อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 34 ฉันยังมีโอกาสไหม
ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกเคลียดมากเป็นพิเศษ ทำไมเมื่อกี้เธอคิดไม่ได้แบบนี้นะ
เมื่อกี้ หล่อนมัวแต่คิดเรื่องการไปเป็นกิ๊กของคนอื่น ไม่อยากใส่ใจความบ้าบอของเฟิงหานชวน ทำให้เธอลืมคิดเรื่องนี้
ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ทำไมไม่ใช้ตัวเองเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนล่ะ
ต่อให้เฟิงหานชวนแค่หยอกเล่นกับเธอก็ตาม ขอแค่ได้สร้อยคอของคุณแม่กลับมา เธอไม่ได้ใส่ใจความบริสุทธ์ของตัวเองแล้ว
เพราะว่า เธอเองไม่ได้บริสุทธ์อยู่แล้ว
แต่ว่า……
แต่ว่าเฟิงหานชวนบอกแล้วนี่ว่า เมื่อกี้เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเธอ ถ้าตอนนี้เธอไปหาเขาอีก จะต้องถูกเขาดูถูกจนไม่เหลือส่วนดีแน่ๆ
เหมือนกับที่ผ่านมา ที่เขาคิดว่าเธอเป็นเหมือนผู้หญิงที่ทำเป็นอ่อยผู้ชาย
คิ้วทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนชนกันแน่น เธอถอนหายใจทีหนึ่ง ค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปยังท้องฟ้าที่มืดสนิท ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เศร้าหมอง
……
ชีวิตที่วุ่นวายได้ผ่านไปแล้วอีกวันหนึ่ง
เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่ม เฉินฮวนฮวนปิดร้านเลิกงาน เดินไปตามทางเดิมจนถึงที่รอรถสาธารณะ
เมื่อขึ้นไปนั่งในรถแล้ว เธอก็มองชมวิวนอกหน้าต่างรถด้วยอาการเหม่อลอย
ในเมื่อเธอได้ยั่วโมโหเฟิงหานชวน กลับไปถึงบ้านเธอก็หลบเฟิงหานชวนได้แล้วนี่ แต่ว่า……
ถ้าหากเธอไปขอร้องเฟิงหานชวนโดยตรง เฟิงหานชวนต้องไม่แยแสเธอแน่ๆ และก็คงไม่ใจดีช่วยเธอหรอก
แต่ว่าถ้าหากเธอจะไปตอบรับเขา ทั้งๆที่เขาบอกว่าเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายและเธอก็ได้ปฏิเสธเขาไปแล้วด้วย ยังจะไปหาเขาอีก เขาต้องมองเธอผิดไปอีกแน่ๆ
เวลานี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าในสมองเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เวลาสั่นๆแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีจริงๆ
ไม่รู้ว่าคิดไปมาด้วยความสับสนในรถเมล์นานขนาดไหน ในที่สุดเธอก็ถึงที่หมาย หลังลงจากรถ เธอก็เดินตรงไปยังคฤหาสน์
ตามทางเดินแทบจะไม่พอเจอผู้คนเลย บางทีก็มีรถวิ่งผ่านไปสองสามคัน ล้วนแล้วแต่เป็นรถส่วนตัวของเศรษฐีในพื้นที่คฤหาสน์แถวๆนั้น
ตอนที่เฉินฮวนฮวนเดินมาถึงคฤหาสน์นั้นขาสองข้างของเธอปวดเมื้อยไปหมด
ยิ่งกว่านั้นคือว่า ตั้งแต่เที่ยงของวันนี้ เธอก็ยืนอยู่ที่ร้านชานมจนถึงกลางคืน แล้วเดินกลับมาจากที่ลงรถจนมาถึงบ้านตระกูลเฟิง ถือได้ว่าเธอก็ลำบากมากเหมือนกัน
เธอเดินเข้าไปข้างในแบบเบามือเบาเท้าจนมาถึงห้องของเธอ
ยืนอยู่หน้าประตู เธอมองไปห้องข้างๆอย่างไม่รู้สึกตัว จ้องมองประตูที่ปิดสนิทบานนั้น เธออดไม่ได้ที่จะเม้มปาก มีความรู้สึกที่ว้าวุ่นสายหนึ่งผ่านไป
เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนพักอยู่ห้องข้างๆนี้ แต่เธอไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากเขาอย่างไรดี
อีกอย่าง ตอนเย็นที่ผ่านมาพวกเขาเพิ่งจะผ่านเรื่องที่ตะขิตตะขวงมาด้วยกัน
เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแล้วก็เปิดประตูห้องของตัวเองเดินเข้าไป แม้ว่าจะเป็นห้องที่เธอพักอาศัยอยู่ แต่ว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของของมันจริงๆ
ในเร็วๆนี้ เธอก็จะออกจากที่นี่แล้ว
เฉินฮวนฮวนรู้สึกเมื้อยไปทั้งตัว ในเวลานี้เธอต้องการแค่การแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาในตลอดทั้งวัน
ตอนที่เดินออกไปหน้าระเบียง เธอกลับหาชุดนอนที่ตัวเองตากไว้ไม่เจอ ตอนแรกเธอคิดว่าแม่บ้านหลี่น่าจะเก็บใสตู้เสื้อผ้าให้เธอแล้ว แต่เธอกลับเข้ามาเปิดดูตู้เสื้อผ้าก็ยังหาชุดนอนของตัวเองไม่เจอเหมือนเดิม
ทางกลับกัน ในตู้เสื้อผ้ากลับมีชุดนอนที่สวยประณีตของผู้หญิงแขวนอยู่หลายชุด
ดึกดื่นปานนี้ เธอก็ไม่อยากจะไปรบกวนแม่บ้านหลี่ถามเรื่องชุดนอนพวกนี้ จึงเลือกชุดที่ยาวที่สุดจากชุดนอนในตู้ เป็นชุดที่ดูแล้วปกปิดร่างกายได้มิดชิดที่สุด
ตอนที่เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลงไปดู บนพื้นห้องอาบน้ำเหมือนยังเปียกๆอยู่ มองไปข้างๆบ่ออาบน้ำยังมีผ้าขนหนูสีเทาทิ้งไว้อยู่ผืนหนึ่ง
ดูแล้วก่อนที่เธอจะกลับมานั้นเฟิงหานชวนเคยอาบน้ำในนี้
เวลานั้น ระเบียงข้างๆห้องมีผู้ชายที่สวมชุดนอนหมุนตัวเดินเข้ามาในห้อง
เมื่อกี้เขาจ้องมองเฉินฮวนฮวนเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยมือเท้าที่เขย่งเดินเบาๆ ท่าทางที่กลัวว่าจะส่งเสียงรบกวน ดูๆแล้วก็เหมือนกับกระต่ายน้อย
เขาเหลือบตาไปมองนาฬิกาทีหนึ่ง แล้วก็เดินเข้าไปข้างๆเตียง เปิดผ้าห่มออกแล้วพิงอยู่ที่หัวเตียง
ทันใดนั้น เขาเหมือนจะคิดอะไรออก คิ้วค่อยๆขมวดขึ้นมา
เมื่อกี้เขากำลังทำอะไรหรอ
ยืนโง่ๆอยู่หน้าระเบียงดูนาฬิกา เพื่อคำนวณเวลาในการเดินทางกลับมาของเฉินฮวนฮวนเนี่ยนะ
เฟิงหานชวนเกาหัวด้วยความงุนงง เขากำลังทำอะไรกันแน่
เขาหยิบหนังสือจากข้างๆมาวางไว้ข้างหน้าตัวเอง
……
เฉินฮวนฮวนอยู่ในห้องน้ำแช่น้ำอุ่นอยู่เป็นเวลานาน
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอก็ส่องกระจกหน้าอ่างล้างหน้าทีหนึ่ง
เวลานี้เฟิงหานชวนอยู่แค่ข้างห้องนี้เอง ไม่รู้ว่านอนหลับหรือยัง เธอควรจะไปหาเขาหรือเปล่า
คำถามพวกนี้ วนเวียนอยู่ในหัวสมองของเฉินฮวนฮวน
แต่ว่า ไม่มีอะไรจะสำคัญกว่าสร้อยคอของแม่แล้วล่ะ ศักดิ์ศรีหรอ หรือว่าจะเป็นความมีหน้ามีตา มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้วเดินออกไปข้างนอก เดินจนถึงหน้าประตูห้องข้างๆ
“ก๊อกๆๆ” เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไป เคาะประตูเบาๆ
