เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ - ตอนที่ 104 เข่นฆ่าฝ่าวงล้อม
สี่กองกำลัง แบ่งเป็นเผ่ามนุษย์ เผ่ามาร เผ่าอสูร และเผ่าพื้นเมืองสัญลักษณ์ของเมืองเทียนเอิน ทรัพยากรที่รับสืบทอดสั่งสมมาแม้ไม่อาจเทียบได้กับประตูหายนะที่สั่งสมมานับหมื่นปี ทว่าขุมกำลังของกลุ่ม ถือว่าเป็นสี่กองกำลังประจำทิศได้
เจ้าสำนักเขาพิรุณเซียนเอ่ยปากกล่าววาจา “ท่านนี้ เมื่อล้วนเป็นเผ่ามนุษย์ ขอเพียงท่านยินยอมแบ่งปันผลอู๋เลี่ยงสดกัน เขาพิรุณเซียนเราก็ยินดีคุ้มครองความปลอดภัยของพวกท่าน ยังจะสมนาคุณให้อีกสิบล้านศิลาวิญญาณ”
“เฮอะ” ประมุขพรรคเดชมารตอกกลับทันที “พรรคพิรุณเซียนของพวกเจ้านับเป็นตัวอะไร ในเมืองเทียนเอินแห่งนี้ ค่ายพรรคเดชมารของข้าเป็นหนึ่ง แถมเขตปกครองของเรายังอยู่ใกล้เมืองเทียนเอินที่สุด ตอนนี้เมื่อข่าวได้ถูกถ่ายทอดกลับไปยังพรรคแล้ว อีกครู่เดียวย่อมมีมาสมทบ”
“น่าขัน” จอมทรราชเองก็เป็นกลั่นดวงธาตุขั้นเก้าเหมือนกัน แต่เป็นปีศาจอสูรในคราบมนุษย์ เป็นผู้ที่แทบจะมีฝีมือสูงสุดในช่วงชั้นเดียวกัน “พรรคทรราชเรายังไม่ทันเอ่ยปาก แล้วพวกเจ้าเสนอหน้ามาเกี่ยวอะไรด้วย หากท่านทั้งสองเต็มใจเข้าร่วมกับพวกเรา ข้ารับรองความปลอดภัยของท่าน”
“เหอเหอ” เจ้าสมาพันธ์อู่ซิ่งที่เป็นชาวพื้นเมืองเทียนเอินเอ่ยต่อ “หมื่นปีก่อน บรรพชนเราก็ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองเทียนเอินแห่งนี้แล้ว ที่นี่สมาพันธ์อู่ซิ่งนับว่าเป็นเหมือนเจ้าถิ่น ท่านเพียงต้องเจียดแบ่งผลอู๋เลี่ยงออกมาสักครึ่งผล แล้วเราจะรับประกันว่าท่านจะได้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ”
“ผายลมเถอะ ไอ้เฒ่า เห็นกันอยู่ว่าพรรคทรราชข้ามาก่อน อยากตายมากหรืออย่างไร! ”
“ในเมื่อท่านทั้งสองนี้ต่างก็เป็นคนของเผ่ามนุษย์เหมือนๆ กัน เขาพิรุณเซียนจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าทั้งนั้น! ”
“รอยอดฝีมือเผ่ามารข้าก่อนเถอะ พวกเจ้าจะได้ไสหัวออกไปจากเมืองเทียนเอินแน่! ”
ผู้นำสี่ขุมอำนาจทะเลาะกันเละเทะ แม้แต่อาวุโสของพวกมันทางด้านหลังยังมองกันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร กลิ่นการปะทะเริ่มคุกรุ่นมากขึ้นทุกที ใกล้จะระเบิดปะทุได้ทุกเมื่อ
อาวุโสใหญ่ฉีกยิ้ม ท่าทีสงบนิ่ง ไม่เห็นหัวหอกทั้งสี่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ฉินจิ่วเกอทราบดี อาจารย์ของตนเป็นคนยอดเยี่ยมถึงเพียงไหน เรียกว่าเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ หน่วยกล้าตายพวกนี้ อย่างมากก็เป็นแค่ตัวประดับฉากเท่านั้น
