อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 59 อุ้มท้องหลานบ้านตระกูลเฟิงของเรา
“ว้าว——”
เสียงแหลมที่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ทำให้เฉินฮวนฮวนสะดุ้งเล็กน้อย
จากนั้นเสียงเล็กแหลมของเฉินนานาก็พูดต่อว่า “ที่รัก นี่คือลูกชายคนที่สามของคุณหรอ”
เฉินฮวนฮวนเดินไปข้างหน้าเล็กน้อย เห็นเฟิงหานชวนเดินลงบันไดแล้วก็กำลังเดินมาทางพวกเขา
เวลานี้ ใบหน้าของเฉินนานาเต็มไปด้วยความหลงใหล เหมือนกับสาวน้อยที่บ้าคลั่งเมื่อเห็นเน็ตไดดอลของตัวเอง
“นานา เธอทำแบบนี้ฉันก็หึงเป็นเหมือนกันนะ” เฟิงเหลยถิงยื่นมือไปแตะปลายจมูกของเฉินนานา
ชั่วขณะนั้น เฉินนานาก็ยื่นมือไปคล้องแขนเฟิงเหลยถิงไว้ด้วยความเคอะเขิน แล้วเข้าไปหาเขาด้วยท่าทางกระชดกระช้อย “เหลยถิงสุดที่รักคะ ฉันก็แค่ถามเฉยๆแหละ สำหรับฉันแล้วคุณถึงจะเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก”
เมื่อพูดจบ เฉินนานาก็หอมแก้มเฟิงเหลยถิงทีหนึ่ง
เฉินฮวนฮวนเห็นฉากนี้อยู่ข้างๆ ทำตาโตด้วยความตะลึง ในสมองเกิดความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง
“ตาเฒ่า คุณยังคงนิสัยเหมือนเดิมเลยนะ”เฟิงหานชวนจ้องพวกเขาด้วยความเย็นชาทีหนึ่ง บนใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
เห็นท่าทางที่เย็นชาของเฟิงหานชวนบวกกับประโยคสนทนาที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่ เฉินฮวนฮวนพอจะเดาได้ว่า นายท่านของตระกูลเฟิงคนนี้น่าจะเป็นคนที่มีประสบการณ์รักที่โรแมนติก
“ฉันเป็นพ่อของแก ทุกครั้งแกยังเรียกฉันว่าตาเฒ่า กำลังหัวเราะเยาะว่าฉันแก่น่ะสิ”เฟิงเหลยถิงชี้ไปยังเฟิงหานชวนด้วยอารมณ์โกรธที่มาจากหลายสาเหตุ
เฉินนานายื่นมือที่มีเล็บสีแดงตบเบาๆบนอกของเฟิงเหลยถิง พูดด้วยความอ่อนหวานว่า” เหลยถิง คุณไม่แก่เลยสักนิด คุณเป็นคนที่ยิ่งแก่ยิ่งดูแข็งแรงน่ะ”
เมื่อเฉินฮวนฮวนฟังจบ ก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่
ไม่รู้ว่าเฉินนานาไม่เข้าใจความหมายในภาษาจีน หรือว่าเข้าใจความหมายในภาษาจีน แต่ว่าภาษิตนี้มันใช้ได้……เหมาะสมจริงๆ
“ป้าหลี่ คุณพานานาไปห้องส่วนตัวของฉันก่อน ฉันกับฮวนฮวนจะไปคุยกันที่ห้องหนังสือหน่อย”เฟิงเหลยถิงออกคำสั่งให้ป้าหลี่คำหนึ่ง แล้วก็กวาดสายตามองมายังเฟิงหานชวน
เฟิงเหลยถิงส่งสายตาที่เดาไม่ออกว่าหมายถึงอะไรให้กับเฟิงหานชวนแล้วก็พาเฉินฮวนฮวนเดินไปยังห้องหนังสือ
ห้องหนังสือที่เงียบงัน มีแค่เขาสองคนอยู่ข้างในนั้น
“นายท่าน ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณจริงๆ ถึงแม้ว่าคุณเพิ่งจะมาถึง แล้วก็ต้องการพักผ่อน แต่ว่าฉันอยากจะพูดกับคุณให้เข้าใจกันเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วก็อ้าปากพูด
“พูดสิ เธออยากพูดอะไรกับฉันหรอ”นายท่านของตระกูลเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีแดงตัวหนึ่ง แล้วถามอย่างเป็นกันเอง
แต่ว่าสีหน้าและท่าทางจริงจังกว่าเมื่อกี้มาก
ทำให้เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะระมัดระวังเล็กน้อย เธอหายใจลึกๆทีหนึ่ง แล้วก็อ้าปากถามว่า” ฉันอยากจะออกจากบ้านตระกูลเฟิง คุณเอาค่าสินสอดสิบล้านกลับมาจากบ้านตระกูลเฉิน แล้วก็หยุดการให้ทุนกับเฉินซื่อกรุ๊ปได้ไหม”
“เธอเป็นคนอยากแต่งเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงไม่ใช่หรอ ผู้ดูแลจางไม่ได้มัดเธอมานี่ ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนใจล่ะ”เฟิงเหลยถิงยักไหล่ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
“นายท่าน ตอนแรกที่ฉันยอมแต่งเข้ามาบ้านตระกูลเฟิง ก็เพราะว่าเฉินเจี้ยนหมินได้เสนอเงื่อนไขให้ฉัน เขารับปากกับฉันว่า ถ้าฉันแต่งเข้ามาแล้ว เขาจะแบ่งเงินให้ฉันหนึ่งแสน แล้วก็จะคืนคฤหาสน์ของคุณแม่ให้ฉันด้วย……แต่ว่า เขาไม่รักษาสัญญา เพราะอย่างนี้……”
เฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ ก็ถูกเฟิงเหลยถิงขัดขึ้นมา “เพราะอย่างนี้ เธอจึงตัดสินใจออกจากบ้านตระกูลเฟิงหรอ”
“ใช่ ใช่”เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้าตอบรับ
“ประการแรก ค่าสินสอดสิบล้านนั้นเราให้ไปแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าบ้านตระกูลเฉินใช้หมดไปแล้วหรือยัง ถ้าพวกเขาไม่มีเงินจะคืนให้ล่ะ ประการที่สอง ตระกูลเฟิงได้ให้เงินทุนกับเฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว การจะเอาทุนคืนมานั้นมันไม่เหมาะสม มันจะเป็นการผิดกฏของการลงทนในตลาด แล้วก็จะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเฉินซื่อกรุ๊ปด้วย” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเฟิงเหลยถิงเปลี่ยนเป็นใบหน้าเคร่งขรึมแทน
ได้ฟังคำพูดของเฟิงเหลยถิงแล้ว ความกดดันสายนั้นที่เหมือนกับความรู้สึกที่เฟิงหานชวนได้ให้กับเธอ ทำให้เฉินฮวนฮวนกำมือทั้งสองข้างแน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
“ขอโทษค่ะ นายท่าน แต่ว่าฉัน……ฉันกับอาเหยี่ยนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย พวกเรา……”เฉินฮวนฮวนเริ่มจะพูดติดๆขาดๆ
เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงเหลยถิง เธอพบว่าสิ่งที่เธอคิดไว้นั้นถูกขัดขวางทุกช่องทาง เวลาสั้นๆอย่างนี้เธอคิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรไปแก้ต่างกับเขา
เธอไม่มีพื้นฐานอะไรเลย เป็นแค่ของชิ้นหนึ่งที่ถูกขายเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิง ในเวลาแบบนี้เธอยิ่งไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับบ้านตระกูลเฉินเลย
“ฮวนฮวนเอ๋ย จริงๆแล้วได้ยินสิ่งที่เธอพูด ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบมาก ในเวลาที่เธอรู้สึกโกรธและเกลียดตระกูลเฉินที่รู้ว่าตัวเองถูกขาย เธอก็ยังไม่หนีออกไป แต่กลับรอให้ฉันกลับมาเจรจา
ทำให้ฉันเห็นว่าเธอเป็นเด็กดีนะ”
เฟิงเหลยถิงเป็นคนที่ไปไปมามาทั่วทุกที่ ได้พบเจอผู้คนมากมาย แน่นอนว่ามองครั้งเดียวก็ดูนิสัยของคนคนหนึ่งออก
“ขอบคุณค่ะ นายท่าน”ในหัวของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความสับสน นอกจากจะตอบกลับแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรอีกแล้ว
เวลานั้น เฟิงเหลยถิงลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาเธอ ตบลงบนไหล่ของเธอเบาๆ พูดว่า “ขอแค่เธออยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงดีๆ แล้วก็ให้ลูกหลานกับบ้านตระกูลเฟิง ศัตรูของเธอก็จะเป็นศัตรูของบ้านตระกูลเฟิงของเราด้วย”
เมื่อพูดจบ ใบหน้าของเฟิงเหลยถิงก็เผยรอยยิ้มออกมา ดูแล้วก็รู้สึกดีกว่าเมื่อกี้มาก
เฉินฮวนฮวนพบว่า นายท่านตระกูลเฟิงเป็นผู้ชายที่เปลี่ยนอารมณ์ได้ตลอด ทำให้คนอื่นคาดเดาไม่ได้เลย
ทันใดนั้นเธอก็ได้คำตอบว่าเฟิงหานชวนเหมือนใคร ที่แท้ก็เหมือนพ่อแท้ๆนี่เอง
ไม่เพียงแต่บุคลิกเหมือนเท่านั้น แต่ในเรื่องของผู้หญิงก็เหมือนกันด้วย เหมือนกับว่าจะเจ้าชูเหมือนกัน
แต่ว่า ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เฉินฮวนฮวนต้องคิดในตอนนี้ ประเด็นสำคัญคือ……
“นายท่าน ความหมายของคุณคือ..”เฉินฮวนฮวนยังไม่แน่ใจ จึงถามต่อไปอีกครั้ง
“เด็กดี เธอเข้าใจความหมายของฉันแหละ เธออยู่ในบ้านตระกูลเฟิงดีๆก็แล้วกัน ฉันขอสังเกตเธอสักครึ่งเดือนก่อน ถ้าเธอทำได้ดี ฉันก็จะช่วยเธอเอาคฤหาสน์ของแม่เธอกลับมาก่อน” ขณะที่เฟิงเหลยถิงพูดประโยคนี้ออกมานั้น ใบหน้ามีสายตาแห่งการทดสอบผ่านไปสายหนึ่ง
เขาต้องการทดสอบผู้หญิงคนนี้เข้าไปอีกระดับหนึ่ง
“คุณ……จะช่วยฉันเอาคฤหาสน์คืนมาหรอ”สีหน้าของเฉินฮวนฮวนตื่นตระหนกตกใจ แม้แต่เสียงก็สั่นเล็กน้อยเหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างนั้น
“ฉันเอาตัวเองเป็นประกันอย่างนี้ จะโกหกเธอได้ยังไง เธอตกลงไหมล่ะ”เฟิงเหลยถิงยิ้มเจือนเจือน
เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนใจทันที
เพื่อเอาคฤหาสน์ของคุณแม่คืนมา เพื่อเป็นบทลงโทษตระกูลเฉิน เธอต้องอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงแล้วล่ะ
“ฉันตกลง”เฉินฮวนฮวนพยักหน้าทันที
“ฮาฮาฮาฮา……”เฟิงเหลยถิงหัวเราะดังๆออกมา พูดด้วยความดีใจว่า”ต่อจากนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของเธอแล้ว ถ้าเธออุ้มท้องหลานของบ้านตระกูลเฟิง มีความต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย ฉันจะทำให้คุณสมหวังแน่นอน”
ลูกหลานหรอ
สีหน้าเฉินฮวนฮวนตกใจมาก เธอเตือนด้วยเสียงเล็กๆพร้อมกับความเคอะเขินว่า “นายท่าน แต่ว่าอาเหยี่ยน เขา……”
เธอไม่ได้อยากอุ้มท้อง แต่ว่าอยากให้นายท่านเข้าใจสภาพความเป็นจริง
ทางด้านของเฟิงเฉินเหยี่ยนนั้นไม่ได้แล้ว จะให้เธออุ้มท้องเป็นหลานได้ยังไง
“ออ ใช่ใช่ใช่ ไอ้เด็กน้อย อาเหยี่ยนตอนนี้คงทำไม่ได้แล้ว วันหลังค่อยว่ากัน ค่อยว่ากัน “เมื่อเฟิงเหลยถิงพูดประโยคนี้จบ ก็สะบัดมือ พูดว่า “เธอกลับไปพักผ่อนเถิด”
“ค่ะ ขอบคุณ นายท่าน “เฉินฮวนฮวนโค้งคำนับเฟิงเหลยถิง แล้วก็ออกจากห้องหนังสือไป
รอให้เธอออกไปแล้ว เฟิงเหลยถิงนั่งลงไปบนเก้าอี้ หยิบรูปภาพภาพหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก