เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ - ตอนที่ 188 ปะทะเดือด
“เป็นเจ้า? ” เทียนหมิงเสียที่ตั้งใจจะออกมาสูบเลือดเพิ่มพูนระดับฝีมือยิ่งประหลาดใจกว่าฉินจิ่วเกอ เพราะคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังมีชีวิตอยู่
“วาสนานำพาจริงๆ ตกบึงมารมรณา แต่กลับรอดชีวิตมาได้ เป็นเจ้าเด็กเหลือขอที่ฆ่าไม่ตายอย่างแท้จริง! ”
เพื่อช่วยเหลือลั่วเฉินขจัดอุปสรรค ฉินจิ่วเกอได้ขึ้นรายชื่อบุคคลที่ต้องกำจัดของเทียนหมิงเสียมานานแล้ว ไม่คาดเส้นทางสู่สวรรค์นั้นไม่ไป กลับเลือกเส้นทางสู่ขุมนรก บุกเข้ามาหามันถึงที่เสียเอง
ประเสริฐ วันนี้ข้าจะดูดวิญญาณเจ้า ไม่ให้เจ้าได้ผุดได้เกิดอีก ดูซิว่าคราวนี้ยังจะรอดชีวิตกลับมาได้หรือไม่!
“ที่แท้เป็นเจ้า! ” ฉินจิ่วเกอนัยน์ตาทะมึนลงทันที ขนชี้ชัน ขาตรึงแน่นอยู่กับพื้น
“เคี๊ยกเคี๊ยก วันนี้บิดาจะทำลายเจ้าไม่ให้เหลือซาก ดูสิว่าเจ้ายังจะรอดอยู่ไหม! ”
“เฒ่าสวะ ให้ปู่น้อยผู้นี้ตามหาเจ้ามาเสียนาน! ” ฉินจิ่วเกอที่ขโมยร่างนี้มา ในก้นบึ้งของจิตใจยังคงหลงเหลือมารในใจอยู่เสี้ยวหนึ่ง
หากกำจัดเทียนหมิงเสียลงได้ มารที่ว่าก็จะสลายไปอย่างหมดจด
“น่าขัน ด้วยวรยุทธของเราผู้เฒ่า แม้ไม่กล้าวุ่นวายกับศิษย์สายตรงเหล่านั้น แต่คิดกำจัดเจ้า แค่นี้ก็เหลือแหล่”
“เฮอะ เป็นแค่สุนัขเฒ่าใกล้ตาย แถมยังบาดเจ็บสาหัส แล้วจะมาเทียบชั้นกับข้าได้อย่างไร! ”
ฉินจิ่วเกอสืบเท้ามาครึ่งก้าว ซากร่างของสัตว์อสูรตัวก่อนหน้าพลันเหี่ยวเฉาลงเพราะถูกเทียนหมิงเสียที่แฝงตัวอยู่ในดินดูดกลืนแก่นโลหิตไปส่วนหนึ่ง
“อยากดูดเลือดข้ามากนักใช่ไหม เช่นนั้นก็ลองดู! ”
“เจ้าเด็กเหลือขอ ข้าฆ่าเจ้าไปสองครั้งแต่ก็ยังรอดมาได้ วันนี้แหละที่ดวงวิญญาณของเจ้าจะต้องตกเป็นของข้า! ”
เทียนหมิงเสียยังคงบาดเจ็บสาหัส แต่ในฐานะผู้ฝึกวิชาปีศาจมันจึงกระหายต่อดวงวิญญาณและแก่นโลหิตอย่างยิ่งยวด
พอเห็นซากร่างสัตว์อสูรที่ฉินจิ่วเกอล้มลงก่อนหน้านี้ มันก็แทบจะพุ่งเข้าไปสูบกลืนเลือดเนื้อให้หนำใจ
แต่ฉินจิ่วเกอมองขาด จึงยิ่งดูดแก่นโลหิตให้มากขึ้น กำลังรับยิ่งมายิ่งเพิ่มพูน
“เอามาให้ข้า! ”
ภายในป่ารกชัฏ นอกจากเสียงกู่ร้องของสัตว์อสูรที่ดังมาเป็นพักๆ ก็ไม่มีมนุษย์ที่ไหนกล้าเฉียดใกล้
ฉินจิ่วเกอใช้ออกด้วยเคล็ดกิเลนครองฟ้า ฝ่ามือขนาดสิบเมตรเรียกเอาแก่นโลหิตระลอกนั้นเข้าสู่ใจกลางฝ่ามือ แล้วดึงเข้าหาตัว
“ไปเรียนมาใหม่! ” เทียนหมิงเสียแสยะปากเกรอะโลหิตของมัน เผยให้เห็นแนวฟันแหลมคมดั่งเหล็กกล้า ส่องประกายคมวาวอย่างน่าขนลุก
แคร่กแคร่ก!