“หากพวกเจ้าทั้งสี่อยากทะเลาะกันมากนักก็เชิญไปทะเลาะกันไกลๆ อย่ามาทำตัวเป็นสุนัขขวางทางเราผู้เฒ่า! ” อาวุโสใหญ่โบกมือออกไปทางผู้นำทั้งสี่เหมือนไล่แมลงวัน
“เจ้า เจ้ารนหาที่ตาย! ” จอมทรราชที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวที่สุด ในช่วงชั้นเดียวกัน เผ่าอสูรนับว่ามีกำลังเหนือกว่าเผ่ามนุษย์อยู่เล็กน้อย
ฉินจิ่วเกอถ่มน้ำลายไปทางอีกฝ่าย กลอกตากล่าว “เจ้าหูหนวกหรือไง ถึงยังไม่รีบไสหัวไปให้พ้นๆ สักที ไม่งั้นภายใต้หนึ่งฝ่ามือคลุมฟ้าของท่านอาจารย์ข้า รัศมีร้อยลี้โดยรอบไม่ว่าจะเป็นมดปลวกแมงกุ๊ดจี่อะไรก็ตามล้วนแล้วแต่ต้องสลายกลายเป็นปุ๋ยทั้งนั้น! ”
อาวุโสใหญ่กระแอมออกมาสองสามที “แม้นั่นจะเป็นเรื่องจริง แต่ผู้ฝึกตนอย่างเราจำต้องทำตัวติดดินเข้าไว้ เจ้าต้องไว้หน้าพวกมันบ้าง”
“ขอรับท่านอาจารย์”
ศิษย์อาจารย์ตอบรับเข้าขากันดี ไม่ได้เห็นสี่ชนชั้นกลั่นดวงธาตุขั้นเก้าอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย สี่หัวหอกสีหน้าชักจะไม่สู้ดีแล้ว ต่างเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ต้องปรึกษา ลงความเห็นว่าก่อนอื่นจับตัวพวกมันมาก่อน เรื่องส่วนแบ่งค่อยว่ากันภายหลัง
อีกฝ่ายต่อให้มีฐานะสูงส่งปานใด เผ่ามนุษย์มารอสูรแต่ไรมาก็เหมือนน้ำไฟกันอยู่แล้ว จะโทษก็โทษตัวเองเถอะ
เจ้าสำนักเขาพิรุณเซียนแม้จะเป็นเผ่ามนุษย์ แต่มนุษย์ย่อมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง การที่มันร่วมมือกับสามขุมอำนาจเช่นนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของอาวุโสใหญ่เลย
“ทีนี้กระจ่างแล้วหรือยังอันใดคือการฝึกตน อันใดคือเนื้อแท้ของมนุษย์? ” อาวุโสใหญ่ให้บทเรียนแก่ลูกศิษย์แบบถึงลูกถึงคน
“กระจ่างแล้วขอรับ”
“ดี พวกเราเตรียมตัวเดินทางกลับ ถึงพรรคแล้วค่อยสั่งหม้อไฟเนื้อสุนัขที่เจ้าชอบมากินสักมื้อ ถือเป็นรางวัลให้กับเจ้า”
“ขอท่านอาจารย์อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี” ฉินจิ่วเกอสองมือกอบตระกองผลอู๋เลี่ยงสดผลนั้นส่งมอบให้แก่อาวุโสใหญ่ต่อหน้าต่อตาที่ถลึงโปนของทุกผู้คน พร้อมกันนั้น คนถ่ายเทผลอู๋เลี่ยงอีกผลจากในตันเถียน ลักลอบส่งมอบแก่อาจารย์ของมัน
“>” ศิษย์ขอแสดงความกตัญญูต่อท่านอาจารย์” ฉินจิ่วเกอหรี่ตา การกระทำของมันเมื่อครู่ ไม่มีผู้ใดจับสังเกตออกได้
อาวุโสใหญ่ประหลาดใจ หากก็รับสิ่งของมาโดยไม่แสดงท่าทีกระโตกกระตาก ศิษย์ผู้นี้ของตนเองยอดเยี่ยมยิ่ง กลับเอาผลอู๋เลี่ยงมาได้ถึงสองผล? เป็นไปได้อย่างไร นับแต่โบราณกาลมา ไม่มีผู้ใดสามารถเอามาได้ นี่ช่าง…
สายตาร้อนเร่าแผดเผาอันไม่อาจเก็บซ่อนของฝูงชนตกลงยังผลอู๋เลี่ยงสด นั่นคือวัตถุที่ตลอดใต้หล้าฟ้าดิน เพียงมีอยู่ในนาวาเรืองปัญญาเท่านั้น ยืดอายุขัยพันปี รักษาอาการบาดเจ็บทั้งมวล ตัดสะบั้นความเป็นตาย คุณสมบัติเหล่านี้คือสิ่งที่บรรดาผู้ฝึกตนล้วนเฝ้าใฝฝันถึง ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานความเย้ายวนนี้ได้
ฉินจิ่วเกอประคองส่งมอบผลอู๋เลี่ยงสดแก่อาวุโสใหญ่โดยไม่ลังเล นี่ส่งผลให้อาวุโสใหญ่ตื้นตันใจ ทว่ามันไม่ทราบ ในจุดตันเถียนขอศิษย์รักยังมีอยู่อีกเจ็ดผล นอกจากนี้ยังมีใบพฤกษาสวรรค์และกิ่งก้าน คนร่ำรวยสิ่งของยิ่ง
“อาวุโส ส่องมอบสิ่งของมาให้เขาพิรุณเซียน แล้วท่านจะได้ไม่ตกที่นั่งลำบาก” เจ้าสำนักเขาพิรุณเซียนส่งเสียงมาอีกครั้ง พยายามกั้นสายตาอิจฉาของสามค่ายที่เหลือไว้
อาวุโสใหญ่พ่นลมออกมาเบาๆ แล้วเก็บผลอู๋เลี่ยงลงไป จากนั้นคว้าคอเสื้อของฉินจิ่วเกอขึ้นมา
“อาศัยพวกเจ้า มีหรือจะรั้งข้าไว้ได้! ”
“มัวพล่ามอะไรอยู่ได้ พวกเราช่วยกันจับมันมาก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง! ” จอมทรราชแกว่งหมัดเกรี้ยวกราด สิ้นเสียงออกคำสั่ง กลั่นดวงธาตุทั้งหมดก็ดีดตัวไปข้างหน้า แสงสีจากการโจมตีกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
กลั่นดวงธาตุนับสิบลงมือ ทบทวีกับพิสุทธิ์ไพศาลอีกนับร้อย ภาพเหตุการณ์นี้แค่คิดก็ชวนให้ขนลุกขนพองแล้ว สี่กลั่นดวงธาตุขั้นเก้าผู้ยิ่งใหญ่ลงมือพร้อมกัน คลื่นมรสุมกวาดม้วนเข้าหาอาวุโสใหญ่อย่างเหี้ยมเกรียม
กลั่นดวงธาตุที่เหลือกางม่านปราการป้องกันเมืองเทียนเอิน ปิดล้อมตัวเมืองเอาไว้ ทำการปิดล้อมอย่างแน่นหนาทุกทิศทาง!
“ไสหัวไปซะ! ”
เห็นจอมทรราชบุกลุยเข้ามา อาวุโสใหญ่ไม่แม้แต่จะหลบหลีก คนส่งกำปั้นออกไปหนึ่งหมัด ยามที่กำปั้นของคนทั้งสองปะทะกัน จอมทรราชที่เป็นปีศาจอสูร ต่อให้ยามนี้อยู่ในร่างมนุษย์ พลังที่แฝงอยู่ในกำปั้นนี้ก็ยังมากมายสุดคณานับ
จนถึงขั้นทะลวงภูผาได้ทั้งลูก
ภายใต้การแลกหมัด มิติก็เริ่มสั่นสะเทือนหึ่งหั่งทำท่าจะปริแตกได้ทุกเมื่อ ไม่นานก็เกิดเสียงฉีกขาด
คว่าก!
