อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 343 จำได้อย่างชัดเจน
“ใช่สิ เฟิงหานชวน คุณจำได้ว่านอนทางทิศใต้ แต่ฉันเคยชินกับการนอนทางทิศเหนือแล้วน่ะสิ”
เป๋าฮวนราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ พูดจบก็หันหน้ากลับมา พบว่าใบหน้าของเฟิงหานชวนดำคล้ำและดูน่ากลัวมาก
“คุณ…คุณคงไม่ได้ป่วยอีกแล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติของเขา เป๋าฮวนรีบถามด้วยความตกใจ
“ตอนนี้คุณกับเวินซือเหยียนเป็นอะไรกัน” เฟิงหานชวนจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา และถามด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ” เป๋าฮวนรู้สึกงุนงง
เธอถามเฟิงหานชวนอย่างมีน้ำใจ สุดท้ายเฟิงหานชวนนอกประเด็น ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นนี้
“เกี่ยว เพราะว่าผมอยากรู้” เฟิงหานชวนตอบเสียงต่ำ ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เป๋าฮวนอารมณ์เสียแล้ว อย่างไรเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนป่วย เธอกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นเพื่อนกัน โอเคไหม”
“คุณเพิ่งกลับมา ก็เป็นเพื่อนกับเขาแล้ว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว น้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก
“เฟิงหานชวน นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณกำลังสงสัยฉันใช่ไหม” เป๋าฮวนหัวเสียขึ้นมาในทันที
สิ่งที่เฟิงหานชวนพูดเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เธอดูเหมือนแอบคบกับผู้ชายแปลกหน้า
“เปล่า ผมแค่อยากเข้าใจสถานการณ์ของคุณ” เฟิงหานชวนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก่อนที่ยังไม่มีสายโทรเข้าของเวินซือเหยียน เขาควบคุมมันได้ดีมาก
แต่เพราะเวินซือเหยียน เขาจึงสูญเสียการควบคุมไปเล็กน้อย
“ฉันรู้จักกับเขาตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ที่บริษัทหมิงอวี่ เช้าวันต่อมาเราเพิ่งย้ายเข้าไป ฉันอยากไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตรงประตูทางเข้า แต่ฉันกลับหลงทาง เขาก็ใจดีพาฉันออกไป” เป๋าฮวนนึกถึงเหตุการณ์ในปีนั้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย
ตอนนั้นเธอตื่นเช้ามาก ฟ้ายังไม่สว่างนัก เพื่อจะทำอาหารเช้าให้เฟิงหานชวน เธอรีบร้อนออกไปซื้อวัตถุดิบ แต่กลับหลงทางอยู่ในบริเวณคฤหาสน์
เธอหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง และกล่าวว่า “ตอนนั้นฉันเคยบอกคุณแล้ว แต่คุณน่าจะจำไม่ได้แล้ว”
เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เฟิงหานชวนจะจำได้อย่างไร
“ผมจำได้!” คำพูดของชายหนุ่มขัดจังหวะความคิดของเธอในทันที
เป๋าฮวนนิ่งไป เธอมองเขาอย่างงุนงง
เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริง และกล่าวว่า “ผมจำได้ว่าวันนั้น ผมเพิ่งพาคุณเข้ามาอยู่บ้านของเรา เพราะว่าคุณอยากทำอาหารเช้าให้ผม จึงไปซื้อวัตถุดิบ คุณถึงได้หลงทาง หลังจากนั้นผมก็ไปรับคุณที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตรงประตูทางเข้า ตอนผมไปรับคุณ เวินซือเหยียนก็ไม่อยู่แล้ว”
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ “เฉินฮวนฮวน” เฟิงหานชวนจำได้อย่างชัดเจน ราวกับสิ่งเหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเขา
ความจริงมันก็ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว
เป๋าฮวนนิ่งไป
เพราะว่า เฟิงหานชวนพูดไม่ผิด ไม่มีผิดแม้แต่คำเดียว
ตอนแรกคิดว่าเขาจะจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาแทบจะจำได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
“ระหว่างทางกลับ คุณบอกบอกผมเรื่องที่เกิดขึ้นกับเวินซือเหยียน แถมคุณยังเสียใจมากที่ไม่ได้ขอลายเซ็นจากเขา เพราะว่าเรื่องนี้นี่แหละ ผมถึงได้กินน้ำส้ม*” เฟิงหานชวนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทว่าในเสียงนั้นกลับแฝงความโศกเศร้าเอาไว้
ในตอนนั้นเขาและ “เฉินฮวนฮวน” แทบจะตัวติดกัน “เฉินฮวนฮวน” ก็ติดเขามาก
ไม่มีใครคิดเลยว่า ทั้งสองคนจะแยกจากกันถึงสามปี
แม้กระทั่งก่อนที่จะพบกับเป๋าฮวน เขาคิดว่าพวกเขาอยู่กันคนละโลกแล้ว
“โอเค คุณไม่ต้องพูดแล้ว มันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว” เป๋าฮวนเอ่ยขัดเฟิงหานชวน เธอไม่อยากกลับไปนึกถึงมันแล้ว
เธอพบว่า เฟิงหานชวนจำอะไรได้มากกว่าเธอ และละเอียดยิ่งกว่าเธอเสียอีก
ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที ทว่าเมื่อคิดถึงตอนนี้ เธอรู้สึกว่าขอบตาของเธอเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา และเธอไม่อยากหวนคิดเรื่องในอดีตอีกแล้ว
“ฮวนฮวน เมื่อกี้คุณบอกว่าผมจำไม่ได้ แต่ความจริงแล้วผมจำได้อย่างชัดเจน และจะไม่มีวันลืมมันด้วย” เฟิงหานชวนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีวันนี้
เขาก่อนที่จะพบกับ “เฉินฮวนฮวน” แทบจะเป็นคนที่หยิ่งผยองเลยทีเดียว ในแววตาของเขา ไม่เคยมีอะไรในเชิงชู้สาวเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการอยากมีชีวิตอยู่หรืออยากตายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเลย
ต่อมาเขาถึงได้รู้ว่า เขาไม่ได้พบกับเด็กสาวที่ทำให้เขาคลั่งไคล้ แต่เมื่อเขาได้พบ เขาก็รู้ว่าควรจะเศร้าหรือมีความสุขแค่ไหน
เวลามีความสุขเหมือนจะโบยบินขึ้นสรวงสวรรค์ เวลาโศกเศร้าก็เหมือนจะทรมานไม่สิ้นสุดในขุมนรกที่สิบแปด
“เฟิงหานชวน พอแล้ว คุณไม่ต้องพูดแล้ว!”
เป๋าฮวนสบตากับดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่ม เธอรู้สึกว่าดวงตาของตัวเองก็เริ่มจะแดงแล้วเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากฟังเฟิงหานชวนพูดอีกต่อไป และไม่กล้ามองตาของเฟิงหานชวนอีก
เธอหมุนตัวกลับทันที และรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน
เฟิงหานชวนมองไปที่ประตูกระจกฝ้าที่ปิดสนิท เขาเดินซวนเซถอยหลังไปสองก้าว เมื่อเขากลับมารู้สึกตัว เขาก็ค่อยๆ เดินอ้อมเตียงนอน ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ทางทิศใต้ของเตียงแล้วนั่งลงข้างเตียง
สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ด้านนอกเป็นระเบียงเปิดโล่ง จากนั้นเป็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ
เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ เขาไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด
ความสัมพันธ์ของเขาและเป๋าฮวนควรจะซ่อมแซมอย่างไร
……
เป๋าฮวนรู้สึกเหนื่อยมาก
เหนื่อยมากๆ
เธอไม่กล้าอาบน้ำ กังวลว่าตัวเองจะเผลอหลับไปในอ่างอาบน้ำ
ดังนั้น หลังจากอาบน้ำอย่างเร่งรีบ เธอก็สวมเสื้อคลุมอาบน้ำที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ในห้องน้ำแล้วเดินออกมา
เมื่อเธอเดินออกมา พบว่าเฟิงหานชวนไม่ได้อยู่ในห้องนอนใหญ่ ทว่าทางทิศใต้ของเตียงนอน ผ้านวมกลับถูกยกออกไป
เฟิงหานชวนล่ะ?
เป๋าฮวนเดินไปสองก้าว ทันใดนั้นก็เห็นร่างสูงอยู่ตรงระเบียง เมื่อเพ่งมองดีๆ จึงพบว่าเฟิงหานชวนกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงกลางแจ้ง
เธอรีบเดินไปที่ระเบียง เปิดประตูกระจก แล้วถามเฟิงหานชวนว่า “ทำไมคุณไม่นอนล่ะ”
“คุณป่วย ร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว อาบน้ำเสร็จยังมายืนตากลมตรงนี้อีก ถ้าเป็นหวัดจะทำยังไง”
“คุณเป็นหวัดไม่เป็นไรหรอก ถ้าฉันติดหวัดจะทำยังไง”
เฟิงหานชวนหันกลับมา ทว่าไม่ได้เดินเข้ามา เขาเอนหลังพิงราวบันได มองไปยังหญิงสาวที่อยู่ห่างจากตัวเองสามสี่ก้าวอย่างเกียจคร้าน
เธอยังไม่ได้สวมชุดนอน แต่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำอย่างลวกๆ เสื้อคลุมอาบน้ำทำจากผ้าเทอร์รี่ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เรียบง่ายมาก
ช่วงคอเสื้อเปิดกว้าง ชายเสื้อสั้นเพียงเหนือเข่า
“ทำไมไม่เปลี่ยนชุดนอน” เฟิงหานชวนถาม
เป๋าฮวน “?”
พวกเขากำลังพูดเรื่องเดียวกันใช่ไหม
เธอก้มหน้าลงมองตัวเองเล็กน้อย และรู้สึกว่ามันค่อนข้างปกติ เธอไม่ได้สวมชุดชั้นในเซ็กซี่เสียหน่อย
เป๋าฮวนเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฟิงหานชวน และถามว่า “ฉันกำลังจะไปหยิบชุดนอน แต่เห็นคุณอยู่ตรงระเบียง ฉันก็เลยมากำชับคุณว่า กรุณาเข้านอนเร็วหน่อย!”
“คนป่วยก็ต้องดูแลสุขภาพมากๆ พักผ่อนเยอะๆ คุณไม่รู้หรือไง”
“ถ้าคุณไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคุณใช่ไหม”
เธอรู้สึกว่าตัวเองมีน้ำใจ “รับเลี้ยง” เฟิงหานชวน หวังว่าคืนนี้เขาจะสามารถผ่านช่วงเวลาเจ็บป่วยไปได้อย่างราบรื่น สุดท้ายเฟิงหานชวนเหมือนเด็กเล็กๆ ไม่เชื่อฟังเธอเลยแม้แต่น้อย
เวลาควรพักผ่อนก็ไม่พักผ่อน กลับมายืนตากลมอยู่ตรงระเบียง เธอใกล้จะบ้าตายแล้วจริงๆ !
……
*กินน้ำส้ม หมายถึง อาการหึงหวง