เลือดปริมาณมหาศาลของสัตว์อสูรพลันถูกเทียนหมิงเสียควบคุมออกจากซาก ต่อมาก็ถูกฉินจิ่วเกอใช้หัตถ์อสูรแย่งชิงกลับไป
“หมื่นบรรพตค้ำสมุทร!”
ฉินจิ่วเกอรีดเค้นกำลัง สรรพสิ่งรอบด้านถูกพลังน้ำหนักหลายหมื่นจินสะกดทับ สังขารของสัตว์อสูรที่ปราศจากพลังชีวิตคอยเกื้อหนุนจึงเริ่มที่จะแตกสลายภายใต้แรงกดดันหนาหนัก สุดท้ายก็กระจายออกเป็นหมอกโลหิต เหลือไว้เพียงไขกระดูกที่กำลังจะแตกสลายตามไป
“ไม่เลวนี่ พลังของเจ้าถึงกับเหนือกว่าเมื่อก่อน! ”
เทียนหมิงเสียที่จริงประหลาดใจยิ่ง ไม่ยอมล้มเลิกศึกแย่งชิงแก่นโลหิตสัตว์อสูรนี้ไปง่ายๆ
ตอนที่มันไล่ล่าอีกฝ่ายในป่าปีศาจสวรรค์ เจ้าเด็กนี่ยังเป็นเพียงชนชั้นปราณสุริยันเท่านั้น แถมตอนนั้นมันก็ทำลายจุดตันเถียนของอีกฝ่ายไปแล้วชัดๆ แต่ตอนนี้ เจ้าเด็กนี่กลับทะลวงชั้นพิสุทธิ์ไพศาล ชัดเจนว่าต้องมีของดีอยู่กับตัว!
“เอามาให้ข้า! ” เทียนหมิงเสียสองมือแปรเปลี่ยนเป็นกระแสวายุดำ รอบด้านถูกพัดกวาด ทันทีที่ป่าเขียวครึ้มถูกไอทมิฬแตะสัมผัส ก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นของเหลวที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายความตายส่งกลิ่นเหม็นฉุนไปทั่วสารทิศ
“สยบ!”
หมื่นบรรพตค้ำสมุทรเพิ่มระดับพลังอย่างต่อเนื่อง สะกดทุกสรรพสิ่งรอบตัว แรงโน้มถ่วงพลันเพิ่มสูงนับแสนจิน ไม้ใหญ่ยังต้องล้มครืน
เทียนหมิงเสียยังไม่รู้ว่าลั่วเฉินถูกธาตุไฟเข้าแทรก และฟื้นคืนสติมาได้เพราะผลอู๋เลี่ยงสด
เรื่องนี้ อาวุโสใหญ่กำชับให้เก็บเป็นความลับ ส่วนตัวลั่วเฉินเองก็รู้สึกขายขี้หน้า จึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้กับท่านลุงสองของมัน
แต่เทียนหมิงเสียคาดเดา บนตัวของฉินจิ่วเกอจะต้องมีวาสนายิ่งใหญ่บางประการอยู่ ไม่เช่นนั้น ตอนที่มันฆ่าเจ้าเด็กนี่ครั้งแรก ชัดเจนว่าเส้นชีพจรและจุดตันเถียนล้วนถูกทำลายไปแล้ว ไฉนยังอยู่รอดมาได้!
คนทั้งสองต่อสู้ขับเคี่ยวกันชั่วขณะ แก่นโลหิตระลอกนั้นบัดเดี๋ยวเคลื่อนไปทางซ้ายบัดเดี๋ยวเคลื่อนไปทางขวา สุดท้ายก็ระเบิดออกกลางอากาศ กลายเป็นละอองพิรุณโลหิตขนาดเท่าเส้นขนเล็กๆ ที่พลิกโถมเดือดพล่าน
ตึงตึง!
ฉินจิ่วเกอล่าถอยไปเจ็ดก้าว บนพื้นเกิดรอยแตกลึก สองแขนด้านชา
เทียนหมิงเสียเองก็ร่นถอยไปครึ่งก้าว ในใจตื่นตะลึง
เจ้าหนูนี่ อาศัยวรยุทธพิสุทธิ์ไพศาล ยังเทียบชั้นกับตนได้?
ต่อให้บาดเจ็บหนัก กำลังรบของตนก็ยังอยู่ที่กลั่นดวงธาตุขั้นหนึ่งอยู่ดี จะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
“สวะเฒ่า ข้าว่าเจ้าคงนอนโลงมานานเกินไปแล้ว แม้แต่สมองก็พิกลพิการจนหมดเรี่ยวแรงแล้วกระมัง?” ฉินจิ่วเกอถ่มน้ำลาย ไอวิญญาณโคจรผ่านไขกระดูก บรรเทาอาการบาดเจ็บเมื่อครู่
“เจ้าเด็กปากดี คอยดูว่าบิดาจะจับเจ้ามากลั่นเป็นน้ำเลือดอย่างไร!”
เทียนหมิงเสียสองมือตวัดวาด ทันใดนั้นกระแสวายุคลั่งสีดำก็ก่อตัวขึ้นจากอากาศธาตุ ส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้ง บดขยี้ซากอสูรบนพื้นให้กลายเป็นผงคลี
“หมื่นราชันมารพิฆาต!”
ลมทมิฬก่อตัว ก่อนจะเปลี่ยนสภาพเป็นกะโหลกใหญ่ยักษ์ที่มีขนาดเท่าช้างหนึ่งโขลง เส้นแสงรอบด้านพลันเหือดหาย ส่งผลให้พื้นที่บริเวณนี้มืดครึ้มลงทันตา
ตึงตึงตึง!
ฉินจิ่วเกอเซถอยไปหลายร้อยเมตร ระหว่างมันและเทียนหมิงเสียพลันเกิดระยะห่างขึ้น เคล็ดมารมายาถูกกระตุ้นใช้งาน ร่างวูบไหวเหมือนดาวหาง ส่งผลให้วายุดำที่คมกริบดั่งใบมีดหอบนั้นไม่อาจเฉือนได้แม้แต่ชายเสื้อของมัน
“เจ้าเด็กเหลือขอ เราผู้เฒ่ามีกำลังชั้นกลั่นดวงธาตุ ไม่ว่าเจ้าจะหนีหัวซุกหัวซุนยังไง ก็ล้วนเปล่าประโยชน์! ”
“ก็แค่กำลังรบเท่ากลั่นดวงธาตุ หากเจ้าเป็นกลั่นดวงธาตุขั้นหนึ่ง ปู่น้อยผู้นี้ยังพอกลัวเจ้าอยู่สามส่วน แต่เจ้าในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเปลือกกลวงโบ๋เท่านั้น! ”
“ตาย!”
กะโหลกยักษ์แสยะปากเผยคมเขี้ยวอยู่กลางเวหา ส่งไอทมิฬเข้มข้นแผ่พุ่งลงสู่หล้า
หลังถอยร่นต่อไปอีกร้อยเมตร พบว่าต้นไม้เก่าแก่ตามรายทางล้วนถูกป่นสลายกลายเป็นผงไปจนหมด แม้แต่พฤกษอายุราวพันปียังต้องหักกลวง แผ่นดินแตกระแหงเป็นหย่อมใหญ่ ดินโคลนปะทุไปทั่วทุกระแหง ส่งแรงสั่นสะเทือนไปรอบด้าน
“เคล็ดกิเลนครองฟ้า!”
