อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 224 เก่งกาจมากกว่าที่เธอคาดคิดไว้
“เสี่ยวลี่ เธออย่าวุ่นวาย!” หลิวหลี่ถงมองเสี่ยวลี่อย่างดุๆ
ผิวของเสี่ยวลี่มีสีเข้มเล็กน้อย รูปร่างของเธอผอมแห้งมาก เทียบกับส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูดีของหลิวหลี่ถง คนละอารมณ์เลย
“เธอนี่มันไม่มีศีลธรรม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะยั่วยวนคุณชายสามฉันจะไม่พูดสักคำ คุณชายสามเมื่อก่อนเป็นโสด แต่ตอนนี้คุณชายสามมีภรรยาแล้ว เธอทำแบบนี้……” เสี่ยวลี่ตักเตือนอย่างจริงจัง แต่ถูกหลิวหลี่ถงตัดบท
“ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้ว ให้เธอหยุดพูดได้แล้ว เธอหุบปากซะ!” หลิวหลี่ถงกัดฟันและชี้ไปที่จมูกของเสี่ยวลี่แล้วพูดว่า “คุณชายสามเป็นคนมาหาฉันเอง ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนดึงเขาเข้าไปในห้องหรือไง? ถ้าเธอกล้าพูดออกไป คุณชายสามไล่เธอออกแน่”
“เสี่ยวลี่ เธอต้องคิดถึงสามีและลูกชายในชนบท!” หลิวหลี่ถงเอนตัวเข้าไปข้างหูเสี่ยวลี่และแอบขู่อย่างเงียบๆ
เสี่ยวลี่ขมวดคิ้ว ใบหน้าลังเลปรากฏขึ้น สองมือที่ผอมดังฟืนของเธอประกบกันและรู้สึกประหม่า
ห้องของเธออยู่ตรงข้ามห้องหลิวหลี่ถงพอดี เมื่อคืนเธอบังเอิญเห็นคุณชายสามออกมาจากห้องของหลิวหลี่ถง ดังนั้นเธอจึงตามถามหลิวหลี่ถง หลิวหลี่ถงบอกให้เธออย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไม่เช่นนั้นคุณชายสามจะโกรธ เธอก็รู้เลยว่าหลิวหลี่ถงและคุณชายสามมีเรื่องอย่างว่ากัน
แต่ตอนนี้คุณชายสามมีภรรยาแล้ว แม้กระทั่งเมื่อครู่เสี่ยวลี่ก็เห็นหลิวหลี่ถงพูดอะไรกับคุณนายสามบ้าง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตักเตือนหลิวหลี่ถง
“ฉันไม่พูดออกไปหรอก ฉันไม่กล้าทำให้คุณชายสามโกรธ” เสี่ยวลี่ไม่กล้าพูดเรื่อยเปื่อยแน่ เพราะเธอต้องทำงานที่นี่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว เธอคนเดียวต้องเลี้ยงดูทั้งครอบครัว
โดยเฉพาะสามีซึ่งพิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่สามารถทำงานได้และยังมีอาการข้างเคียง ซึ่งต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก
“อืม ทำอย่างนี้ถูกแล้ว” หลิวหลี่ถงเอื้อมมือออกไปตบไหล่เสี่ยวลี่โดยเฉพาะ ซึ่งที่จริงแล้วต้องการให้เธอรู้สึกตัว
อันที่จริงเมื่อคืนก่อน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอและคุณชายสาม แต่เสี่ยวลี่เข้าใจผิดว่าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอก็ไม่อยากอธิบาย เพราะเธอหวังว่าตัวเองจะเกิดเรื่องแบบนั้นกับคุณชายสามจริงๆ
“ในเมื่อเธอกับคุณชายสามเกิดเรื่องแบบนั้น เธอก็ไม่ควรใกล้ชิดคุณนายสามมากนัก” เสี่ยวลี่พูดตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่ยังคงพูดออกมา ร่างกายที่ผอมแห้งแรงน้อยของเธอดูออกว่าเธอขาดสารอาหาร
“ฉันกับคุณนายสามจะเป็นยังไงไม่เกี่ยวกับเธอ เสี่ยวลี่ ดูแลตัวเธอเองเถอะ” หลิวหลี่ถงกลอกตามองบนใส่ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรำคาญ
เสี่ยวลี่อ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นหลิวหลี่ถงที่กดขี่ครอบงำอยู่เบื้องหน้าเธอ เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลังจากคิดดูแล้วก็พูดว่า: “เธออายุยังน้อย ไม่ควรเป็นเมียน้อย ควรหาคนที่ดีและแต่งงานอย่างถูกต้องเปิดเผย แทนที่จะไปทำลายชีวิตคู่ของคนอื่น”
“แต่งงาน? เช่นเดียวกับเธอ แต่งงานกับผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ ฉันยังต้องเสียเงินเพื่อเลี้ยงดูเขา?” หลิวหลี่ถงหัวเราะเยาะสองสามครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
สีหน้าของเสี่ยวลี่เปลี่ยนไปในทันทีและรีบปฏิเสธว่า: “ชายหนุ่มของฉันนอกจากเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นคนมีความสามารถมาก”
“มีความสามารถมากจะมีประโยชน์อะไร? หาเงินได้เท่าไหร่? เมื่อก่อนก็เป็นแค่ช่างทาสีไม่ใช่หรือ?” หลิวหลี่ถงใช่ว่าจะไม่รู้พื้นภูมิของเสี่ยวลี่ น้ำเสียงของเธอแปลกประหลาดมาก ทุกประโยคมีแต่คำดูถูกเสี่ยวลี่
เสี่ยวลี่ถึงกับพูดไม่ออก
“ก็ได้ ไม่ต้องสนใจเรื่องของฉัน ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจว่าให้สามีของเธอ ฉันจะเป็นยังไง เธอไม่ต้องมาเป็นห่วง” เมื่อเห็นสีหน้าของเสี่ยวลี่แย่มาก หลิวหลี่ถงก็กลัวว่าเธอจะพูดไปเรื่อย จึงรีบปลอบเธอไม่กี่ประโยค
เสี่ยวลี่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถพูดคุยสื่อสารกับหลิวหลี่ถงได้ เธอจึงหันหลังและจากไป
หลิวหลี่ถงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้ว่าเพื่องานแล้วเสี่ยวลี่ไม่มีทางเอาเรื่องนี้ออกไปพูด ดังนั้นจึงพักผ่อนบนผ้าปูที่นอนอย่างสบายใจ
เพียงแต่ว่าจู่ๆเธอก็คิดถึงว่าเฉินฮวนฮวนกับคุณชายสามไปอาศัยอยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนจะพาเธอไปด้วยไหม ถ้าเฉินฮวนฮวนไม่พาตัวเธอไปด้วย อีกหน่อยเธอก็จะไม่ได้เจอคุณชายสามอีกแล้วหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิวหลี่ถงก็ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
……
อีกฝั่งหนึ่ง เฉินฮวนฮวนออกไปนอกบ้านกับหลินอวี่หยางอย่างมีความสุข
หลินอวี่หยางนำคนขับรถของตระกูลหลินมาด้วย และคนขับรถพาพวกเธอไปส่งที่หน้าประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้า
