อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 297 เธอมีหลักฐานอะไรไหม!
“คุณ…คุณรู้จักคุณยายของฉัน?” เสียงของเฉินฮวนฮวนเริ่มสั่นเครือ
เธอมองชายชราตรงหน้าเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ยังทำให้เธอนึกถึงแม่ของตัวเอง
ก่อนหน้านี้คุณยายยังพูดเสมอว่า อวิ้นเอ๋อร์ดูไม่เหมือนฉัน เธอเหมือนกับผู้ชายทรยศคนนั้น ผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีเลย
ดังนั้น ชายชราคนนี้คือ…คือ…
“ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว คุณเพิ่งมาปรากฏตัวเหรอ” เฉินฮวนฮวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน
“ไม่ ฮวนฮวน ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิด ไม่ใช่…” ชายชราส่ายหน้าไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขอบตาทั้งสองข้างของเขาเริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน “ตอนแรกฉันกับหมิงจูรักกัน แต่ฉันไม่ใช่คนจีน ฉันเป็นคนตระกูลเป๋ามาจากประเทศเฉิน ฉันต้องกลับไปบอกครอบครัว และจัดการเรื่องแต่งงานของฉันกับหมิงจู แต่พอไปครั้งนี้…”
“ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนสูญเสียความทรงจำไป จนกระทั่งช่วงก่อนหน้านี้ ฉันเพิ่งจำเรื่องราวในอดีตได้”
……
สามวันผ่านไป
ระเบียงห้องพักผู้ป่วย เฉินฮวนฮวนนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้
ทว่า ในหัวสมองของเธอเต็มไปด้วยคำพูดของคุณตาเป๋าเยี่ยน
เดิมทีคุณตาไม่ได้ตั้งใจจะปรากฏตัว เขากังวลว่าเธอจะไม่สามารถให้อภัยเขาได้ เขาแค่อยากติดตามข่าวคราวของเธออย่างเงียบๆ แต่อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เขารีบมาที่ประเทศจีน
ในช่วงสามวันมานี้ เฉินฮวนฮวนไม่ได้บอกเฟิงหานชวนเรื่องการปรากฏตัวของคุณตา ทุกอย่างราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
สองสามวันมานี้เธอเอาแต่คิดว่า ถ้าหลังจากนี้ตัวเองไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้จริงๆ เธอควรไปจากเฟิงหานชวนหรือไม่
อย่างไรเธอก็ไม่สามารถถ่วงชีวิตของเฟิงหานชวนได้ คนเก่งอย่างเฟิงหานชวนจะต้องมีลูกหลานมาสืบทอดธุรกิจของเขา
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”
ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูจากด้านนอกห้องผู้ป่วยดังขึ้นหลายครั้ง
เวลานี้ มีเพียงเธอคนเดียวในห้องผู้ป่วย แม่บ้านหลี่เพิ่งจะไปเอาข้าวที่โรงอาหารให้เธอ
และเฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนไปจัดการเรื่องคนขับรถตู้ที่โรงพัก ดังนั้นคนที่เคาะประตูตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร ใบหน้าของเธอฉายแววงุนงง
เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยถาม “ใครอยู่ข้างนอกคะ”
หากเป็นพยาบาล น่าจะบอกล่วงหน้าก่อน
“ฮวนฮวน ฉันหลิ่วเยว่เอ่อร์” เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ดังขึ้น
ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนฉายแววตกใจ ก่อนจะรีบเปิดประตู เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย และถามว่า “หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอมาที่นี่ทำไม”
การกระทำก่อนหน้านี้ของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทำให้เฉินฮวนฮวนผิดหวังเป็นอย่างมาก และตัดความสัมพันธ์กับเธอมานานแล้ว เธอไม่รู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์รู้หมายเลขห้องของเธอได้อย่างไร
“ฮวนฮวน ทำไมเธอถึงดุฉันขนาดนั้นล่ะ” หลิ่วเยว่เอ่อร์มองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ทว่าเสียงของเธอกลับร่าเริงมาก น้ำเสียงที่เธอพูดก็เหมือนกับตอนที่พวกเธอยังคบกันเป็นเพื่อน
“หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอกำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่กันแน่” เฉินฮวนฮวนสับสน
“ฉันได้ยินว่าเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เลยรีบมาเยี่ยมเธอ เธอดีขึ้นแล้วหรือยัง” น้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ยังคงแสดงถึงความห่วงใย
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องรบกวนเธอหรอก” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างเย็นชา
หลิ่วเยว่เอ่อร์ราวกับไม่ได้ยิน เธอเดินเข้ามายืนอยู่กลางห้องพักผู้ป่วย และหมุนตัวกลับมามองเฉินฮวนฮวน ท่าทางของเธอราวกับเป็นหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน
“เธอยังมีธุระอะไรไหม ถ้าไม่มีก็รีบไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว” เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการพูดคุยกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อีกต่อไป
“ฮวนฮวน ฉันมาบอกความจริงกับเธอ” ใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาทั้งสองยังคงจับจ้องไปที่เฉินฮวนฮวน ริมฝีปากขยับเปล่งเสียงออกมา
“ความจริง?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะถามด้วยความไม่เข้าใจ “ความจริงอะไร”
“เด็กที่เสียไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเธอ คือลูกของเฟิงหานชวน” หลิ่วเยว่เอ่อร์ดูเหมือนกำลังสวดมนต์ น้ำเสียงราบเรียบราวกับเครื่องบันทึกเสียงก็ไม่ปาน
“…” เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังจะทำอะไรอีก เธอเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกล่าวว่า “ใช่ นั่นคือลูกของเฟิงหานชวน เธอต้องการพูดอะไร”
เมื่ออยู่ข้างนอก เด็กในท้องของเธอคือลูกของเฟิงหานชวน เพราะในใจเธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนคือพ่อของเด็กคนนี้ไปแล้ว
เพียงแต่ ลูกยังไม่ทันโตก็จากพวกเขาไปเสียแล้ว
“สิ่งที่ฉันจะพูดคือ เธอต้องคิดว่าเด็กคนนี้คือลูกของหลิวตงรุ่ยแน่ๆ แต่ว่า เด็กคนนี้คือลูกของเฟิงหานชวน” หลิวเยว่เอ่อร์ยังคงดูเหมือนกับเครื่องบันทึกเสียง เธอท่องประโยคเหล่านี้ราวกับคนไร้วิญญาณ
เฉินฮวนฮวนรู้สึกงุนงง เมื่อมองท่าทางของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดูไม่เหมือนกับคนปกติ เธอรีบเอ่ยบอก “ฉันแนะนำให้เธอหาจิตแพทย์นะ ตอนนี้เธอเหมือนกับคนบ้าเลย”
“ฉันไม่ได้บ้า ฮวนฮวน เธอรู้ไหมว่า ผู้ชายที่ฝืนใจเธอในห้องเก็บของที่บลูส์คลับ ไม่ใช่หลิวตงรุ่ย” หลิ่วเยว่เอ่อร์กล่าวต่อ
“เธอกำลังพูดอะไรกันแน่! ไม่ใช่หลิวตงรุ่ย?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่นทันที ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาหลิ่วเยว่เอ่อร์ และเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอไว้ด้วยความตื่นตระหนก “เธอพูดอีกทีสิ!”
“คือเฟิงหานชวน คือเฟิงหานชวน คือเฟิงหานชวน” หลิ่วเยว่เอ่อร์กล่าวสามครั้ง
ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนฉายแววไม่อยากเชื่อ เธอคว้าปกเสื้อของหลิ่วเยว่เอ่อร์ไว้แน่น ทว่าเธอเคลื่อนไหวมากเกินไปจนสะเทือนไปถึงบาดแผลที่ผ่าตัด จนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เธอกุมหน้าท้องเอาไว้ ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็งไปที่หลิ่วเยว่เอ่อร์ ก่อนจะตะโกนขึ้นมาว่า “เธออย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน!”
“คือเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนฝืนใจเธอ คืนนั้นคือเฟิงหานชวน ดังนั้นเด็กที่เธอสูญเสียไปคือลูกของเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนปิดบังความจริง คือเฟิงหานชวน…” หลิ่วเยว่เอ่อร์ดูเหมือนนกแก้วที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายตัวหนึ่ง เธอพูดคำเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขาวซีด เธอเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เธอมีหลักฐานอะไรไหม เธอมีหลักฐานอะไรไหม!” เธอใช้แรงทั้งหมดตะโกนออกไป
หลิ่วเยว่เอ่อร์ยกมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ก้มลงกดบางอย่างบนโทรศัพท์มือถือ
ไม่นานนักเสียงหยาดเยิ้มของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ
“คุณชายสาม ฉันเองค่ะ เยว่เอ่อร์”
“พอใจกับคฤหาสน์ไหมครับ”
จากนั้น เสียงเรียบเฉยของเฟิงหานชวนก็ดังขึ้น น้ำเสียงฟังดูไม่ใส่ใจนัก
เมื่อได้ฟังถึงตรงนี้ รูม่านตาของเฉินฮวนฮวนก็หดลงทันที ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“พอใจค่ะ พอใจอย่างแน่นอน ฉันอยู่คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้คนเดียว ฉันไม่ชินเลยค่ะ!”
น้ำเสียงสะบัดสะบิ้งของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อก่อนหลิ่วเยว่เอ่อร์คุยกับผู้ชาย เธอชอบใช้เสียงจีบปากจีบคอเช่นนี้
“พอใจก็ดีครับ มีอะไรที่ต้องการก็ไปหาซูอวี่ได้”
นี่คือเสียงของเฟิงหานชวน เธอคุ้นเคยกับเสียงของเฟิงหานชวนเป็นอย่างดี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เฟิงหานชวนจัดเตรียมคฤหาสน์ให้หลิ่วเยว่เอ่อร์?
เฟิงหานชวนเลี้ยงดูหลิ่วเยว่เอ่อร์?
ช่วงที่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เฟิงหานชวนแอบคบกับหลิ่วเยว่เอ่อร์?
หรือว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาแอบคบกันแล้ว?
เฉินฮวนฮวนรู้สึกราวกับหัวใจถูกใครสักคนบีบจนแน่น เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เธอบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ลง และถามว่า “บันทึกนี้ตั้งแต่เมื่อไร”