เมื่อถอยมาได้ระยะหนึ่ง ฉินจิ่วเกอก็ค่อยๆ ผนึกเคล็ดวิชายุทธชั้นเจตจำนงสวรรค์อย่างระมัดระวัง
หยกที่ดี เจ็ดในสิบส่วนขึ้นอยู่กับฝีมือผู้เจียระไน
ในทำนองเดียวกัน เคล็ดวิชายุทธเองก็ต้องผ่านการขัดเกลาอย่างใส่ใจ ต้องทุ่มเททั้งกายและใจกว่าที่จะออกมาสมบูรณ์แบบได้
สำแดงความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในเคล็ดวิชาให้บรรลุถึงเขตขั้นที่เหนือกว่า
พรึ่บ!
จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดหม่น หัตถ์อสูรขนาดมหึมาเคลื่อนผ่านชั้นไอวิญญาณหนาแน่น ครอบคลุมเหนือกะโหลกทมิฬน่าสะอิดสะเอียนใบนั้น ร่วงหล่นจากท้องนภา
ขนาดร้อยเมตร แข็งแกร่งคงกระพัน
นิ้วมือทั้งห้าของหัตถ์อสูรมีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวมนุษย์ ผอมลีบยาวขาวเป็นความรู้สึกน่าพิศวง ปลายเล็บแหลมคมที่ดูจะกรีดเฉือนได้ทุกสรรพสิ่ง บนผิวสลักลวดลายอักขระที่ดูคล้ายมังกรอสรพิษเลื้อยพันกันอย่างซับซ้อน
เกล็ดดำแผ่คลุมเป็นชั้นๆ เหมือนผลึกศิลาบนหลังมือ อากาศรอบด้านส่งเสียงครางกระหึ่ม ฉีกขาด บดขยี้ ระเบิด และเลื่อนลั่นเหมือนเสียงอสนีบาตแปลบปลาบ
“สะบั้น! ”
ฉินจิ่วเกอกางแขน บรรทัดทองคำบนฟ้ากวาดใส่รอยต่อระหว่างมันและเทียนหมิงเสีย
เหนือตัวบรรทัดมีอักขระปริศนาลงลวดลายไว้ ส่งเสียงกระหึ่มทุ้มอยู่เนืองๆ แม้ไร้คมแต่ก็เป็นคม สามารถตัดขนที่งอกขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจได้อย่างง่ายดาย
คว้าก!
ฉินจิ่วเกอยืนอยู่ใต้บรรทัดทองคำ หลิงไถหมุนวน บรรทัดทองคำยืดขยายไร้สิ้นสุด ดูเหมือนกำแพงสวรรค์แถบหนึ่ง
“กลืน! ”
ไอทมิฬจากทั่วร่างควบรวมกับกะโหลกดำ เทียนหมิงเสียกัดฟันกรอด พ่นแก่นโลหิตสีดำที่มีลักษณะเป็นพิษตามเข้าไปด้วย
กะโหลกยักษ์ยิ่งมายิ่งพองโต แนวกรามบนล่างขยับขูดเสียดกันไปมา หมายจะกลืนกินฉินจิ่วเกอเข้าไปทั้งเป็น
ทั้งบรรทัดทองคำและหัตถ์อสูรยักษ์ต่างก็ถูกไอทมิฬที่หนาแน่นดั่งคลื่นสมุทรห่อหุ้มกลบกลืน ไอวิญญาณถูกไอพลังลบกร่อนสลาย
“สะบั้น! ”
ฉินจิ่วเกอสองมือผนึกนิ้วทองคำ หมุนวนไปพร้อมกับท้องนภาสามร้อยหกสิบองศา ใช้กฎเกณฑ์ผนึกความผันผวน กิเลนครองฟ้าและบรรทัดตารางนิ้วในหลิงไถพลันเกิดการวิวัฒน์ผสานขึ้นใหม่
พลังแห่งจิต มีรูปแต่ไร้ลักษณ์ หากกลับสามารถก่อเป็นร่างสังขาร
หัตถ์อสูรร้อยเมตร สะเทือนภูเขาบรรพต
เส้นสายบนมือเหมือนลวดลายบนชะง่อนผา กล้ามเนื้อเหมือนศิลาแกร่ง กุมบรรทัดทองคำ เปิดจักรวาล พัดกวาดลมหมอก ไพศาลไร้ขอบเขต
กะโหลกยักษ์ค้ำฟ้าดิน สยบทุกสรรพสิ่ง
ไอพลังลบกัดกร่อน ไอปีศาจกระหวัดพัน ความมืดครองอาณาราช กลบกลืนเส้นแสง
ทั้งสองฝ่ายปะทะอย่างดุดัน แม้เงียบงันไร้เสียง แต่มิติรอบด้านกำลังสั่นไหวคลอนแคลน จนแก้วหูแทบปริขาด
ฉินจิ่วเกอไอระโหยออกมาคำหนึ่ง เพียงรู้สึกแน่นขัดที่หน้าอก กะโหลกดำที่เคยอยู่ห่างออกไปก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าแทบจะในทันที
เทียบกับหัตถ์อสูรที่เกะกะเทอะทะแล้วยังปราดเปรียวกว่ากันไม่รู้กี่เท่า!
วิชายุทธชั้นเจตจำนงสวรรค์ พลังอำนาจไร้ทัดเทียม
ยามสำแดงพลังออก กลับไม่สะดวกดายเท่าเคล็ดวิชาธรรมดาทั่วไป
อย่างไรเสียวิชาชั้นเจตจำนงสวรรค์ก็มีแต่กฎสรรพสิ่งเท่านั้นที่สามารถใช้พลังที่บ่มเพาะมาชั่วชีวิตเพาะสร้างขึ้นมาได้
ส่วนเคล็ดวิชายุทธขั้นหนึ่งถึงเก้าส่วนใหญ่ ล้วนเป็นผลงานของกลั่นดวงธาตุจากยุคบรรพกาลที่สั่งสมกันมา หากคนในปัจจุบันต้องการที่จะเปิดเส้นทางวิชาสายใหม่ขึ้น ย่อมต้องเจออุปสรรคนานัปการ
หัตถ์อสูรยักษ์เคลื่อนตัวลงจากสวรรค์ บรรทัดทองคำในมือกวัดแกว่งเป็นแนวขวาง แต่ก็ยังช้าไปไม่กี่อึดใจ
พลังกฎเกณฑ์ที่ฉินจิ่วเกอประทับเอาไว้ ไม่อาจสลายกะโหลกทมิฬไปได้หมด ไอปีศาจชำแรกเข้ามาถึงภายในร่างของฉินจิ่วเกอ จนเส้นสายโลหิตทั่วร่างต้องพลิกคว่ำพลิกหงาย เนื้อตัวเปลี่ยนเป็นสีดำ พลังชีวิตถูกสูบกลืนในอัตราที่น่าใจหาย
“ระเบิด!”
นึกไม่ถึงว่าเทียนหมิงเสียจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ อีกฝ่ายแสร้งทำทีเป็นปะทะกับตนซึ่งหน้า แต่ที่จริงกลับฉวยโอกาสเล่นงานอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว
ฉินจิ่วเกอไม่แยแสพลังจากกะโหลกทมิฬที่กำลังกัดกินร่างอีกต่อไป ตรงข้ามมันกลับควบคุมหัตถ์อสูรให้พลิกบรรทัดตารางนิ้วเข้าหาเทียนหมิงเสียโดยตั้งใจที่จะปลิดชีวิตอีกฝ่าย
พุ่งผ่านไปทางใด ล้วนปรากฏพสุธาแตกกระจาย ท้องนภาคล้ายถูกตัดขาด สรรพสิ่งบดขยี้สังหาร!
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไร้ขอบเขต !”