ที่ทำให้ทุกคนแตกตื่นจนตาแทบถลนก็คือ ยามที่กำปั้นของคนทั้งสองปะทะกัน อาวุโสใหญ่กลับเป็นฝ่ายกดดันจอมทรราชจนล่าถอยไปถึงสามก้าว จากนั้นถูกลูกถีบตามมาอีกคราหนึ่ง กดดันจอมทรราชจนต้องถดถอยไปอีกพันเมตร โดนทั้งหมัดทั้งลูกเตะ คนจึงกระอักเลือดออกจากปากเป็นฝอยๆ
ทั่วทั้งบริเวณล้วนส่งเสียงกันระงม นั่นเป็นถึงกลั่นดวงธาตุขั้นเก้าเลยเชียวนะ! นอกจากกฎสรรพสิ่งแล้ว ใต้กล้านี้ก็ไม่มีใครรับมือด้วยได้อีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายมีศักยภาพของเผ่าอสูรอยู่กับตัว เทียบกับมนุษย์แล้วยังแกร่งกร้าวกว่ากันอยู่หลายส่วน
“แหลกไปซะ! ” อาวุโสใหญ่กระแทกพลังอีกสามสายที่เหลือด้วยตัวคนเดียว เพียงแค่รัศมีที่แผ่พุ่งออกจากตัว ก็ขู่ขวัญสามหัวหอกที่เหลือได้อย่างชงัดแล้ว
สี่กลั่นดวงธาตุขั้นเก้ากลับถูกอาวุโสใหญ่รับมือต้านทานไว้ได้ง่ายๆ
“เป็นไปได้ยังไง อย่าบอกนะว่ามันบรรลุถึงขอบเขตตัวประหลาดเฒ่ากฎสรรพสิ่งแล้ว? ” มีคนส่งเสียงกรีดร้อง ดูท่าสี่ขุมอำนาจใหญ่คราวนี้จะเตะถูกของแข็งเข้าซะแล้ว
“ไม่น่าเป็นไปได้” กลั่นดวงธาตุอีกคนเห็นแย้ง “บนตัวมันปราศจากระลอกแห่งกฎเกณฑ์ ดูจากขอบเขตพลัง สมควรเป็นกลั่นดวงธาตุเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ยิ่งร้ายกาจเข้าไปอีก คนเพียงคนเดียวกลับจัดการสี่หัวหอกจนอยู่หมัด! ”
จอมทรราชเคลื่อนร่างวูบวาบกลับมารวมกลุ่ม ยกมือปาดเลือดบนมุมปากอย่างเคียดแค้น สามหัวหอกที่เหลือต่างตระหนักว่าพวกมันได้ล่วงเกินอาวุโสใหญ่เข้าแล้ว หากไม่แย่งผลอู๋เลี่ยงมาให้ได้ เกรงว่าแม้แต่ทุนรอนก็ยังต้องเกลี้ยงหมดหน้าตัก
“ปิดล้อมเมืองให้มิดชิด เปิดปราการป้องกันให้เต็มสูบ! ” สี่หัวหอกหยิบเอาตราหยกออกมา นั่นคือสัญลักษณ์แสดงถึงการร่วมมือปกครองเมืองเทียนเอินแห่งนี้ของสี่ขุมอำนาจใหญ่ แน่นอนว่าต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ ย่อมไม่ต้องงัดออกมาใช้
เมืองเทียนเอินอันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบนฟ้าหรือบนพื้น กลับปรากฏม่านแสงบางเบาผืนหนึ่งคลี่คลุมปิดกั้นการเชื่อมต่อสื่อสารกับโลกภายนอกอย่างแน่นหนา เพียงเปิดใช้ค่ายกลครองเมืองในครั้งนี้ ทุนที่ต้องใช้กลับมากมายถึงหลายล้านศิลาวิญญาณระดับต่ำ!
