เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - ตอนที่ 2955 ความหยิ่งผยองของกระบี่เหินเทียนเจียว กระบี่ของเทพกระบี่ กระบี่ที่ยากจะหาใดเทียม กระบี่ลักษณะเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนอยากได้ครอบครองมากเหลือเกิน ในเวลานี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องเขม็งไปที่กระบี่ยาวเล่มนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่เหินเทียนเจียวถึงกับลุกขึ้นยืน นัยน์ตาของนางได้จับจ้องไปที่กระบี่ยาวเล่มนี้อย่างไม่ให้คลาดสายตา เหมือนว่ากระบี่ยาวเล่มนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากนาง ขณะที่ทุกคนต่างจ้องไปที่กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้อยู่นั้น เจ้าถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีได้ยิ้มแต้กล่าวกับกระบี่เหินเทียนเจียวว่า “แม่นางกระบี่เหิน ท่านต้องการกระบี่เล่มนี้รึ? ” “เกี่ยวอะไรกับเจ้า” กระบี่เหินเทียนเจียวมองหน้าถังเปิงทีหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา แม้ถังเปิงจะเป็นทายาทเศรษฐีที่มีเงินมากมายมหาศาล กระทั่งพูดได้เต็มปากว่าเงินของถังเปิงมีมากจนสามารถทุ่มคนให้ตายได้ แต่ทว่า ในสายตาของกระบี่เหินเทียนเจียวแล้ว ถังเปิงก็เป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้นเอง ด้วยทักษะยุทธที่อ่อนด้อยเช่นนี้ ต่อให้มีเงินมากกว่านี้ ในใจของกระบี่เหินเทียนเจียวก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรดีนักหนา ดังนั้น ต่อให้ดังเปิงในเวลานี้จะมีสถานะเสมอภาคกับพวกเขาแล้วก็ตาม ในใจของกระบี่เหินเทียนเจียวยังคงดูแคลนในตัวถังเปิง นางจึงไม่อยากข้องแวะด้วยต่อการเข้ามาพูดคุยของถังเปิง “ถ้าหากแม่นางชื่นชอบ ข้าก็จะซื้อมันมามอบให้กับท่าน” ถังเปิงกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแต้ “ข้าถังเปิงนอกจากมีเงินแล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย ขอเพียงแม่นางต้องการ คุณชายอย่างข้าจะไม่กล่าวมากความ ต่อให้แพงแค่ไหนก็จะซื้อมาให้ได้” “ข้าซื้อเองได้” กระบี่เหินเทียนเจียวยังคงมีท่าทีที่เย็นชา แต่ว่าอากัปกิริยามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แน่นอน สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะกระบี่เหินเทียนเจียวต้องการให้ถังเปิงซื้อแล้วนำมามอบให้กับตน ด้วยหญิงสาวที่มีท่าทางหยิ่งผยองเช่นนางย่อมเมินใส่ต่อผู้ที่เข้ามาจีบอย่างถังเปิง เวลานี้สิ่งเดียวที่นางกังวลก็คือถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้เกิดนึกสนุกขึ้นมา ประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้เอาไว้ และหรือแซะราคากระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้พุ่งขึ้นไปมหาศาล นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวกังวลใจมากที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นกรณีแรกหรือกรณีหลังก็ตาม ซึ่งสร้างความยุ่งยากใจให้กับนางได้ไม่น้อย จะอย่างไรเสียในใจของนางต้องการได้กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้มาครอบครองให้จงได้ “ไม่หรอก ไม่หรอก” ถังเปิงยิ้มแต้และกล่าวว่า “ถังเปิงอย่างข้าชื่นชอบมอบของขวัญให้กับแม่นางเช่นนี้แหละ ขอเพียงท่านต้องการ ต่อให้เป็นดวงดาวบนท้องฟ้า ข้าถังเปิงก็จะนำมามอบให้จนได้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ท่านชอบหรือไม่ ขอเพียงแม่นางชอบ สามถึงห้าร้อยล้าน ข้า ถังเปิงยังมอบให้ได้! ” บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างยิ้มเจื่อนๆ และอึ้งพูดอะไรไม่ออก เมื่อได้ฟังคำของถังเปิงแล้ว อย่าว่าแต่บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนแลย แม้แต่บรรดาราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งก็อดที่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้ และส่ายหน้ากับเรื่องนี้ สามารถมอบเงินจำนวนสามถึงห้าร้อยล้านง่ายๆ ให้กับผู้อื่น เพียงเพื่อทำให้สาวงามพอใจ การใช้จ่ายเงินลักษณะเช่นนี้ การผลาญสมบัติพ่อแม่ได้ถึงขั้นนี้ คงมีเพียงถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีสามารถทำได้ นี่แหละคือเรื่องที่กระบี่เหินเทียนเจียวเป็นกังวลมากที่สุด เกิดถังเปิงทำการประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้เอาไว้จริงๆ นางก็จะขี่หลังเสือจริงๆ แล้ว เป็นความจริงที่นางต้องการได้กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้จริงๆ หาไม่แล้วนางก็คงไม่มาด้วยตนเองแล้ว ถ้าหากถูกถังเปิงประมูลเอาไว้จริงๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นถึงเวลานั้นนางควรจะยอมรับในของขวัญจากถังเปิงดีหรือไม่ดี? จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเจ้าทายาทเศรษฐีผู้นี้มีเงินอยู่เท่าไร ดีไม่ดีเขาอาจจะมีเงินมากกว่าราชันแท้จริงทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ “ขอบคุณในความหวังดี ข้าน่ะต้องการกระบี่เล่มนี้ แต่ว่า ข้าประมูลเองก็ได้” กระบี่เหินเทียนเจียวมองหน้าถังเปิงแวบหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ เป็นการส่งความปรารถนาดีต่อถังเปิง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ท่าทีของกระบี่เหินเทียนเจียวในเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงไป สีหน้าอ่อนลงไม่น้อยกับถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้ การที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ถังเปิงล้มเลิกความตั้งใจที่จะประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้เสีย “เอาเถอะ ในเมื่อแม่นางคิดเช่นนี้ก็ตามใจแม่นาง” ถังเปิงยิ้มแต้และกล่าวว่า “ขอเพียงแม่นางมีสิ่งใดต้องการสั่งการมาได้เลย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ข้า ถังเปิงมีเงิน” กระบี่เหินเทียนเจียวพยักหน้าเบาๆ ถือว่าได้แสดงความขอบคุณต่อถังเปิงแล้ว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าถังเปิงถอนตัวออกจากการประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ รวมทั้งบรรดาราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลบางส่วน แม้ว่าภายในใจของผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยจะดูแคลนในตัวของถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้ แต่ว่า ด้วยกำลังทรัพย์ที่มากมายของเขาได้สร้างความกดดันกับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เว้นแม้แต่ระดับราชันแท้จริง เฉกเช่นทายาทเศรษฐีที่ทุ่มเงินโดยไม่กระพริบตาเช่นเขา ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเขาจะบ้าขึ้นมาเมื่อใด เกิดไปถูกใจของวิเศษชิ้นใดชิ้นหนึ่งกะทันหัน ถึงเวลานั้น ไม่ว่าใครก็ประมูลสู้เขาไม่ได้ ในเวลานี้ แม้แต่ราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งก็รับรู้ถึงเสน่ห์ของเงินตราแล้ว เรียกว่าเงินนั้นสามารถบีบคั้นผู้กล้าให้ตายได้ แม้ว่าปรกติแล้วบรรดาราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรเหล่านี้สามารถทำอะไรได้ตามต้องการเพียงใด ปรกติแล้วมีความปราศจากผู้กรเช่นใด แต่ว่า ภายใต้เงินทองจำนวนมหาศาลทุ่มเข้ามานั้น ทำให้พวกเขาหายใจหอบไม่ทันได้เช่นกัน ปรกติแล้ว พวกเขามีใครบ้างที่จะเห็นผู้บำเพ็ญตนธรรมดาอย่างถังเปิงที่มีทักษะเพียงเท่านี้อยู่ในสายตา? แต่ว่า เวลานี้ในงานประมูลครั้งนี้ ของประมูลชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็ตาม ขอเพียงถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้เข้ามายุ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาล หรือราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรก็เสมือนดั่งเจอศึกหนักอย่างนั้น การที่ถังเปิงถอนตัวจากการประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษ ไม่เพียงทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวหายใจด้วยความโล่งอก คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พลอยโล่งอกไปด้วย ไม่มีถังเปิงเข้ามากวนทำให้พวกเขาลดศัตรูผู้แข็งแกร่งไปได้คนหนึ่ง ในเวลานี้ โดยไม่รู้ตัวสายตาของกระบี่เหินเทียนเจียวได้ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ นางจ้องตาไปที่ตัวของหลี่ชิเย่ ถังเปิงถอนตัวแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ภายในใจของกระบี่เหินเทียนเจียว หลี่ชิเย่ได้กลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในการประมูลแล้ว มาคราวนี้เรียกได้ว่ากระบี่เหินเทียนเจียวได้เตรียมการมาอย่างดี นางได้ตระเตรียมเงินทุนมาอย่างเพียงพอ กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงคนไหนประมูลแข่งกับนาง นางก็มั่นใจว่ามีกำลังทรัพย์มากพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้ แต่ว่า เวลานี้หนึ่งเดียวที่กระบี่เหินเทียนเจียวหวั่นเกรงก็คือหลี่ชิเย่แล้ว ดังนั้น ในเวลานี้ภายในใจของกระบี่เหินเทียนเจียวก็เป็นกังวลว่าหลี่ชิเย่จะลงมือประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้แข่งกับนาง ความจริงแล้ว ใช่เพียงแต่กระบี่เหินเทียนเจียวเท่านั้นที่หวั่นเกรงหลี่ชิเย่จะเข้ามาสอดการประมูลในครั้งนี้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องการได้กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ ก็รู้สึกหวั่นเกรงในใจต่อหลี่ชิเย่ ชายหนุ่มที่ชื่อหลี่พันล้านผู้นี้มีกำลังทรัพย์ยิ่งกว่าถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีนั่นเสียอีก ดังนั้น ถ้าหากเขายื่นมือมาประมูลด้วยล่ะก็ เกรงว่าคนอื่นๆ คงจบเกมแล้ว หลี่ชิเย่เพียงเลิกหนังตาทีหนึ่ง และยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง สำหรับการจ้องเขม็งมาที่ตนของกระบี่เหินเทียนเจียว ในสายตาของกระบี่เหินเทียนเจียวมองว่า รอยยิ้มบางๆ ลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่คือการท้าท้ายอย่างหนึ่ง กระบี่เหินเทียนเจียวอย่างนางนั้นเรียกได้ว่ามีความหยิ่งผยองเต็มเปี่ยม ไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางมีความหยิ่งยโสเพียงใด ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่ยิ้มๆ ได้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายขึ้นในใจ รู้สึกว่าหลี่ชิเย่กำลังท้าทายตนเอง นางจึงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า “กระบี่เล่มนี้เป็นของใครไปไม่ได้ นอกจากข้า! ” ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างได้ยินคำพูดเช่นนี้ของกระบี่เหินเทียนเจียวได้อย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากได้มองตากันและกัน ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรออกมา ทุกคนที่ได้ยินต่างเข้าใจ ขณะที่กระบี่เหินเทียนเจียวพูดคำๆ นี้ออกมาก็ได้ประกาศต่อทุกคนรับรู้ว่า ที่สุดของกระบี่เล่มนี้จะไปอยู่ที่ใด คำพูดดังกล่าวเหมือนเป็นการเตือน เหมือนว่ากำลังบอกทุกคนที่จะประมูลแข่งว่า ใครก็ตามคิดจะแย่งชิงกระบี่เล่มนี้ก็คือจะเป็นศัตรูกับนาง การกระทำเช่นนี้ของกระบี่เหินเทียนเจียวดูจะมีการใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่น้อย แต่ว่า แม้แต่ราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลคนอื่นๆ ไม่มีผู้ใดส่งเสียงขึ้นมาเท่านั้นเอง ผู้คนจำนวนมากเข้าใจได้ว่า การที่กระบี่เหินเทียนเจียวทำวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ เป็นเพราะนางมีความมั่นใจอย่างเพียงพอ ยังไม่ต้องพูดถึงนางที่อยู่ในระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น กำลังความสามารถเพียงพอที่จะหมางเมินบรรดาราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น พี่เขยของนางคือพระอาจารย์จินกวง มาวันนี้แม้แต่จักรพรรดิซีหวงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนางก็เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ด้วยน้ำหนักเท่านี้ใหญ่มากพอแล้วกระมัง ในเวลานี้ ราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลบางคนก็มองตากันและกันทีหนึ่ง โดยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ยังคงมีผู้ที่ให้ความสนใจในกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้อยู่ “การประมูลยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ใยต้องรีบบอกว่าเป็นของใครกันเล่า ใครเงินหนากว่าก็เป็นของคนนั้น” ทุกคนต่างไม่ต้องการตอบโต้อะไรกับกระบี่เหินเทียนเจียวกลับไป ราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งเพียงยิ้มและปล่อยผ่านไปกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของกระบี่เหินเทียนเจียว อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เองกลับมีผู้ที่ตอบโต้กระบี่เหินเทียนเจียวกลับไป เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น พลันที่คำพูดคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนหันมองไป ผู้ที่พูดคำพูดนี้ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง “เป็นหลี่พันล้านอีกแล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยซุบซิบขึ้นมาเมื่อได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่ ความจริงแล้ว มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกตื่นเต้นในใจเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ไม่เว้นแม้แต่ราชันแท้จริงและระดับคงความอมตะตลอดกาล ใครๆ ต่างเห็นฝีมือเจ้าคนบ้าคนนี้มาแล้วทั้งสิ้น เอะอะก็คือสิบล้าน กระทั่งพันล้าน ถ้าหากเจ้าหลี่พันล้านผู้นี้จะลงมือเข้าประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ เกรงว่าคนอื่นคงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ จะอย่างไรเสียคนบ้าอย่างเขาทุ่มพันล้านได้ตามอารมณ์ ใครบ้างสามารถรองรับกับเขาได้? การใช้เงินลักษณะเช่นนี้แม้แต่ทายาทเศรษฐีอย่างถังเปิงยังต้องยอมแพ้ สีหน้าของกระบี่เหินเทียนเจียวเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ คำพูดของหลี่ชิเย่เป็นการพุ่งเป้ามาที่นาง พลันทำให้สีหน้าของนางดูไม่จืดขึ้นมาบ้าง เดิมทีหลี่ชิเย่ไม่ได้ให้ความสนใจในกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้สักเท่าไร เขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่กระบี่ล้างบาป ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ เพียงแต่ท่าทางที่ยกตนข่มท่านของกระบี่เหินเทียนเจียวนั่น ทำให้หลี่ชิเย่ไม่ชอบ “มีเงิน ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง” กระบี่เหินเทียนเจียวไม่สบอารมณ์ เดิมทีนางก็ได้ประกาศออกไปแล้วว่า กระบี่เล่มนี้นางตัดสินใจจะเอามาให้ได้ หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อคนหนึ่งเท่านั้น