ขณะที่ลงจากรถ เฉินฮวนฮวนเพิ่งสังเกตว่าที่นี่คือห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวน ที่เธอเคยมากับเฉินนานา
ห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนเป็นทรัพย์สินของตระกูลเฟิง และในห้างนี้เธอยังเกิดเหตุการณ์ที่ลำบากใจขึ้น ท้ายที่สุดคนที่ชื่ออันฉีที่เป็นคนแนะนำสินค้าถูกไล่ออก หลิวเสี่ยวจิงก็ต้องถูกภรรยาคนเแรกตบตีอย่างแน่นอน
เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ตอนนี้ก็คือเสื้อผ้าของวีวี่ หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เฟิงหานชวนก็ให้คนนำเสื้อผ้าของวีวี่ ที่มีขนาดของเธอไปส่ง รวมถึงเครื่องประดับด้วย ให้นำไปส่งที่บ้านตระกูลเฟิงทั้งหมด
ดังนั้น กระเป๋าของเธอในตอนนี้ ชุดนอนกระโปรง เสื้อผ้า เสื้อตัวนอก ล้วนเป็นของวีวี่ทั้งหมด ทำให้เธอกลายเป็นลูกค้าเฉพาะของวีวี่
“ฮวนฮวน เธอคิดอะไรทำไมเหม่อลอยหล่ะ? นี่คือทรัพย์สินของครอบครัวเธอ ถ้าฉันซื้อของต้องมีส่วนลดให้ฉันนะ!” หลินอวี่หยางโอบไหล่ของเฉินฮวนฮวนและพูดติดตลก
“หยางหยาง ฉันไม่มีสิทธิ์ให้ส่วนลดแก่เธอนะ กิจการเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การบริหารของฉัน……” เฉินฮวนฮวนรู้สึกลำบากใจ เธอนึกว่าหลินอวี่หยางต้องการส่วนลดจริงๆ
เธอแค่แต่งงานกับเฟิงหานชวน ไม่เคยคิดที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องธุรกิจเหล่านี้ของตระกูลเฟิง และไม่มีสิทธิ์ในการจัดการและรับมรดกของครอบครัวของตระกูลเฟิง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้ส่วนลดกับหลินอวี่หยาง แต่ถ้าเธอเข้าไปยุ่ง เกรงว่าคนในบ้านตระกูลเฟิงจะคิดมาก
“อ๊ะ ฉันแค่ล้อเล่นกับเธอ! เธออย่ากังวลไปเลย ฉันแค่ตั้งใจจะพูดขำๆ” หลินอวี่หยางตบไหล่เฉินฮวนฮวนและอธิบายว่า “ไม่ใช่เพราะอวิ๋นตวนเป็นสมบัติของตระกูลเฟิงฉันเลยพาเธอมาเล่นที่นี่ แต่เพราะมันเป็นห้างสรรพสินค้าที่ครบวงจรมากที่สุด เพราะฉะนั้นฉันถึงพาเธอมาที่นี่”
“แต่ว่าฮวนฮวน มีเรื่องหนึ่งเธอรู้ไหม? เกี่ยวกับอวิ๋นตวนและอาเฟิงของเธอ” หลินอวี่หยางกล่าวขึ้นมา
เฉินฮวนฮวนเริ่มสงสัยและถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ?”
เธอก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่งทันที
เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนก่อตั้ง Rกรุ๊ปในต่างประเทศด้วยตัวเอง ไม่ได้ร่วมดำเนินงานกับตระกูลเฟิง แต่เนื่องจากห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนเป็นอุตสาหกรรมของตระกูลเฟิง แล้วทำไมคราวก่อนเธอถึงเห็นเฟิงหานชวนตรวจงานจัดการประชุมที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้?
“อาเฟิงของเธอเก่งกาจมาก!” หลินอวี่หยางกล่าวด้วยความชื่นชม: “ในตอนแรก ห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนของตระกูลเฟิงถูกส่งต่อจากนายท่านเฟิงให้อยู่ในมือของเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวินสองพี่น้อง เป็นห้างสรรพสินค้าแรกๆในยุคต้น ค่อยๆล้มลงและ ถูกห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ที่เกิดขึ้นใหม่แซงหน้า ผลประกอบการแย่มาก……”
“แล้วยังไงต่อ?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างไม่ลดละ
“หลังจากนั้น ก็เป็นอาเฟิงของบ้านเธอออกโรง” หลินอวี่หยางดูชื่นชมอย่างมาก พยักหน้าและพูดต่อว่า “ว่ากันว่าลุงทั้งสองคนขอความช่วยเหลือจากอาเฟิง เดิมทีอาเฟิงไม่อยากสนใจเรื่องของตระกูลเฟิง แต่ต่อมาก็ช่วยเหลือ ภายใต้การแนะนำของอาเฟิง ห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของการจัดอันดับห้างสรรพสินค้า และสร้างสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์”
“ว้าว……” เฮินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาขณะที่เธอฟังคำอธิบายของหลินอวี่หยาง
เธอคิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนไม่ได้เก่งกาจเหมือนที่เธอคิดไว้ แต่เก่งกว่าที่เธอคาดคิดไว้มาก
“แปลกใจขนาดนี้เลย ดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องอาเฟิงน้อยเกินไป!” หลินอวี่หยางเม้มริมฝีปากและถามอย่างสงสัย: “ฉันดูจากท่าทางของเขา เดาว่าเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องพวกนี้กับเธอ ถ้าเธอสองคนคบหากัน คุยเรื่องอะไรกันบ้างนะ?”
“เอ่อ…” เฉินฮวนฮวนหยุดกะทันหัน
เมื่อเธออยู่กับเฟิงหานชวนคุยอะไรกันบ้าง?
เธอครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูเหมือนจะคุยถึงแต่เรื่องของเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยมากเท่าไหร่ เวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับ——เรื่องรักๆใคร่ๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนก็แดงขึ้นทันที
“ฮวนฮวน หน้าเธอแดง!” หลินอวี่หยางอุทานและรีบเอื้อมมือมาปิดปาก ลดเสียงลงและถามด้วยเสียงเบา: “เธอสองคนอยู่ด้วยกัน คงไม่ใช่ว่าไม่คุยอะไรกันเลย ทำแต่ธุระส่วนตัว?”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ……” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างเร็ว แต่สีหน้าของเธอยิ่งอยู่ยิ่งแดงขึ้น
เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“ไม่ใช่?” หลินอวี่หยางแอบยิ้มสองครั้ง แสดงออกถึงรอยยิ้มที่อธิบายไม่ถูกและพูดอย่างมั่นใจ: “ฉันเดาแม่นไม่ผิดแน่ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนทำไมเธอถึงไม่มีเวลาแม้แต่จะดูโทรศัพท์มือถือ?”
“หยางหยาง ไม่ใช่ เธอหยุดพูดเลย…” เฉินฮวนฮวนเขินอายเหลือเกิน
“ได้ ได้ ได้ ฉันไม่พูดแล้วฉันไม่พูดแล้ว เรารีบไปทานอาหารกันก่อนเถอะ! ถ้าไม่ใช่ว่าทานผลไม้ที่บ้านเธอไปหน่อย ฉันคงหิวมาก ฉันไม่ได้ทานอาหารเช้า” หลินอวี่หยางจับมือเฉินฮวนฮวนแล้วเดินเข้าไปข้างใน
หลินอวี่หยางถามความคิดเห็นของเฉินฮวนฮวนก่อน เฉินฮวนฮวนก็ไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี หลินอวี่หยางอยากทานเนื้อย่าง ทั้งสองจึงเดินไปร้านเนื้อย่างเกาหลีที่ชั้นห้า
หลินอวี่หยางชอบทานที่สุด เธอสั่งเนื้อจำนวนมากในคราวเดียว ทั้งสองคุยกันระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ
ขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน พนักงานเสิร์ฟสองคนรวมตัวกันในสถานที่ลับตาคน พวกเธอมองเฉินฮวนฮวนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่ละสายตา
“เธอนั่นเอง คุณหนูของตระกูลเฟิงนั้น อันฉีถูกไล่ออกเพราะเธอ” สาวผมเหลืองพูดเสียงกระซิบ
“งั้นพวกเราไปรายงานกับผู้จัดการดีไหม? คุณหนูตระกูลเฟิงมาทานอาหารแล้วร้านของเราจะเก็บเงินได้ไหม?” พนักงานเสิร์ฟผมดำทำสีหน้าครุ่นคิด
“ไม่เห็นมีอะไรน่ารายงาน? ร้านของเราจ่ายค่าเช่าให้กับห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวน ไม่ใช่ตระกูลเฟิงเปิดซะหน่อย ทำไมเราจะเก็บเงินไม่ได้หล่ะ?” ผมสีเหลืองเย้ยหยันและพูดว่า: “ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคุณหนูเฟิงที่แท้จริง ดูเหมือนว่าเธอชื่อเฉินฮวนฮวน เธอก็ไม่ได้นามสกุลเฟิง เป็นญาติกันแค่ในนามเท่านั้น”
ผมสาวผมเหลืองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอันฉี ดังนั้นเธอจึงพูดแทนอันฉี เธอคิดว่าอันฉีเพียงแค่มีปัญหาเรื่องทัศนคติ แต่ใครให้คุณหนูตระกูลเฟิงแต่งตัวโทรมเกิน?
สุดท้ายด้วยเรื่องทัศนคติ อันฉีซึ่งเป็นพนักงานที่มียอดแบบนี้ก็ถูกไล่ออกโดยปริยาย ไม่มีแม้แต่ที่ยืน
สาวผมเหลืองเกลียดเฉินฮวนฮวนแท้จริง เธอรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเหมือนคนพาลในสมัยโบราณโดยอาศัยฐานะญาติของจักรพรรดิ เธอก็กดขี่ผู้คนโดยไปทั่ว
“ยังไงซะเธอก็เป็นคนตระกูลเฟิงเหมือนกัน ในเมื่อเรารู้ว่าเธอมานี่ ไม่บอกผู้จัดการสักคำ คงไม่ดีมั้ง?” พนักงานเสิร์ฟผมดำยังคงครุ่นคิดต่อ
“ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ทำเป็นไม่รู้สิ!” ผมสีเหลืองทำท่าทางไม่รู้สึกรู้สา
ขณะที่เธอพูดจบ หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามายื่นรายการให้เธอและสั่งว่า: “หลี่เหมย ที่โต๊ะ12ตรงโน้น ไปเสิร์ฟน้ำส้มคั้นสดสองแก้ว ให้ฉันขยันๆหน่อย! ในช่วงเที่ยงที่เป็นเวลาสำคัญแบบนี้ ยังหลบอยู่นี่คุยกันอีกเหรอ?”
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” พนักงานเสิร์ฟผมเหลืองชื่อหลี่เหมยเหลือบมองไปที่โต๊ะ12 ซึ่งเป็นที่นั่งของเฉินฮวนฮวน
เฉินฮวนฮวนกระหายน้ำมาก ในที่สุดก็รอจนกระทั่งพนักงานมาเสิร์ฟน้ำส้ม ในตอนนี้เธอต้องการดื่มเครื่องดื่มรสเปรี้ยวอย่างไม่มีเหตุผล
หลี่เหมยวางน้ำส้มหนึ่งแก้วไว้ด้านหน้าหลินอวี่หยางก่อน และเมื่อเธอหยิบน้ำส้มอีกแก้วมาวางด้านหน้าเฉินฮวนฮวน เธอกลอกดวงตาไปมา แกล้งทำเป็นมือสั่นแล้วแก้วก็หกลงไป
น้ำส้มสีเหลืองไหลลงจากโต๊ะทันที ทั้งหมดหยดลงบนกระโปรงตาข่ายของเฉินฮวนฮวน
“คุณหนูคะ ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ฉันจะรีบเสิร์ฟให้คุณอีกแก้ว…” หลี่เหมยแสร้งทำเป็นขอโทษ ทั้งๆที่เธอจงใจ
“ฮวนฮวน!” หลินอวี่หยางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เหลือบมองกระโปรงของเฉินฮวนฮวนแว็บนึง และชี้ไปที่หลี่เหมยทันที “เธอทำอะไรของเธอเนี่ย ทำไมเธอถึงประมาทแบบนี้?”
“ฉันขอโทษค่ะคุณลูกค้า ฉันขอโทษจริงๆ” หลี่เหมยกล่าวขอโทษด้วยสีหน้าลำบากใจ ขอโทษขอโพยอยู่อย่างนั้น
“หยางหยาง อย่ากล่าวโทษเธอเลย คนย่อมผิดพลาดได้ ไม่เป็นไร” เฉินฮวนฮวนคิดว่าหลี่เหมยไม่ระวังจริงๆ และเธอก็ไม่อยากทำให้คนอื่นลำบาก
“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวทานเสร็จฉันจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า” หลินอวี่หยางโบกมือ และขี้เกียจเกินกว่าจะโทษพนักงานเสิร์ฟ
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เอาเรื่อง หลี่เหมยแกล้งทำเป็นขอบคุณและกล่าวว่า “ขอบคุณคุณลูกค้าทั้งสองที่เข้าใจ ฉันจะรีบไปหยิบแก้วใหม่มาให้”
หลังจากหลี่เหมยพูดจบ เธอก็รีบไปที่ห้องครัวด้านหลัง
หลังจากเทน้ำส้มเสร็จแล้ว หลี่เหมยถือโอกาสที่พ่อครัวทั้งหลายและพนักงานไม่ได้สนใจ ถุยน้ำลายสองสามหยดลงในแก้วแล้วยกน้ำส้มออกไป มาถึงที่โต๊ะ12 แล้ววางไว้ด้านหน้าของเฉินฮวนฮวน
“คุณลูกค้า เชิญดื่มตามสบายค่ะ” หลี่เหมยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า
หลี่เหมยหยิบถาดเดินจากไปอย่างมีความสุข เธอจะรีบไปบอกข่าวดีนี้ให้อันฉี
ถึงแม้เฉินฮวนฮวนจะเช็ดกระโปรงด้วยกระดาษทิชชู่ แต่ก็ยังมีรอยสีเหลืองขนาดใหญ่ที่กระโปรง หลังจากเหลือบมองไปที่น้ำส้มที่หน้าเธออีกครั้ง เธอก็รู้สึกไม่อยากดื่มแล้ว
“หยางหยาง ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ” บอกหลินอวี่หยางแล้วเฉินฮวนฮวนก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
หลังจากเข้าไปในห้องน้ำข้างๆ เฉินฮวนฮวนพบว่าผ้าอนามัยของตัวเองมีเพียงรอยสีชมพูเล็กๆ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นในวันที่สองของการมีประจำเดือน
หรือเป็นเพราะตัวเองขาดสารอาหารในค่ายฝึก ประจำเดือนเลยมาไม่ปกติ?
ขณะคิดอยู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากนอกประตู มีคนเข้ามาในห้องน้ำห้องถัดไป
เธอไม่ได้สนใจ เธอเตรียมจะฉีกผ้าอนามัยผืนใหม่ แต่ได้ยินคนข้างๆกำลังโทรศัพท์
“อันฉี ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” หญิงสาวปิดปากหัวเราะ เสียงของเธอคือพนักงานเสิร์ฟผมสีเหลือง
อันฉี?
เฉินฮวนฮวนไม่ได้ทำธุระในมือต่อ แต่นิ่งไปครู่หนึ่ง ชื่ออันฉีนี้เป็นที่นิยมมากเลย!
“อะไรนะ ตอนนี้เธอจะไปสัมภาษณ์ที่เคาเตอร์เซียงไน่เอ๋อร์ของอี๋ไท่เหรอ? เธอรอเดี๋ยว ฉันต้องบอกข่าวนี้กับเธอตอนนี้” น้ำเสียงของหลี่เหมยดูตื่นเต้นมากและพูดว่า: “เฉินฮวนฮวนคนที่ไล่เธอออกคราวก่อน ตอนนี้เธอมาทานอาหารในร้านของเรา! แล้วฉันก็ช่วยเธอแก้แค้นแล้ว”