อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 22 ฉันไปส่งเธอที่โรงเรียน
เฟิงหานชวนอุ้มเฉินฮวนฮวนเดินไปที่โต๊ะอาหาร
เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง เขาอุ้มตัวเองแบบนี้ในห้องโถงของตระกูลเฟิงได้อย่างไร
ถ้าคนรับใช้ของตระกูลเฟิงมาเห็นจะอธิบายอย่างไร!
ในตอนนี้เอง สิ่งที่เฉินฮวนฮวนกำลังคิดก็เกิดขึ้นจนได้
แม่บ้านหลี่ยกถ้วยเดินออกมา และเจอพวกเขาอยู่ตรงหน้า
เสียง “เพล้ง” ดังขึ้น ถ้วยและตะเกียบตกลงบนพื้น เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ดวงตาทั้งสองของแม่บ้านหลี่เบิกกว้างยิ่งกว่าระฆังทองแดงเสียอีก เฉินฮวนฮวนรีบดิ้นรนลงจากอ้อมแขนของเฟิงหานชวน และยืนบนพื้น
ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ เธอรีบเดินไปหาแม่บ้านหลี่ และหยิบถ้วยกับตะเกียบบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะอธิบายว่า “แม่บ้านหลี่ คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันกับคุณชายสามไม่ใช่อย่างที่คุณคิด…”
ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกทั้งอึดอัดทั้งกังวลใจ ในใจของเธอราวกับมดบนหม้อร้อนๆ กระวนกระวายใจอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ความคิดของเธอกำลังตีกันในหัวอย่างวุ่นวายไปหมด เธอคิดหาเหตุผลที่จะอธิบายตอนนี้ไม่ได้จริงๆ
ในตอนนี้เอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง “เฉินฮวนฮวนเพิ่งเป็นลม ผมก็เลยจะอุ้มเธอไปที่เก้าอี้”
“เป็น เป็นลม?” เฉินฮวนฮวนเอ่ยขึ้น ทันทีที่เธอหันหน้าไป ก็สบตากับสายตาอึมครึมของเฟิงหานชวนพอดี
เธอพยักหน้าทันที จากนั้นหันไปอธิบายกับแม่บ้านหลี่ว่า “แม่บ้านหลี่ มันเป็นแบบนี้นะคะ ฉันน้ำตาลในเลือดต่ำ ฉันเพิ่งเป็นลมอยู่ที่พื้นในห้องรับแขกน่ะค่ะ”
“อ๋อ อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง! ฮวนฮวน งั้นคุณรีบไปนั่งเถอะค่ะ ฉันจะไปล้างถ้วยกับตะเกียบใหม่” แม่บ้านหลี่หยิบถ้วยและตะเกียบในมือของเธอ และหันหลังเดินเข้าไปในห้องครัว
เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น และยกมือขึ้นขยุ้มศีรษะย่างอดไม่ได้ จากนั้นเธอก็หันหน้ากลับมาอีกครั้ง และมองเฟิงหานชวนอย่างเดือดดาล
เดิมทีเธอคิดจะหนีออกไปเลย แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นโรค “น้ำตาลในเลือดต่ำ” จำเป็นต้องกินข้าวเช้าก่อนออกไป ไม่อย่างนั้นแม่บ้านหลี่คงไม่เชื่อคำอธิบายเมื่อสักครู่
ดังนั้น เฉินฮวนฮวนทำได้เพียงกัดฟันเดินไปข้างหน้า เมื่อเดินเพียงสองก้าว ในใจของเธอก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผู้ชายคนนี้จูบเธออย่างดุเดือดเมื่อคืน
ยิ่งไปกว่านั้น เขามีคนรักแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้กับเธอ น่ารังเกียจที่สุด!