ถึงกับกล้ามายั่วยุตน ย่อมทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวไม่สบอารมณ์แล้วล่ะ อากัปกิริยาเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ใช่เพียงแค่ยั่วยุตนเท่านั้น ดูเหมือนจะไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ปรกติแล้ว คนอย่างหลี่พันล้านับเป็นอะไรได้ ต่อให้มีเงินมากกว่านี้ก็บอกได้แต่เพียงเป็นผู้บำเพ็ญตนธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง ปรกติแล้วคนแบบนี้ไม่มีโอกาสแม้แต่ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของนางเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมาแข่งขันกับนาง “ก็ ข้ามีเงิน” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยมาก คำพูดที่เรียบเฉยพลันถูกพูดออกมา ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอึดอัดหายใจไม่ออก ต่อให้เป็นราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่เว้น จุดจบของหมิงหวังฝอเมื่อครู่ทุกคนยังคงติดตาอยู่เลย หมิงหวังฝอแข็งแกร่งมากกว่านี้แล้วอย่างไร มีชื่อเสียงมากกว่านี้แล้วเช่นใด ฐานะสูงส่งมากกว่านี้แล้วเป็นอย่างไร เมื่อพันล้านของหลี่ชิเย่ที่ทุ่มออกไป หมิงหวังฝอมิใช่ถูกหลี่ชิเย่ตบหน้าอย่างแรงจนวางตัวไม่ถูก ราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ และส่ายหน้าเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว ……………………………………………………………………………………
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด
- ตอนที่ 2955 ความหยิ่งผยองของกระบี่เหินเทียนเจียว กระบี่ของเทพกระบี่ กระบี่ที่ยากจะหาใดเทียม กระบี่ลักษณะเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนอยากได้ครอบครองมากเหลือเกิน ในเวลานี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องเขม็งไปที่กระบี่ยาวเล่มนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่เหินเทียนเจียวถึงกับลุกขึ้นยืน นัยน์ตาของนางได้จับจ้องไปที่กระบี่ยาวเล่มนี้อย่างไม่ให้คลาดสายตา เหมือนว่ากระบี่ยาวเล่มนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากนาง ขณะที่ทุกคนต่างจ้องไปที่กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้อยู่นั้น เจ้าถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีได้ยิ้มแต้กล่าวกับกระบี่เหินเทียนเจียวว่า “แม่นางกระบี่เหิน ท่านต้องการกระบี่เล่มนี้รึ? ” “เกี่ยวอะไรกับเจ้า” กระบี่เหินเทียนเจียวมองหน้าถังเปิงทีหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา แม้ถังเปิงจะเป็นทายาทเศรษฐีที่มีเงินมากมายมหาศาล กระทั่งพูดได้เต็มปากว่าเงินของถังเปิงมีมากจนสามารถทุ่มคนให้ตายได้ แต่ทว่า ในสายตาของกระบี่เหินเทียนเจียวแล้ว ถังเปิงก็เป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้นเอง ด้วยทักษะยุทธที่อ่อนด้อยเช่นนี้ ต่อให้มีเงินมากกว่านี้ ในใจของกระบี่เหินเทียนเจียวก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรดีนักหนา ดังนั้น ต่อให้ดังเปิงในเวลานี้จะมีสถานะเสมอภาคกับพวกเขาแล้วก็ตาม ในใจของกระบี่เหินเทียนเจียวยังคงดูแคลนในตัวถังเปิง นางจึงไม่อยากข้องแวะด้วยต่อการเข้ามาพูดคุยของถังเปิง “ถ้าหากแม่นางชื่นชอบ ข้าก็จะซื้อมันมามอบให้กับท่าน” ถังเปิงกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแต้ “ข้าถังเปิงนอกจากมีเงินแล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย ขอเพียงแม่นางต้องการ คุณชายอย่างข้าจะไม่กล่าวมากความ ต่อให้แพงแค่ไหนก็จะซื้อมาให้ได้” “ข้าซื้อเองได้” กระบี่เหินเทียนเจียวยังคงมีท่าทีที่เย็นชา แต่ว่าอากัปกิริยามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แน่นอน สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะกระบี่เหินเทียนเจียวต้องการให้ถังเปิงซื้อแล้วนำมามอบให้กับตน ด้วยหญิงสาวที่มีท่าทางหยิ่งผยองเช่นนางย่อมเมินใส่ต่อผู้ที่เข้ามาจีบอย่างถังเปิง เวลานี้สิ่งเดียวที่นางกังวลก็คือถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้เกิดนึกสนุกขึ้นมา ประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้เอาไว้ และหรือแซะราคากระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้พุ่งขึ้นไปมหาศาล นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวกังวลใจมากที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นกรณีแรกหรือกรณีหลังก็ตาม ซึ่งสร้างความยุ่งยากใจให้กับนางได้ไม่น้อย จะอย่างไรเสียในใจของนางต้องการได้กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้มาครอบครองให้จงได้ “ไม่หรอก ไม่หรอก” ถังเปิงยิ้มแต้และกล่าวว่า “ถังเปิงอย่างข้าชื่นชอบมอบของขวัญให้กับแม่นางเช่นนี้แหละ ขอเพียงท่านต้องการ ต่อให้เป็นดวงดาวบนท้องฟ้า ข้าถังเปิงก็จะนำมามอบให้จนได้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ท่านชอบหรือไม่ ขอเพียงแม่นางชอบ สามถึงห้าร้อยล้าน ข้า ถังเปิงยังมอบให้ได้! ” บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างยิ้มเจื่อนๆ และอึ้งพูดอะไรไม่ออก เมื่อได้ฟังคำของถังเปิงแล้ว อย่าว่าแต่บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนแลย แม้แต่บรรดาราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งก็อดที่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้ และส่ายหน้ากับเรื่องนี้ สามารถมอบเงินจำนวนสามถึงห้าร้อยล้านง่ายๆ ให้กับผู้อื่น เพียงเพื่อทำให้สาวงามพอใจ การใช้จ่ายเงินลักษณะเช่นนี้ การผลาญสมบัติพ่อแม่ได้ถึงขั้นนี้ คงมีเพียงถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีสามารถทำได้ นี่แหละคือเรื่องที่กระบี่เหินเทียนเจียวเป็นกังวลมากที่สุด เกิดถังเปิงทำการประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้เอาไว้จริงๆ นางก็จะขี่หลังเสือจริงๆ แล้ว เป็นความจริงที่นางต้องการได้กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้จริงๆ หาไม่แล้วนางก็คงไม่มาด้วยตนเองแล้ว ถ้าหากถูกถังเปิงประมูลเอาไว้จริงๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นถึงเวลานั้นนางควรจะยอมรับในของขวัญจากถังเปิงดีหรือไม่ดี? จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเจ้าทายาทเศรษฐีผู้นี้มีเงินอยู่เท่าไร ดีไม่ดีเขาอาจจะมีเงินมากกว่าราชันแท้จริงทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ “ขอบคุณในความหวังดี ข้าน่ะต้องการกระบี่เล่มนี้ แต่ว่า ข้าประมูลเองก็ได้” กระบี่เหินเทียนเจียวมองหน้าถังเปิงแวบหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ เป็นการส่งความปรารถนาดีต่อถังเปิง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ท่าทีของกระบี่เหินเทียนเจียวในเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงไป สีหน้าอ่อนลงไม่น้อยกับถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้ การที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ถังเปิงล้มเลิกความตั้งใจที่จะประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้เสีย “เอาเถอะ ในเมื่อแม่นางคิดเช่นนี้ก็ตามใจแม่นาง” ถังเปิงยิ้มแต้และกล่าวว่า “ขอเพียงแม่นางมีสิ่งใดต้องการสั่งการมาได้เลย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ข้า ถังเปิงมีเงิน” กระบี่เหินเทียนเจียวพยักหน้าเบาๆ ถือว่าได้แสดงความขอบคุณต่อถังเปิงแล้ว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าถังเปิงถอนตัวออกจากการประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ รวมทั้งบรรดาราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลบางส่วน แม้ว่าภายในใจของผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยจะดูแคลนในตัวของถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้ แต่ว่า ด้วยกำลังทรัพย์ที่มากมายของเขาได้สร้างความกดดันกับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เว้นแม้แต่ระดับราชันแท้จริง เฉกเช่นทายาทเศรษฐีที่ทุ่มเงินโดยไม่กระพริบตาเช่นเขา ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเขาจะบ้าขึ้นมาเมื่อใด เกิดไปถูกใจของวิเศษชิ้นใดชิ้นหนึ่งกะทันหัน ถึงเวลานั้น ไม่ว่าใครก็ประมูลสู้เขาไม่ได้ ในเวลานี้ แม้แต่ราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งก็รับรู้ถึงเสน่ห์ของเงินตราแล้ว เรียกว่าเงินนั้นสามารถบีบคั้นผู้กล้าให้ตายได้ แม้ว่าปรกติแล้วบรรดาราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรเหล่านี้สามารถทำอะไรได้ตามต้องการเพียงใด ปรกติแล้วมีความปราศจากผู้กรเช่นใด แต่ว่า ภายใต้เงินทองจำนวนมหาศาลทุ่มเข้ามานั้น ทำให้พวกเขาหายใจหอบไม่ทันได้เช่นกัน ปรกติแล้ว พวกเขามีใครบ้างที่จะเห็นผู้บำเพ็ญตนธรรมดาอย่างถังเปิงที่มีทักษะเพียงเท่านี้อยู่ในสายตา? แต่ว่า เวลานี้ในงานประมูลครั้งนี้ ของประมูลชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็ตาม ขอเพียงถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้เข้ามายุ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาล หรือราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรก็เสมือนดั่งเจอศึกหนักอย่างนั้น การที่ถังเปิงถอนตัวจากการประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษ ไม่เพียงทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวหายใจด้วยความโล่งอก คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พลอยโล่งอกไปด้วย ไม่มีถังเปิงเข้ามากวนทำให้พวกเขาลดศัตรูผู้แข็งแกร่งไปได้คนหนึ่ง ในเวลานี้ โดยไม่รู้ตัวสายตาของกระบี่เหินเทียนเจียวได้ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ นางจ้องตาไปที่ตัวของหลี่ชิเย่ ถังเปิงถอนตัวแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ภายในใจของกระบี่เหินเทียนเจียว หลี่ชิเย่ได้กลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในการประมูลแล้ว มาคราวนี้เรียกได้ว่ากระบี่เหินเทียนเจียวได้เตรียมการมาอย่างดี นางได้ตระเตรียมเงินทุนมาอย่างเพียงพอ กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงคนไหนประมูลแข่งกับนาง นางก็มั่นใจว่ามีกำลังทรัพย์มากพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้ แต่ว่า เวลานี้หนึ่งเดียวที่กระบี่เหินเทียนเจียวหวั่นเกรงก็คือหลี่ชิเย่แล้ว ดังนั้น ในเวลานี้ภายในใจของกระบี่เหินเทียนเจียวก็เป็นกังวลว่าหลี่ชิเย่จะลงมือประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้แข่งกับนาง ความจริงแล้ว ใช่เพียงแต่กระบี่เหินเทียนเจียวเท่านั้นที่หวั่นเกรงหลี่ชิเย่จะเข้ามาสอดการประมูลในครั้งนี้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องการได้กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ ก็รู้สึกหวั่นเกรงในใจต่อหลี่ชิเย่ ชายหนุ่มที่ชื่อหลี่พันล้านผู้นี้มีกำลังทรัพย์ยิ่งกว่าถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีนั่นเสียอีก ดังนั้น ถ้าหากเขายื่นมือมาประมูลด้วยล่ะก็ เกรงว่าคนอื่นๆ คงจบเกมแล้ว หลี่ชิเย่เพียงเลิกหนังตาทีหนึ่ง และยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง สำหรับการจ้องเขม็งมาที่ตนของกระบี่เหินเทียนเจียว ในสายตาของกระบี่เหินเทียนเจียวมองว่า รอยยิ้มบางๆ ลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่คือการท้าท้ายอย่างหนึ่ง กระบี่เหินเทียนเจียวอย่างนางนั้นเรียกได้ว่ามีความหยิ่งผยองเต็มเปี่ยม ไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางมีความหยิ่งยโสเพียงใด ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่ยิ้มๆ ได้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายขึ้นในใจ รู้สึกว่าหลี่ชิเย่กำลังท้าทายตนเอง นางจึงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า “กระบี่เล่มนี้เป็นของใครไปไม่ได้ นอกจากข้า! ” ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างได้ยินคำพูดเช่นนี้ของกระบี่เหินเทียนเจียวได้อย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากได้มองตากันและกัน ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรออกมา ทุกคนที่ได้ยินต่างเข้าใจ ขณะที่กระบี่เหินเทียนเจียวพูดคำๆ นี้ออกมาก็ได้ประกาศต่อทุกคนรับรู้ว่า ที่สุดของกระบี่เล่มนี้จะไปอยู่ที่ใด คำพูดดังกล่าวเหมือนเป็นการเตือน เหมือนว่ากำลังบอกทุกคนที่จะประมูลแข่งว่า ใครก็ตามคิดจะแย่งชิงกระบี่เล่มนี้ก็คือจะเป็นศัตรูกับนาง การกระทำเช่นนี้ของกระบี่เหินเทียนเจียวดูจะมีการใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่น้อย แต่ว่า แม้แต่ราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลคนอื่นๆ ไม่มีผู้ใดส่งเสียงขึ้นมาเท่านั้นเอง ผู้คนจำนวนมากเข้าใจได้ว่า การที่กระบี่เหินเทียนเจียวทำวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ เป็นเพราะนางมีความมั่นใจอย่างเพียงพอ ยังไม่ต้องพูดถึงนางที่อยู่ในระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น กำลังความสามารถเพียงพอที่จะหมางเมินบรรดาราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น พี่เขยของนางคือพระอาจารย์จินกวง มาวันนี้แม้แต่จักรพรรดิซีหวงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนางก็เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ด้วยน้ำหนักเท่านี้ใหญ่มากพอแล้วกระมัง ในเวลานี้ ราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลบางคนก็มองตากันและกันทีหนึ่ง โดยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ยังคงมีผู้ที่ให้ความสนใจในกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้อยู่ “การประมูลยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ใยต้องรีบบอกว่าเป็นของใครกันเล่า ใครเงินหนากว่าก็เป็นของคนนั้น” ทุกคนต่างไม่ต้องการตอบโต้อะไรกับกระบี่เหินเทียนเจียวกลับไป ราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งเพียงยิ้มและปล่อยผ่านไปกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของกระบี่เหินเทียนเจียว อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เองกลับมีผู้ที่ตอบโต้กระบี่เหินเทียนเจียวกลับไป เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น พลันที่คำพูดคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนหันมองไป ผู้ที่พูดคำพูดนี้ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง “เป็นหลี่พันล้านอีกแล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยซุบซิบขึ้นมาเมื่อได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่ ความจริงแล้ว มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกตื่นเต้นในใจเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ไม่เว้นแม้แต่ราชันแท้จริงและระดับคงความอมตะตลอดกาล ใครๆ ต่างเห็นฝีมือเจ้าคนบ้าคนนี้มาแล้วทั้งสิ้น เอะอะก็คือสิบล้าน กระทั่งพันล้าน ถ้าหากเจ้าหลี่พันล้านผู้นี้จะลงมือเข้าประมูลกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ เกรงว่าคนอื่นคงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ จะอย่างไรเสียคนบ้าอย่างเขาทุ่มพันล้านได้ตามอารมณ์ ใครบ้างสามารถรองรับกับเขาได้? การใช้เงินลักษณะเช่นนี้แม้แต่ทายาทเศรษฐีอย่างถังเปิงยังต้องยอมแพ้ สีหน้าของกระบี่เหินเทียนเจียวเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ คำพูดของหลี่ชิเย่เป็นการพุ่งเป้ามาที่นาง พลันทำให้สีหน้าของนางดูไม่จืดขึ้นมาบ้าง เดิมทีหลี่ชิเย่ไม่ได้ให้ความสนใจในกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้สักเท่าไร เขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่กระบี่ล้างบาป ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ เพียงแต่ท่าทางที่ยกตนข่มท่านของกระบี่เหินเทียนเจียวนั่น ทำให้หลี่ชิเย่ไม่ชอบ “มีเงิน ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง” กระบี่เหินเทียนเจียวไม่สบอารมณ์ เดิมทีนางก็ได้ประกาศออกไปแล้วว่า กระบี่เล่มนี้นางตัดสินใจจะเอามาให้ได้ หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อคนหนึ่งเท่านั้น ถึงกับกล้ามายั่วยุตน ย่อมทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวไม่สบอารมณ์แล้วล่ะ อากัปกิริยาเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ใช่เพียงแค่ยั่วยุตนเท่านั้น ดูเหมือนจะไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ปรกติแล้ว คนอย่างหลี่พันล้านับเป็นอะไรได้ ต่อให้มีเงินมากกว่านี้ก็บอกได้แต่เพียงเป็นผู้บำเพ็ญตนธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง ปรกติแล้วคนแบบนี้ไม่มีโอกาสแม้แต่ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของนางเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมาแข่งขันกับนาง “ก็ ข้ามีเงิน” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยมาก คำพูดที่เรียบเฉยพลันถูกพูดออกมา ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอึดอัดหายใจไม่ออก ต่อให้เป็นราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่เว้น จุดจบของหมิงหวังฝอเมื่อครู่ทุกคนยังคงติดตาอยู่เลย หมิงหวังฝอแข็งแกร่งมากกว่านี้แล้วอย่างไร มีชื่อเสียงมากกว่านี้แล้วเช่นใด ฐานะสูงส่งมากกว่านี้แล้วเป็นอย่างไร เมื่อพันล้านของหลี่ชิเย่ที่ทุ่มออกไป หมิงหวังฝอมิใช่ถูกหลี่ชิเย่ตบหน้าอย่างแรงจนวางตัวไม่ถูก ราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ และส่ายหน้าเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว ……………………………………………………………………………………
บทที่ 194 เหล่าผู้ห่วงใย
หัวหว่านเอามือป้องปาก แล้วกระซิบชื่อสามพยางค์ออกมา “ฮั่วเซียวหมิง!”
ฉู่ลั่วมองตามสายตาของหัวหว่านไป ก็เห็นผู้ชายที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก
ภายใต้แสงไฟ เงาร่างของฮั่วเซียวหมิงโดดเด่นเป็นสง่า แต่ท่าทางของเขาดูเย็นชาอยู่หลายส่วน สูทวางพาดไว้บนประตูรถที่แง้มเปิดเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตตัวในถูกปลดกระดุมลงสองเม็ด พร้อมเนกไทสีเดียวกันก็ถูกดึงลงมา
ท่าทางบ่งบอกว่าทั้งตื่นตระหนกและร้อนใจมาก แต่สีหน้าที่เขาแสดงออกมากลับราบเรียบและสงบนิ่ง มองไม่เห็นความกังวลบนใบหน้าแม้แต่น้อย
สักครู่หนึ่ง ฮั่วเซียวหมิงก็สาวเท้าเดินเข้ามา กางเกงสูทที่เป็นทรงยาวตรงทำให้ชายหนุ่มดูตัวสูงขึ้นไปอีก
เขาเดินเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “กลับมาแล้วเหรอ?”
ฉู่ลั่วพยักหน้า “อืม”
“กินข้าวมาหรือยัง?”
เธอตอบ “กินมาแล้ว”
ดวงตาดำขลับของฮั่วเซียวหมิงกวาดมอง ก่อนจะเก็บสายตากลับไป เขายื่นมือไปหาอิ่นซาน ท่าทางมีมารยาทแต่เย็นชา “สวัสดีครับ ผมฮั่วเซียวหมิง”
อิ่นซานอึ้ง “…”
เขากะพริบตาเร็ว ๆ หลายครั้ง มองฉู่ลั่วกับฮั่วเซียวหมิงสลับไปมา แล้วยื่นมือของตนออกไปจับมืออีกฝ่าย “สวัสดีครับ ผมอิ่นซาน”
ฮั่วเซียวหมิงกุมมือแล้วเขย่าเบา ๆ จากนั้นก็ดึงมือกลับ หันไปพูดกับฉู่ลั่ว “วันนี้ดึกมากแล้ว คุณคงเหนื่อย รีบกลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
หญิงสาวยังคงพยักหน้า
ริมฝีปากของฮั่วเซียวหมิงยกขึ้น “กลับไปเถอะ”
ฉู่ลั่วไม่เอ่ยอะไร “…”
เธอบอกลาอิ่นซาน แล้วเดินจากไปพร้อมกับหัวหว่าน
รอจนกระทั่งฉู่ลั่วเข้าไปในโรงแรม ฮั่วเซียวหมิงถึงหันกลับมามองอิ่นซาน
ผู้กำกับหนุ่มสบตากับดวงตาสีดำเข้มคู่นั้น ก็เผลอยกมือขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว เขาโชว์แหวนแต่งงานบนนิ้ว “ผมแต่งงานแล้วครับ ผมรักภรรยามากด้วย!”