“หึ กับอีแค่ลูกหนูสี่ตัว เข้ามาพร้อมๆ กันเลยเถอะ! ” อาวุโสใหญ่แหวกมิติ วาดมือออกเป็นรูปวงกลมใต้ฝ่าเท้าของฉินจิ่วเกอ
วงกลมนี้รายล้อมรอบตัวฉินจิ่วเกอ ราวกับเป็นรับสั่งสวรรค์จากองค์จักรพรรดิ ขอเพียงออกคำสั่ง สรรพชีวิตล้วนไม่กล้าขัดขืน
“รออยู่ด้านในนี่แหละ อาจารย์ไปสักประเดี๋ยวจะกลับมา!:red”>”
อาวุโสใหญ่มิได้ลงมืออย่างจริงจังมาเนิ่นนานแล้ว ยามเผชิญหน้ากับสี่ยอดยุทธ์เก้าด้วงธาตุยังไม่ออมรั้งแม้แต่น้อย กลับกันบังเกิดความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมจนฝ่ายตรงข้ามต้องหน้าถอดสี
“ท่านอาจารย์วางใจ ศิษย์จะทำตัวลีบอยู่ในวงล้อมอย่างว่าง่าย รอคอยท่านประกาศศักดาไปทั่วทิศ” ฉินจิ่วเกอปราศจากความละอาย หดหัวเข้าสู่กระดองเต่า ร้องท้าทายใส่กลั่นดวงธาตุที่สายตาไม่เป็นมิตรโดยรอบ
“มาสิ ถ้ากล้าก็เข้ามาจับข้าให้ได้สิ!”
“ไอ้เด็กเหลือขอ ไม่ไหวแล้ว จัดการมัน!”
“พวกเราไม่กี่คนนี่ล่ะ ฆ่ามันซะ!”
ฉินจิ่วเกอแลบลิ้นปลิ้นตา ส่ายหน้าล้อเลียน “มาเลยมาเลย กลั่นดวงธาตุแล้วยังไง จับข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากล่าว”
“ข้าเอง!”
สามอาวุโสจากสี่กองกำลังลงมือแล้ว พวกมันมีพลังฝีมือขอบเขตกลั่นดวงธาตุขั้นหก นับเป็นเสาหลักของขุมกำลังพวกมัน ทว่าสามหกดวงธาตุเค้นเรี่ยวแรงตั้งแต่ดูดนมมารดาออกมา ยังไม่มีปัญญาทลายปราการที่อาวุโสใหญ่ขีดล้อมฉินจิ่วเกอไว้
ฉินจิ่วเกอยืนอยู่ในวงกลม สองมือกอดอก ถลึงตาเชิดจมูกแค่นเสียงเฮอะ ท่าทางอวดโอ่ลำพองจนเกินทานทน
“ข้าไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้!”
กลั่นดวงธาตุเจ็ดแปดคนลงมือโดยพร้อมเพรียง พลังจู่โจมอันมหาศาลสั่นเขย่าห้วงมิติ รัศมีพลังที่หลงเหลือพลิกตลบพื้นดินทรายนับพันหมื่นตันจนเป็นเศษผง การโจมตีครานี้มาจากทุกทิศทาง ทว่าแสงสีทองเจิดจรัสปัดเป่าสิ้น ยังคงยืนหยัดไม่เคลื่อนไหว
อาวุโสใหญ่หลังขีดวาดวงล้อมขึ้นก็ไม่แยแสสนใจศิษย์รักอีก ขอเพียงมันไม่คิดหาที่ตายออกจากวงล้อมมาเอง ไม่ว่าผู้ใดก็ทำอะไรมันไม่ได้ อาวุโสใหญ่ที่กำลังเผชิญหน้าสี่หัวหอกของกองกำลังทั้งสี่อาภรณ์กระพือพรึ่บพรั่บ สองมือสอดใต้สายรัดเอว ยืนหยัดอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว
“พวกเราอย่าได้ออมมือ โจมตีเต็มกำลัง!” จอมทรราชคิดบัญชี ยื่นมือออกคิดหาโอกาสสังหารอาวุโสใหญ่ อีกสามคนเมื่อเห็นเช่นนั้นล้วนลงมือเต็มกำลัง ระเบิดพลังโจมตีขั้นเก้าดวงธาตุออกมา ฟาดถล่มโถมทับใส่ศัตรู
ยอดคนเก้าดวงธาตุทั้งสี่ร่วมผสาน พลังแทบบรรลุถึงขั้นแหวกชำระกายา ออกรบร้อยครั้งไม่พ่ายแพ้
“มรสุมบรรพกาล!” อาวุโสใหญ่ตวาดลั่น บ้านเรือนสิ่งก่อสร้างโดยรอบรัศมีพันเมตรล้วนแหลกสลาย ถูกมรสุมพัดม้วนขึ้นสู่กลางหาว แปรสภาพเป็นพายุทอร์นาโดลูกยักษ์กวาดถล่มใส่ทั้งเมืองเทียนเอิน
ส่วนผู้ใต้สังกัดที่สี่ขุมอำนาจใหญ่พามา พิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุดจำนวนมากมายมหาศาลล้วนถูกคลื่นพลังฉีกกระชาก นับแต่กลั่นดวงธาตุขั้นสามลงมา ล้วนถูกพลังกระแทกจนตกตายไปสิ้น!
ครืนนน!
เกิดการปะทะหักหาญ ติดพันสูสีกันอยู่สามวิ อาวุโสใหญ่ก็ตะลุยไปข้างหน้าก้าวต่อก้าว เหนือศีรษะคือสวรรค์ ทุกฝีเท้ากวาดล้างรอบทิศทาง ค่อยๆ เอาชัยเหนือสี่หัวหอก
ไม่นานก็มีมังกรเทวะจุติลงจากสวรรค์ เลื้อยวนไกลสุดขอบฟ้า ทะลวงผ่านยอดเมฆ ก่อนไปปะทะเข้าใส่ค่ายกลของเมืองเทียนเอิน
แคร่ก!
ค่ายกลคุ้มภัยที่อยู่มานานนับร้อยปีที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือของนักจัดวางค่ายกลขั้นเจ็ดจำนวนมากเริ่มที่จะเกิดรอยปริร้าว ดวงตาค่ายกลเคลื่อนพลิก ต้องสิ้นเปลืองศิลาวิญญาณเป็นจำนวนสุดคณานับจึงจะต่อต้านมังกรเทวะนี้ได้
มังกรตัวนั้นเลิกสนใจปราการป้องกัน แต่พุ่งดิ่งลงสู่เมืองเทียนเอินแทน เกิดพลังอสนีบาตแลบปลาบ สั่นสะเทือนมวลมิติรอบด้าน จนเริ่มที่จะเกิดรอยปริแตกเฉียบบางออกมาทั่วทุกที่
“อ๊า! ” สี่หัวหอกต่างกระอักเลือดออกมาโดยพร้อมเพรียง ร่างปลิวไปข้างหลังนับหมื่นเมตร ก่อนจะตกกระแทกลงบนกำแพงเหล็กหนาหลายสิบเมตร จนฝากรอยลึกเอาไว้เป็นของดูต่างหน้า เมื่อนั้นร่างของพวกมันถึงค่อยหยุดลง แต่ก็ยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หายอยู่ดี
“ฆ่า! ” อาวุโสใหญ่แกว่งหมัดออกตามติด มังกรเทวะบนนภาพ่นเปลวเพลิงร้อนลวกไปทั่วแห่งหน จนท้องนภาในระยะหลายพันเมตรตลอดทั้งเมืองเทียนเอินลุกไหม้เป็นทะเลเพลิงอันโชติช่วง
“สี่ขุมอำนาจใหญ่ตุนศิลาวิญญาณระดับต่ำกว่าแปดสิบล้านก้อนเอาไว้เป็นแหล่งพลังงานค่ายกล แต่บัดนี้กลับหดหายไปแล้วถึงครึ่ง ในอดีตเคยมีเจ็ดชนชั้นกลั่นดวงธาตุขั้นเก้าที่ตั้งใจจะช่วงชิงอำนาจการปกครองเมืองเทียนเอินไปจากมือของพวกมัน แต่ก็ต้องใช้เวลานานถึงสองวันกว่าที่จะฝ่าทะลวงค่ายกลชนิดนี้มาได้