เฟิงหานชวนอ่านหนังสือเป็นเวลานานมาก แต่ว่าตัวหนังสือไม่เข้าหัวเลยสักตัว ทั้งหัวของเขาเต็มไปด้วยการปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าของเฉินฮวนฮวน
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นแทบจะพุ่งเข้าไปกอดเขาด้วยซ้ำ แต่ทำไมเฉินฮวนฮวนต้องปฏิเสธเขาด้วยนะ
เขาคิดยังไงก็คิดไม่ตก
ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรกันแน่
เวลานั้น เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถามด้วนน้ำเสียงกระด้าง “ใครน่ะ ”
“อาสาม ฉันเอง เฉินฮวนฮวน ” เฉินฮวนฮวนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เม้มปากด้วยความเขินอายแล้วตอบกลับไป
เมื่ออยู่ในบ้านตระกูลเฟิง เธอเรียกเฟิงหานชวนว่า “อาสาม” รู้สึกว่าเหมาะสมกว่า
ได้ยินว่าเป็นเสียงของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนรีบลงจากเตียง เดินไปยังประตู แล้วยื่นมือไปเปิดประตู
ใบหน้าเล็กๆที่สวยเพรียว ปรากฎอยู่ตรงหน้าของเขา แต่ว่า……
สายตาที่มองลงไปของเฟิงหานชวนไม่เห็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ชุดนอนที่เป็นสไตล์โบราณนั้นได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยชุดนอนอันสวยงามตามยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ชุดนอนที่ทำด้วยผ้าไหมละเอียด เนื้อผ้าบางเบา อะไรที่ควรจะโพล่ออกมาให้เห็นก็โพล่ออกมาอย่างชัดเจน
เฟิงหานชวนรู้สึกว่ากล่องเสียงเหมือนจะแหบเล็กน้อย แต่ว่าแววตาของเขากลับค่อยๆมืดมนไป น้ำเสียงกระด้างถามขึ้นมาว่า “เธอมาทำอะไร ”
มือเล็กๆของเฉินฮวนฮวนกำชายแขนเสื้อชุดนอนไว้แน่น เธอไม่กล้าสบตาโดยตรงกับสายตาที่เย็นชาของเฟิงหานชวน ทำได้แต่เม้มปาก แล้วก็เดินมาข้างหน้าสองสามก้าว
เธอหดตัวเล็กน้อย อ้อมรอบร่างที่สูงใหญ่ของเฟิงหานชวน แล้วก็เข้ามาข้างในห้อง จากนั้นก็ยื่นมือไปปิดประตู
เห็นการกระทำของเฉินฮวนฮวนอย่างนี้ แววตาของเฟิงหานชวนยิ่งมืดมนเข้าไปใหญ่ เขาทำเสียงกระแอมทีหนึ่ง สายตาทั้งสองจ้องมองผู้หญิงข้างหน้า รอคำพูดต่อจากนี้ของเธอ
“อา อาสาม คือว่าฉัน……คำพูดที่คุณพูดตอนอยู่ในร้านชานมพวกนั้น ยัง……ฉันยังมีโอกาสแก้ตัวไหม”หัวที่มืนงงของเฉินฮวนฮวน ถามด้วยน้ำเสียงที่ติดๆขาดๆ
บนใบหน้าของเฟิงหานชวน ปรากฎสีหน้าที่เยาะเย้ยขึ้นมาทันที
เขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น แต่คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเหมือนกัน แต่ว่า……
แต่ว่าถ้าจะเอาเฉินฮวนฮวนเทียบกับผู้หญิงเหล่านั้นแล้ว เธอมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่า
“มี”เฟิงหานชวนยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับสายตาที่เยือกเย็น ค่อยๆโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของเธอว่า “ถ้าคืนนี้เธอทำให้ฉันพอใจ เธอก็จะมีโอกาส”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขา ทำให้เฉินฮวนฮวนหน้าแดง