อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย - บทที่ 9 ยังสืบหาไม่เจอ
เฟิงหานชวนเห็นผู้หญิงที่อยู่บนป้ายหลุมฝังศพ เหมือนจะยังเป็นสาวอยู่ ดูๆแล้วก็แค่สามสิบกว่า
เขาคิดไม่ถึงว่า จริงๆแล้วแม่ผู้ให้กำเนิดของเฉินฮวนฮวน จะจากโลกนี้ไปเร็วขนาดนี้
เพราะฉะนั้น นายหญิงที่อยู่ในบ้านตระกูลเฉินตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงของเธอหรอ
“แม่ค่ะ หนูพาคุณยายมาแล้ว”เธอพูดเบาๆ จากนั้นก็หยิบกล่องใส่อัฐิ เดินไปยังหลุมข้างๆ
หลังจากที่เธอวางกล่องใส่อัฐิเสร็จแล้ว ก็หยิบรูปถ่ายของคุณยายติดลงไปยังบนป้ายหลุมฝังศพ
หลังจากที่ติดรูปเสร็จแล้ว เธอคุกเข่าอยู่หน้าป้ายหลุมฝังศพ แล้วก็กราบลงไปหลายครั้ง ไม่รู้ว่ากราบลงไปกี่ครั้ง
เห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวนแบบนี้ เฟิงหานชวนขมวดคิ้วอย่างแน่น ในใจมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจริงๆ
อายุยังน้อยก็ต้องส่งแม่ไปแล้ว ตอนนี้อายุยังไม่มากก็ต้องส่งคุณยายไปอีกคน
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่น เขาจึงปล่อยพื้นที่ว่างไว้ให้กับเฉินฮวนฮวน ตัวเองเดินไปยังทางเดินอีกข้างหนึ่ง แล้วก็รับโทรศัพท์
“ประธานเฟิง เรายังสืบหาตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลย”น้ำเสียงของซูอวี่แฝงด้วยความรู้สึกลำบากใจ
“พวกไม่ได้เรื่อง”เฟิงหานชวนด่าตรงๆไปคำหนึ่ง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการรบกวนเฉินฮวนฮวนที่กำลังไว้อาลัยอยู่ จึงลดเสียงลงถามว่า “แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ”
“พอดี……พอดีคืนนั้น กล้องวงจรปิดของทั้งงานถูกปิดลงแล้ว น่าจะเป็นฝีมือของพวกที่ทำร้ายคุณทำ”ซูอวี่เกาหัว ยังคงไม่มีวิธีอะไรเหมือนเดิม
“พนักงานหญิงก็ตรวจหมดแล้วหรอ”เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว
แม้ว่าบลูส์คลับจะใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าสองวันกว่าแล้วยังหาผู้หญิงที่ถูกขืนใจไม่ได้หรอกมั้ง
ยิ่งกว่านั้นก็คือว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ไปฟ้องศาลด้วย
“ถามหมดแล้วไม่มีใครทำของหายเลย ผมกลัวว่าถ้าบอกออกไปตรงๆว่าเป็นสร้อยคอ อาจจะมีคนที่เห็นแก่เงินแล้วยอมรับว่าเป็นของตัวเอง”ซูอวี่บอกตามความเป็นจริง
“วิธีของนายไม่เลว ไม่ควรจะถามไปตรงๆจริงๆ แล้วลูกค้าที่เป็นผู้หญิงในคืนนั้นล่ะ”เฟิงหานชวนรู้สึกปวดหัว แต่ก็ยังถามต่อ
“มีคนหนึ่งบอกว่าทำของหาย คนของเราถามหล่อนว่าเป็นอะไร หล่อนบอกว่าเป็นโทรศัพท์…… “ซูอวี่พูดต่อไปด้วยความอดทน
“พอแล้ว ตามหาต่อไป ฉันรู้สึกว่าน่าจะเป็นพนักงานหญิงมากกว่า เพราะว่าทางเดินแบบนั้นไม่น่าจะมีลูกค้าหญิงเดินผ่าน”เฟิงหานชวนจับสันจมูกไปมา หัวคิ้วทั้งสองข้างชนเข้าหากัน
“ครับ ประธานเฟิง ผมจะให้พวกเขาถามละเอียดกว่าเดิม”ซูอวี่ผงกหัวตอบ
เฟิงหานชวนตัดสายโทรศัพท์ ในขณะที่หันหน้ากลับไป กลับเห็นเฉินฮวนฮวนยืนอยู่ตรงหน้า ผมบนหัวที่ยุ่งเหยิง ดูแล้วเหมือนกับเป็นผีสาว
