อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 349 คุณยังรักเขาอยู่
เวลาตอนนี้ ห่างจากพื้นดินพันไมล์
เครื่องบินส่วนตัวที่กำลังบินไปที่ประเทศเฉิน หญิงสาวนอนอยู่บนเก้าอี้ ในปากคาบหลอดดูด กำลังดื่มน้ำส้มอย่างสบายใจ
“คุณหนูใหญ่ครับ คุณวางแผนจะเข้าวงการบันเทิงไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมจู่ ๆ ถึงรีบร้อนกลับประเทศ?” จิ่งเหลิ่งนั่งลงตรงข้ามเธอ แล้วถามขึ้นด้วยความงงงวย
นี่คงเป็นครั้งที่ร้อยแล้วที่เขาถามคำถามนี้
เพียงแต่เป๋าฮวนไม่สนใจเขาเหมือนกับครั้งที่หนึ่งถึงครั้งที่เก้าสิบเก้า เธอยื่นแก้วน้ำในมือส่งให้เขา
แล้วพูดสั่ง “เอามาอีกแก้ว!”
“คุณหนูใหญ่ครับ นี่เป็นแก้วที่ห้าแล้วนะครับ!” จิ่งเหลิ่งอึ้งนิดหน่อย เขาเห็นได้ชัดว่าท่าทางของเป๋าฮวนในวันนี้ไม่เหมือนกับปกติ
ใช่ ไม่ปกติมาก ๆ!
แปลกประหลาด!
แปลกประหลาดมาก!
“ความจุของแก้วใบนี้มากสุด 200 มิลลิลิตร แล้วทุกครั้งนายก็ไม่ได้เติมเต็มแก้ว ตอนนี้คิดซะว่า 150 มิลลิลิตร ดื่มห้าแก้วก็แค่ 750 มิลลิลิตร เท่ากับดื่มเครื่องธรรมดาขวดหนึ่งเท่านั้นแหละ”
“นี่ปกติมากไม่ใช่เหรอ?” เป๋าฮวนถามกลับ
จิ่งเหลิ่งอึ้งในทันที มือข้างหนึ่งรับแก้วน้ำมา มืออีกข้างเกาท้ายทอยของตัวเอง จากนั้นก็พยักหน้าครุ่นคิด “คุณหนูใหญ่ครับ คุณพูดอย่างมีเหตุผลมากครับ!”
เป๋าฮวนกลอกตามองเขา
“ดังนั้น คุณหนูใหญ่ทำไมจู่ ๆ ถึงกลับประเทศครับ?” จิ่งเหลิ่งยืนหยัดถามครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่ง
“จิ่งเหลิ่ง นายน่ารำคาญจริง ๆ!” เป๋าฮวนตะคอก
ในตอนนี้เอง จิ่งมั่วเดินเข้ามา รับแก้วเปล่าไปจากมือจิ่งเหลิ่ง โค้งคำนับให้เป๋าฮวน จากนั้นก็พูดขึ้น “คุณหนูใหญ่ครับ ผมไปรินน้ำส้มให้คุณครับ”
จิ่งมั่วสีหน้าจริงจังเดินออกไป จิ่งเหลิ่งก็รีบเดินตามไป
ที่ห้องอาหาร สองพี่น้องยืนเรียงกัน คนหนึ่งเทน้ำส้ม อีกคนกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิด
“ไม่ปกติ ไม่ปกติมาก ๆ” จิ่งเหลิ่งส่ายหน้า พูดพึมพำกับตัวเอง
“ฉันรู้ว่าไม่ปกติ แต่นายถามแบบนี้ ไม่มีประโยชน์อะไร” จิ่งมั่วตอบอย่างใจเย็น
“นายก็รู้สึกว่าไม่ปกติเหรอ?” จิ่งเหลิ่งถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่ อีกอย่างฉันเดาว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับเฟิงหานชวน” จิ่งมั่วตอบจริงจัง
“ฉันก็คิดแบบนี้! แต่ว่าทำยังไงคุณหนูใหญ่ก็ไม่ยอมพูด” จิ่งเหลิ่งรู้สึกว่าความสงสัยของตัวเองไม่ได้รับความพึงพอใจ รู้สึกร่างกายไม่สบายเป็นอย่างมาก
“ปกติคุณหนูใหญ่มีเรื่องอะไรจะไม่ปิดบังพวกเรา บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่สะดวกที่จะพูดออกมา” จิ่งมั่วเทน้ำส้มเสร็จ แต่กลับวางแก้วลงบนเคาร์เตอร์ ไม่ได้รีบร้อนออกไป
ฟังคำวิเคราะห์ของจิ่งมั่ว จิ่งเหลิ่งเข้าใจในทัน เขาตบหน้าขาแล้วพูดขึ้น “อามั่ว นายฉลาดมาก! เพียงแต่…”
จิ่งเหลิ่งเริ่มสงสัยอีกครั้ง “เรื่องอะไรที่ไม่สะดวกจะพูด? คุณหนูใหญ่เป็นคนหน้าหนาขนาดนั้น จะมีตอนไหนที่รู้สึกเขินอายด้วยเหรอ?”
จิ่งมั่ว “…”
ในตอนนี้เอง ประตูถูกผลักออกอย่างแรง
จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งหันหน้าไปพร้อมกัน เห็นเป๋าฮวนยืนอยู่ที่ประตู กำลังถลึงตาใส่พวกเขาอย่างโมโห
“พวกนายกล้านินทาฉันลับหลัง?” เป๋าฮวนมือเท้าเอว โวยวายด้วยความโมโห
“คุณหนูใหญ่ครับ ขอโทษด้วยครับ” จิ่งมั่วรีบก้มหน้าขอโทษ
จิ่งเหลิ่งก็รีบทำตาม
“อันที่จริงไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ และก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมพูด เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังฟื้นคืนสภาพไม่ได้ ดังนั้นไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าไม่สะดวกที่จะพูด!”
เป๋าฮวนพูดความจริง เธอไม่มีเรื่องอะไรที่จะเขินอายที่ไม่สะดวกจะพูดกับจิ่งมั่วจิ่งเหลิ่ง เหตุผลเพียงแค่จู่ ๆ ก็หนีมา คิดว่าต่อจากนี้ไปอาจจะไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้นอีก เธอก็รู้สึกอัดอั้น จึงไม่อยากเอ่ยปากพูดอะไร
“พวกนายฟังให้ดี เมื่อคืนฉันมีอะไรกับเฟิงหานชวนแล้ว!” เธอประกาศอย่างดุดัน
“อะไรนะ???”
จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งถลึงตาโต จิ่งมั่วที่ท่าทางเย็นชาดุดันมาโดยตลอด ก็หลบความตะลึงไม่ได้
“ไม่ใช่ครับ คุณหนูใหญ่ คุณเกลียดผู้ชายคนนั้นมากไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมคุณถึง…คุณหิวกระหายเหรอ…” จิ่งเหลิ่งถามมั่ว ๆ
“หิวกระหายบ้าอะไร!” เป๋าฮวนตบหัวของจิ่งเหลิ่งอย่างแรง แล้วพูดขึ้น “ฉันแค่ยืมสายพันธุ์ ไม่อย่างงั้นคุณตาก็คงจะขาดผู้สืบทอด!”
“อะไรนะ???”
คราวนี้ดวงตาสองคู่ของจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม
“คุณหนูใหญ่ เรื่องนี้นายท่านรู้แล้วยังครับ?” คุณภาพทางจิตใจจิ่งมั่วค่อนข้างสูง เขากลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามขึ้นอย่างจริงจัง
เป๋าฮวนส่ายหน้าพูดขึ้น “ยังไม่รู้เลยว่าจะท้องหรือเปล่า! ถ้าไม่ท้อง…”
“คุณหนูใหญ่ ถ้าคุณไม่ท้อง งั้นก็หาชายหนุ่มตระกูลผู้ดีที่เก่งกาจที่ประเทศเฉิน ดีกว่าหาสามีเก่าคนนั้นของคุณเยอะ!” จิ่งเหลิ่งพูดแนะนำ
เป๋าฮวน “…”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเจอชายหนุ่มตระกูลผู้ดีพวกนั้น พวกเขาไม่น่าสนใจเลยสักนิด
ในเมื่อรูปร่างแบบนั้นของเฟิงหานชวน หน้าตาแบบนั้น ไอคิวแบบนั้น ความสามารถแบบนั้น มีน้อยมากจริง ๆ
“คุณหนูใหญ่ครับ คุณยังรักเขาอยู่ใช่ไหมครับ?”
ในตอนที่เป๋าฮวนกำลังครุ่นคิดอยู่ เสียงของจิ่งมั่ว จู่ ๆ ก็ดังขึ้นแทงใจ
เป๋าฮวนตะลึง จากนั้นก็พูดปฏิเสธ “จะเป็นไปได้ยังไง? อามั่ว นายก็เริ่มพูดมั่วเหมือนอาเหลิ่งแล้วเหรอ?”
อาเหลิ่งที่อยู่ด้านข้าง “???”
“คุณหนูใหญ่ครับ ผมพูดมั่วตอนไหนครับ? ประโยคไหนของผมที่พูดไม่ถูก?” จิ่งเหลิ่งน้อยใจอย่างมาก
“ทุกประโยคของนายผิดหมด!” เป๋าฮวนพูดประโยคนี้จบ ก็หมุนตัวเดินกลับไปที่นั่งของตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วใช้ผ้าห่มห่มร่างกายของตัวเอง
แม้แต่ใบหน้าของตัวเองก็ยังถูกคลุมไปด้วย
ตั้งแต่ออกจากประเทศฮัวจนถึงตอนนี้ น่าจะประมาณห้าชั่วโมงแล้ว อย่างน้อยอีกห้าชั่วโมงกว่าจะถึงประเทศเฉิน
ดังนั้นตอนนี้เธอต้องนอนพักก่อน ไม่อย่างงั้นสมองจะชอบคิดมั่วไปมา ไม่สบายใจจริง ๆ
…
ท้องฟ้ามือที่ปกคลุมเมืองเป่ยเฉิง
ภายในห้องสวีทของโรงแรมตี้ฮวง ชายหนุ่มนั่งอยู่บนพื้น แผ่นหลังพิงหน้าต่าง ขวดเบียร์และก้นบุหรี่กระจัดกระจายไปทั่ว
“ครืดครืดครืด…”
โทรศัพท์ที่วางอยู่บนพื้นสั่นขึ้น
ชายหนุ่มมองดูเบอร์ที่แสดงขึ้น แล้วกดรับสายในทันที เสียงของเขาแหบเป็นอย่างมาก “หาเจอแล้วยัง?”
“ประธานเฟิงครับ มีเบาะแสแล้วครับ!” ซูอวี่เหนื่อยจนหอบ แล้วพูดรายงาน “ผมงัดปากเจ้าหน้าที่สนามบินกว่าพวกเขาจะยอมพูด วันนี้ตอนเที่ยง มีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งบินออกจากสนามบินครับ”
“จุดหมายปลายทางคือที่ไหน?” เฟิงหานชวนรีบลุกขึ้นยืนทันที สีหน้ารีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งมือที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ก็สั่นเล็กน้อย
“ประเทศเฉินครับ! จุดหมายปลายทางคือ…ประเทศเฉิน!” ซูอวี่รีบตอบ
“เป็นไปอย่างที่คิด” เฟิงหานชวนหัวเราะเยือกเย็นในทันที ความรู้สึกเศร้าเต็มใบหน้า
เธอกลับประเทศเฉิน แต่ไหนแต่ไรไม่ได้คิดอยากจะข้องเกี่ยวกับเขาอีก ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองได้เจอกันโดยบังเอิญ บางทีชาตินี้เขาก็คงไม่ได้เจอเธออีก
ตอนนี้เธอแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปประเทศเฉินในทันที ก็เพื่อหลบเขา อยู่ให้ไกลจากเขา
ดังนั้นความสนิทสนมของทั้งสองคนเมื่อคืนนี้ นับประสาอะไร?
ให้ความหวังเขา แล้วโจมตีเขาอย่างแรง?