ฮั่วเซียวหมิงกวาดตามองแหวนแต่งงานของเขา “ผมรู้ครับ คุณอิ่นซาน ผู้กำกับที่เกือบถูกซูเหมยทำร้าย”
อิ่นซานพูดไม่ออก “…”
รู้ก็รู้สิ ทำไมต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาด้วย?
ฮั่วเซียวหมิงไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ให้อิ่นซาน แล้วเดินจากไป
ผู้กำกับมองไปที่รถหรูคันสีดำของฮั่วเซียวหมิง คนขับรถมาเปิดและปิดประตูให้ชายหนุ่มตามหน้าที่
คนมีเงินสินะ!
ทั้งยังไม่ใช่คนมีเงินธรรมดาด้วย
อิ่นซานขึ้นรถ หลังขับไปได้ครึ่งทางก็เหยียบเบรกกะทันหัน ปากพูดพึมพำออกมาเบา ๆ “ฮั่วเซียวหมิง ฮั่วเซียวหมิง…”
มิน่าเขาถึงรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูมาก ที่แท้ก็คือฮั่วเซียวหมิงนี่เอง!
คนที่ช่วงนี้ขึ้นพาดหัวข่าวของสำนักข่าวใหญ่หลายแห่ง วงการธุรกิจในตี้จิงสั่นสะเทือนเพราะผู้ชายคนนี้
แต่ว่า…
อิ่นซานยิ้ม ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับรถต่อ
คำพูดเหล่านั้นของฮั่วเซียวหมิง เหมือนจะเป็นคำถามทั่วไป แต่สำหรับเขาที่ได้ฟัง เหมือนอีกฝ่ายกำลังประกาศความเป็นเจ้าของมากกว่า
ฉู่ลั่วกลับไปที่โรงแรม เฉิงยวนเอาแต่เมาท์มอยไม่หยุดตลอดทาง
“ที่จริงพวกเราไม่ได้เป็นห่วงเจ้าหรอก ฮั่วเซียวหมิงต่างหากที่กังวลน่ะ”
“เจ้าเก่งขนาดนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง?” เฉิงยวนส่ายหน้า “ฮั่วเซียวหมิงไม่รู้จักพลังที่แท้จริงของเจ้า ถึงได้เป็นห่วงยังไงล่ะ”
หัวหว่านรินน้ำให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะพูดอย่างไม่เห็นด้วย “ต่อให้คุณหนูจะเก่งแค่ไหน แต่ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ผีปีศาจทำร้ายคุณหนูไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคนก็ไม่แน่นะ!”
“ใจคนยากแท้หยั่งถึง”
“อย่าท้าทายนิสัยของมนุษย์”
เฉิงยวนเงียบไปทันที “…”
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้ายืนยัน “พี่หว่านหว่านพูดถูกค่ะ คราวหลังถ้าพี่ลั่วลั่วจะออกไปไหน ต้องบอกพวกเราด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะเป็นห่วงมากค่ะ”
หัวหว่านพยักหน้า
เฉิงยวนก็พยักหน้าเช่นกัน ก่อนพูดย้ำ “โดยเฉพาะฮั่วเซียวหมิง เขาบอกว่าถ้าเที่ยงคืนเจ้ายังไม่กลับมา เขาก็จะใช้อิทธิพลของตระกูลฮั่วตามหาเจ้า”
คนหนึ่งคนกับผีสองตนยืนเรียงหน้ากระดาน มองฉู่ลั่วด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉู่ลั่วพูดไม่ออก
เธอเติบโตมาลำพังตั้งแต่เด็ก จึงอยู่คนเดียวมาตลอด แม้แต่ตอนที่กลับมายังบ้านตระกูลฉู่ก็ไปไหนมาไหนตามใจชอบ
จะออกจากบ้านหรือกลับมาบ้าน เธอไม่เคยคิดว่าต้องรายงานใครเลย
ครั้งนี้เธอทิ้งข้อความไว้บนกระดาษ เพราะคิดว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่าพวกหัวหว่านจะเป็นห่วงขนาดนี้
“คุณหนู ต่อไปจะไปที่ไหนต้องบอกพวกเราด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่บอกเราว่าจะออกไปข้างนอก แต่บอกด้วยว่าจะไปที่ไหน ไปกับใคร อันตรายหรือเปล่า?” หัวหว่านเอ่ย
เฉิงยวนพยักหน้า “ถ้าหากอันตราย ก็บอกพวกเราก่อน พวกเราก็ช่วยเจ้าได้นะ”
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวก็พูดเสริมว่า “ใช่ใช่! เมี่ยวเมี่ยวก็เก่งมากนะคะ เมี่ยวเมี่ยวจะเป็นเด็กดื้อให้ดูเลย!”
เธอยกกำปั้นเล็ก ๆ ขึ้นมา พองแก้มทั้งสองข้างออก ทำสีหน้าดุร้าย
“…” ฉู่ลั่วเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันรู้แล้ว ต่อไปฉันจะบอกพวกเธอ”
ได้ยินแบบนั้น พวกหัวหว่านก็มีท่าทางโล่งใจ
“คุณหนู วันนี้ออกไปทำธุระข้างนอกมาตั้งนาน ต้องเหนื่อยแน่ ๆ ไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ!”
“อืม”