ยังดีที่เขาเป็นคนขวัญแข็ง ถ้าไม่อย่างนั้นในที่ๆแบบนี้เห็นผู้หญิงสภาพนี้ อาจจะตกใจตายได้
“เธอมายืนอยู่ที่นี่ทำไม”เฟิงหานชวนพูดเสียงดังแต่กลับแฝงด้วยความเย็นชา
“ฉัน……”เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมา เธอเม้มปาก แล้วพูดเบาๆ “ฉันก็แค่อยากจะพูดกับคุณว่า ขอบคุณมากที่ช่วย”
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”เฟิงหานชวนมองไปยังป้ายหลุมฝังศพ แล้วหันกลับมามองเฉินฮวนฮวน “ในเมื่อเสร็จแล้ว ก็กลับไปกันเถอะ”
“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนผงกหัวเบาๆ
ตอนที่ตามหลังเฟิงหานชวนกลับไปนั้น เธอหันหลังกลับไปมองด้านหลังตลอด จนกระทั่งมองเห็นป้ายหลุมฝังศพทั้งสองป้ายนั้นไม่ชัด
เมื่อมาถึงข้างรถsuv เฉินฮวนฮวนเดินไปข้างคนขับด้วยตัวเอง เปิดประตูรถแล้วก็เข้าไปนั่ง
เห็นการกระทำของเฉินฮวนฮวนแล้ว เฟิงหานชวนหลับตาทีหนึ่ง มีแสงสีดำพาดผ่านไปสายหนึ่ง
เขาไม่ได้พูดอะไร หันตัวไปจากข้างหน้ารถไปยังทางด้านคนขับ แล้วเข้าไปนั่งในรถ
รอให้เฟิงหานชวนนั่งเข้ามาข้างในรถ เฉินฮวนฮวนก็บีดตัวไปมองเขา เธอเต็มไปด้วยความสับสน เหมือนมีอะไรที่ไม่อยากจะอ้าปากพูด “อาสาม เงินค่าหลุ่มฝังศพ ฉัน……”
“ไม่ต้องคืนแล้ว ถือว่าฉันทำความดีก็แล้วกัน” เขาเป็นถึงคุณชายสามตระกูลเฟิงผู้เลื่องชื่อ จะไปถือสากับเงินแค่แสนหนึ่งได้ยังไง
“ไม่ ฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้หมายถึง……”เฉินฮวนฮวนรีบทำมือ แล้วรีบอธิบายต่อว่า “ฉันหมายความว่า ค่าหลุมฝังศพ ที่ฉันเป็นคนยืมคุณ แต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ทำได้แต่งานพาร์ทไทม์ เงินทำพาร์ทไทม์ไม่ได้สูงมาก แต่ว่าฉันจะรีบออม อาจจะต้องรอให้ฉันเรียนจบก่อน แล้วถึงจะคืนเงินก้อนนี้กับคุณได้”
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณยายสอนเธอไว้ ต่อให้คนอื่นมีเงินมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็รับเงินของคนอื่นมั่วซั่วไม่ได้
ถ้ามีเรื่องด่วนแล้วต้องยืมเงินจริงๆ ต่อไปก็ต้องขยันทำงานมากกว่าเดิม แล้วก็ต้องคืนเงินให้ได้ ยังไงก็ติดเงินคนอื่นไม่ได้
แม้ว่าถึงเธอจะรู้ว่าสำหรับเฟิงหานชวนแล้วเงินก้อนนี้ไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก แต่ว่าเธอก็จำเป็นที่จะต้องคืน
ต่อให้ต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม
แต่เธออยากบอกให้เฟิงหานชวนเข้าใจ ต่อให้ต้องใช้เวลานานกว่านี้ เธอก็จะหาเงินมาคืนเขาอย่างแน่นอน
“เฉินฮวนฮวน ฉันบอกแล้วไงว่า เธอไม่ต้องคืน” เฟิงหานชวนมองไปทางเธอ สายตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นจับจ้องเธอ “ที่เธอยืนยันที่จะคืนเงินให้ได้ หรือว่าคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับฉันหรือเปล่า”
“อีกอย่าง เธอเปลี่ยนจากนั่งข้างหลัง แล้วก็ขึ้นมานั่งข้างคนขับ หรือคิดว่าอยากจะเข้าใกล้ฉันมากว่านี้หรอ”
เฉินฮวนฮวนหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า เฟิงหานชวนจะเข้าใจเธอผิดอีกแล้ว