ยิ่งเธอคิดเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เฉินฮวนฮวนหันกลับมาอีกครั้ง และยืนอยู่ตรงหน้าของเฟิงหานชวน
เฟิงหานชวนเห็นท่าทางของเธอ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความงงงวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ขณะที่เขากำลังคิดว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร เขาก็รู้สึกเจ็บบนบริเวณหลังเท้า เมื่อเขาก้มลงดู ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเหยียบเท้าของเขา
เฉินฮวนฮวนกัดฟันกรอดมองเขา เธอกดเสียงต่ำพูดลอดไรฟันออกมา “คนแก่หน้าไม่อาย!”
เมื่อพูดจบ เธอก็หันกลับไป และเดินไปที่โต๊ะอาหาร จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้
เฟิงหานชวนยืนอยู่ที่เดิม มองรองเท้าหนังของเขาที่เปื้อนรอยรองเท้า คำพูดเมื่อสักครู่ยังดังก้องในหูของเขา จากนั้นมุมปากของเขาก็กระตุกขึ้น
คนแก่หน้าไม่อาย?
พูดว่าเขาหน้าไม่อาย แต่พูดว่าเขาแก่ไม่ได้!
เฟิงหานชวนสาวเท้าไปข้างหน้า และนั่งตรงข้ามกับเฉินฮวนฮวน เขาจ้องหน้าเธออย่างไม่วางตา
เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองเธออย่างโจ่งแจ้งของเขา อย่ามองไป มองไปนอกหน้าต่าง อย่ามองเขา เธอเมินเฉยต่อสายตาคู่นั้น
“อะแฮ่ม!” เฟิงหานชวกระแอมไอขึ้น ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผมแก่กว่าคุณแค่เก้าปีเองนะ”
ปีนี้เขาอายุ 29 เฉินฮวนฮวนอายุ 20 พวกเขาต่างก็อายุขึ้นเลข 2 เธอพูดว่าเขา “แก่” ได้อย่างไร
เอะอะอะไรก็เรียกเขาว่าคนแก่ เฟิงหานชวนโกรธจนเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงตับไตไส้พุงเลยทีเดียว
แม้ว่าเมื่อคืนตัวเองจะทำเรื่องผิดศีลธรรมจริงๆ เขาหุนหันพลันแล่นจูบผู้หญิงคนนี้อย่างดุเดือด แต่เขาก็ขอโทษเธอไปแล้ว ทำไมเธอถึงยังค้างคาใจอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนอื่นแทบอยากจะปีนขึ้นบนเตียงของเขาจะตายไป เขาจูบเธอ เธอควรจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจถึงจะถูก
“ว้าว อาสามอายุตั้งยี่สิบเก้าแล้วนะ! ปีหน้าคุณก็สามสิบแล้วไม่ใช่เหรอคะ คุณแก่มากจริงๆ!” เฉินฮวนฮวนกลอกตาจนเห็นตาขาวใส่เขา และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณหาแฟนยังเป็นเด็กมหา’ลัย a แม้ไม่รู้ว่าอยู่ปีหนึ่ง ปีสอง ปีสามหรือว่าปีสี่ แต่จะว่าไป คุณก็วัวแก่กินหญ้าอ่อนนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงปลิ้นปล้อนเช่นนี้ของเธอ อารมณ์ของเฟิงหานชวนกำลังโกรธจัด ฝ่ามือหนาทุบลงบนโต๊ะอาหารจนเกิดการกระทบเสียงดัง
เฉินฮวนฮวนสะดุ้งตกใจทันที เธอมองไปที่เฟิงหานชวน ใบหน้าของชายหนุ่มอึมครึมจนน่ากลัว
ทันใดนั้น เธอรู้สึกปอดแหกขึ้นมาเสียแล้ว!
“มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว น้ำเต้าหู้มาแล้วค่ะ เช้านี้กินแพนเค้กไข่นะ!” ในตอนนี้เอง เสียงของแม่บ้านหลี่เอ่ยขึ้นขัดจังหวะพวกเขา
ทันใดนั้น หัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ก็เงียบลง ทั้งสองคนเริ่มรับประทานอาหารเช้า บรรยากาศของมื้อเช้านี้นิ่งสงบจนน่าอึดอัด
เฉินฮวนฮวนต้องการหลุดพ้นจากบรรยากาศเช่นนี้ เธอยัดทุกอย่างลงท้องจนอิ่ม ก็วางตะเกียบลง จากนั้นก็รีบวิ่งไปยังประตูห้องรับแขกแล้วเปลี่ยนรองเท้าทันที
ทว่า คาดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ข้างเธอ ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งตกใจ
“อา อาสาม คุณมาตั้งแต่ตอนไหนคะ” เธอไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวใดๆ เลยแม้แต่น้อย
เธอยังสงสัยว่า เฟิงหานชวนเป็นผีหรือเปล่า!
เฟิงหานชวนไม่ตอบ เขาสวมรองเท้าหนัง เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรองเท้าเลยด้วยซ้ำ ทว่าเขาดึงกระดาษสองแผ่น และเช็ดรอยรองเท้าที่ประทับบนรองเท้าหนังของเขาอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวนอย่างจงใจ
เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นการกระทำเช่นนี้ของเฟิงหานชวน เดิมทีเธอวางแผนจะแอบหนีเอาตัวรอด ทว่าเธอกลับหยุดอยู่กับที่โดยไม่รู้ตัว
รอยรองเท้านี้ เป็นรอยที่เธอจงใจเหยียบเท้าของเฟิงหานชวน และทิ้งรอยไว้บนรองเท้าหนังของเขา
“ฉันขอโทษ” เธอเม้มริมฝีปาก ก่อนจะทิ้งประโยคนั้นไว้กับเขาแล้วหมุนตัวกลับเดินออกไป
ทว่าเธอก้าวเท้าเดินไปเพียงหนึ่งก้าว ข้อมือของเธอก็ถูกมือข้างหนึ่งคว้าเอาไว้ เธอหันกลับมา สบตากับดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำของเฟิงหานชวนคู่นั้น ราวกับสามารถดึงเธอเข้าสู่วังน้ำวนที่ลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุด
เฟิงหานชวนเป็นคนแบบไหนกันแน่ เธอมองไม่ออกจริงๆ
บางครั้งเธอรู้สึกว่าคนเป็นคนดีมาก บางครั้งเธอก็รู้ว่าเขาน่ารำคาญมาก เขาเหมือนเป็นคนที่มีสองบุคลิก
ตอนเขาปกป้องเธอ ตอนเขาช่วยเหลือเธอ เขาเหมือนกับเทวดาที่ลงมาจากฟ้า แต่ตอนเขาพูดเย้ยหยันเธอ ตอนเขารังควานเธอ เขาเหมือนกับผู้ชายที่มีกลิ่นเหม็นเน่าจนน่ารังเกียจคนหนึ่ง
“ผมจะไปส่งคุณที่โรงเรียน” เฟิงหานชวนมองใบหน้าเรียวเล็กหมดจดของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้พลันนึกถึงท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูกของเธอเมื่อคืน ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบในส่วนลึกหัวใจ
“ไปส่งฉันที่โรงเรียน?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก สงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไป
“ผมมีธุระ ผ่านทางนั้นพอดี” เฟิงหานชวนยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกอยากจะปฏิเสธเขา ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่กับเฟิงหานชวนตามลำพัง เธอกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อคืนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตเธอเมื่อคืน และเธอขอบคุณเขาไปแล้ว ทว่าเธอก็ยังกลัว
“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนลังเลว่าจะปฏิเสธอย่างไร
“ถือโอกาสพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วย” ขณะเฟิงหานชวนพูด เขาก็ดึงเฉินฮวนฮวนตรงไปที่โรงจอดรถ
เธอไม่มีช่องว่างให้ปฏิเสธเขาได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเดินมาถึงที่รถ เธอตั้งใจเปิดประตูด้านหลัง และเข้าไปนั่งเบาะหลัง เพื่อเธอจะได้รักษาระยะห่างกับเฟิงหานชวน
เฟิงหานชวนเห็นการกระทำเช่นนี้ของเฉินฮวนฮวน ใบหน้าของเขาหงิกงอบึ้งตึง และเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ไปนั่งข้างหน้า!”