เทียนหมิงเสียมีเพียงพลังรบชั้นกลั่นดวงธาตุ แต่ปราศจากกายาสุวรรณอมตะและมหาวิถีดวงธาตุทองคำอย่างที่กลั่นดวงธาตุทั่วไปพึงมี
พลังส่วนใหญ่ของมันล้วนถูกใช้ไปกับการสะกดบาดแผลในอดีตนั้น ทำให้สังขารของมันไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร
พบเห็นหัตถ์อสูรยักษ์กวาดโถมเข้าหา เปี่ยมศักดานุภาพหมายชีวิต เทียนหมิงเสียจึงมิอาจไม่สละอายุขัยร้อยปีของตัวเอง สังเวยให้กับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ของพรรคโลหิตนภา——มหาจักรพรรดิโลหิตนภา!
เทียนหมิงเสียไม่สำนึกเสียใจ ตราบใดที่สามารถกำจัดเจ้าเด็กเหลือขอนี่ได้ ตนสามารถขุดเอาวาสนาบนตัวอีกฝ่ายออกมาเพื่อเป็นการชดเชยได้อยู่
ตูม!
ไอปีศาจสุดไพศาลปะทุออกจากพื้นดิน กายาราชันอมตะห่อหุ้มเทียนหมิงเสียไว้ภายใน ก่อนจะแน่นิ่งไม่ไหวติง นี่คือไอพลังลบที่พรรคโลหิตนภากลบฝังไว้เพื่อใช้ในการกระตุ้นให้เกิดคลื่นสัตว์อสูร
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไร้พ่าย! ”
ไอพลังลบเสมอเหมือนดาบ กระบี่ ทวน ทวนวงเดือน ไอปีศาจเสมอเหมือนขวานศึก สามง่าม ตะขอ ขวาน ไอพลังหยินเสมอเหมือนพลอง กระบอง แหลนยาว และตรีศูล
เทียนหมิงเสียทำพิธีสังเวยแก่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์โลหิตนภา และได้รับอาณัติจากองค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
ภายในสะกดดวงวิญญาณกำสรดของผู้ล่วงลับนับล้าน ครั้นแล้วหัตถ์อสูรยักษ์หรือแม้แต่ศาสตราบรรพกาลอย่างบรรทัดตารางนิ้วก็ถูกสูบกลืนเข้าไปจนหมดสิ้น
“พรวด! ”
ฉินจิ่วเกอเม้มปากแน่น แต่ก็ยังมีศรโลหิตทะลักออกจากจมูกจนแทบสิ้นสติสมประดีไป
เทียนหมิงเสียเหมือนปลดเปลื้องภาระหนักอึ้ง ร่างอ่อนปวกเปียก ดูแก่ชราขึ้นทันตาเห็น ราวกับว่าอีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงเวลาสิ้นลม
ศีรษะผุกร่อนของมันโน้มต่ำเหมือนกิ่งไม้ ในดวงตาคุคั่งไปด้วยเพลิงกัลป์สีครามเขียว ค่อยๆ ลากเท้าเข้าหาฉินจิ่วเกอเหมือนท่อนไม้ใกล้ฝังโลง
“เคี๊ยกเคี๊ยก ถือว่าเจ้าเองก็มีดีไม่น้อย แต่ริอ่านสู้กับข้า จุดจบคือความตายสถานเดียว”
เทียนหมิงเสียที่เป็นต่อฉินจิ่วเกอในเวลานี้รู้สึกสดชื่นเบิกบานยิ่ง แม้ตัวมันในตอนนี้จะรีดเค้นพลังออกมาไม่ได้แม้แต่หยดเดียวแล้วก็ตาม
แต่ถ้าสามารถขจัดหอกข้างแคร่นี้ไปได้ ก็ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
“มอบแก่นโลหิตและหลิงไถของเจ้ามาซะ! ”
เทียนหมิงเสียเหยียดปลายนิ้วที่แลดูเหมือนซากศพเข้าหา ผิวหนังเปื่อยยุ่ยเหมือนเปลือกองุ่นย่นเน่าหุ้มกระดูกสีดำคล้ำแลดูน่าขวัญผวา
ในขณะที่เทียนหมิงเสียใกล้เข้ามาและกำลังจะเอื้อมมือเข้าหาจุดหลิงไถของเจ้าเด็กตรงหน้า ฉินจิ่วเกอที่หมดสติไปจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นโพลง……