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ อาสาม ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ ที่ฉันขึ้นมานั่งข้างคนขับก็เพราะอยากจะพูดคุยกับคุณหน่อย ฉันรู้สึกว่านั่งข้างหลังจะทำให้รู้สึกว่าห่างเหินกับคุณ……”เธอพยายามที่จะอธิบาย
เธออยากจะพูดเรื่องการยืมเงินกับเฟิงหานชวน แล้วก็อยากจะพูดเกี่ยวกับการติดต่อกันของเธอกับเฟิงหานชวนต่อจากนี้
“รู้สึกห่างเหินหรอ ถ้างั้นเธอหมายความว่า อยากจะใกล้ชิดกับฉันนะสิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ” เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไป กดลงไปบนบริเวณอกของเขา ดันเขาออกไป พูดอย่างเคร่งขรึม “อาสาม จะว่าไปแล้วตอนนี้ฉันก็เป็นหลานสะใภ้ของคุณนะ ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ตลอดเลย”
ตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น เฟิงหานชวนก็เหมือนจะมีมุมมองที่กว้างกับเธอ รู้สึกว่าเธอเหมือนจะมีความคิดที่จะดึงดูดเขาตลอด
แต่ว่า เธอไม่มีจริงๆ
“อาเหยี่ยนน่าจะไม่ได้แล้ว เธอคงไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นหญิงม่ายหรอก มั้ง ดังนั้น……”เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา
เป็นผู้หญิงที่ยังสาวก็มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายอย่างเฉินฮวนฮวน เขารู้สึกว่าผู้หญิงอย่างนี้ต้องรับความโดดเดี่ยวไม่ไหวแน่ๆ ได้ยินว่าอาเหยี่ยน “ไม่ได้” คงต้องหาวิธีติดต่อกับผู้ชายคนอื่นแน่นอน
“อาสาม ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงคิดแบบนี้กับฉัน เป็นเพราะว่าฉันไปที่ของคุณอย่างไม่ได้ตั้งใจหรอ ฉันก็อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”เฉินฮวนฮวนรู้สึกลำบากใจมาก
เป็นเพราะว่าเธอไม่ระวัง ทำให้เฟิงหานชวนเข้าใจเธอผิดมาตลอด
“อีกอย่าง ฉัน……ฉันไม่ได้เป็นครั้งแรกก็จริง แต่ฉันก็เคยมีประสบการณ์แค่ครั้งเดียว อีกอย่าง ผู้หญิงที่ยังไม่เสียพรหมจรรย์เป็นผู้หญิงที่ดี แล้วคนที่ไม่ใช่ก็ต้องเป็นผู้หญิงเลวเลยหรอ”
เธอลืมตาที่กรอกด้วยน้ำตาออก จ้องมองไปยังผู้ชายแล้วร้องเรียนต่อ”ในเมื่อฉันได้แต่งงานกับอาเหยี่ยนแล้ว ต่อให้อาเหยี่ยนไม่ได้ ฉันก็ไม่คิดจะออกนอกลู่นอกทาง ยิ่งไม่คิดจะไปเกลี่ยกล่อมอาของ
อาเหยี่ยน—-คุณ เฟิงหานชวน ”
“ถ้าคุณคิดว่าฉันไม่คู่ควรกับอาเหยี่ยน อยากให้ฉันไสหัวไป ฉันก็จะไม่ตอบโต้สักคำ เงินหนึ่งแสนหยวนที่คุณช่วยฉัน วันหลังฉันจะคืนคุณแน่นอน”
เฉินฮวนฮวนพูดไปตั้งเยอะ แต่เฟิงหานชวนยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด
ทุกครั้งที่เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดี เธอก็จะรีบแสดงท่าทางที่ถูกเอาเปรียบออกมา ทำให้เขาสงสัยการคาดเดาของตัวเอง
“พอแล้ว การจะไปหรืออยู่ของเธอฉันไม่สนใจ รอให้นายท่านกลับมาแล้วค่อยว่ากันอีกที ” เฟิงหานชวนตัดบทสนทนาอย่างเย็นชา จากนั้นก็สตาร์ทรถ
ในที่สุด รถก็ได้เข้าไปจอดในโรงจอดรถของบ้านตระกูลเฟิง ทั้งสองลงจากรถพร้อมกัน
“อาสาม ฮวนฮวน พวกคุณไปไหนกันหรอ” ในเวลานี้ เสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน