีไม่คิดว่าเฉินฮวนฮวนจะมาไม้นี้ เธออดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เฉินฮวนฮวน
ติงเซียงส่ายหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮวนฮวน ฉันไม่เป็นไร จ้าวซีก็ไม่ได้ตั้งใจ ช่างมันเถอะ”
“ฉันช่างมันก็ได้ แต่เขาก็ไม่ต้องมาอยากฟังเรื่องอะไรจากปากฉัน” เฉินฮวนฮวนหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายไม่ทุกข์ร้อน และสบายอกสบายใจเป็นพิเศษ
จ้าวซีกำหมัดเข้าหากันแน่น ตอนนี้เธออยากรู้มากว่าเฟิงหานชวนพูดอะไรกับเฉินฮวนฮวนกันแน่ ทว่าเฉินฮวนฮวนกลับจงใจยักท่าเล่นตัว แถมยังให้เธอขอโทษติงเซียงอีก
ทว่า เพื่อที่จะรู้ความจริง จ้าวซีกัดฟันกรอด และหันกลับมากล่าวกับติงเซียงอย่างขอไปที “ขอโทษนะ ติงเซียง”
“หะ?” เสียงของเธอช่างแผ่วเบา ติงเซียงถามอย่างสงสัย “จ้าวซี เธอกำลังพูดอะไรเหรอ”
ความจริงเธอได้ยินแล้ว ทว่าเธอจงใจถาม แม้ว่าเธอจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ทว่าเธอก็ไม่ยอมให้ใครรังแกได้ตามใจชอบ
“ฉัน…ฉันบอกว่า ขอโทษนะ ติงเซียง!” จ้าวซีทำได้เพียงเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น และหันกลับมาถามเฉินฮวนฮวน “แบบนี้ได้หรือยัง”
“เธอไม่ได้ขอโทษฉัน ถามฉันว่าได้หรือไม่ได้ไปทำไมกัน เธอควรถามติงเซียงนะ” เฉินฮวนฮวนยักไหล่
จ้าวซีกัดฟันกรอดอีกครั้ง เธอได้แต่มองไปที่ติงเซียง และถามว่า “ติงเซียง ฉันขอโทษเธอแล้ว เธอรับคำขอโทษจากฉันได้ไหม”
“อืม ฉันรับได้อยู่แล้ว จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก” ติงเซียงยิ้มน้อยๆ พลางโบกมือไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ท่าทางคล้ายจะโอนอ่อนผ่อนตาม
ดังนั้น จ้าวซีไม่ได้ส่งความเกลียดชังไปยังติงเซียงเลย ตรงกันข้าม เธอส่งความกล้ำกลืนฝืนใจขอโทษติงเซียงไปยังเฉินฮวนฮวนทั้งหมด เธอรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เฉินฮวนฮวนจงใจทำให้เธอต้องอับอาย
ทว่า ถูกต้องแล้ว จริงๆ แล้วเฉินฮวนฮวนจงใจ
“เฉินฮวนฮวน ฉันขอโทษติงเซียงแล้ว ติงเซียงก็ยอมรับคำขอโทษของฉันแล้ว เธอบอกพวกเราได้แล้วว่า เธอกับเฟิงหานชวนเกิดอะไรขึ้นกันแน่” จ้าวซีแอบกัดฟันกรอด และกล่าวเน้นย้ำว่า “ฉันพูดจริงทำจริง ทำตามที่พูดไว้ เธอก็ต้องบอกความจริงมา อย่ามามั่วนิ่ม!”
เฉินฮวนฮวนนั่งลงบนเตียงของตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ เมื่อเห็นท่าทางกล้ำกลืนฝืนใจขอโทษของจ้าวซี นึกไม่ถึงว่า เธอจะรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาได้บ้าง
เธอเลิกคิ้วขึ้น มือทั้งสองข้างเท้าค้างเอาไว้ ก่อนจะกล่าวว่า “จริงๆ เรื่องมันง่ายมาก”
“ง่าย? งั้นเธอก็พูดมาสิ!” จ้าวซีร้อนใจทนรอไม่ไหว เธออยากรู้เรื่องของเฟิงหานชวนเป็นอย่างมาก
“เฟิงหานชวนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหวาเถิง เพราะฉันรายงานเรื่องของซุนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟย ทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท ดังนั้นเขาจึงลากฉันออกไปตามลำพัง และอบรมฉันในห้องรับรองอยู่พักหนึ่ง…”
นี่คือบทสนทนาของเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนในห้องรับรอง