เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 102 โชคร้ายไปแปดชั่วอายุคน
บทที่ 102 โชคร้ายไปแปดชั่วอายุคน
แปดโมงเช้า…
รถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ก่อนซ่งเชียนหย่ากับฉู่หร่านจะลงมาจากรถ
ฉู่หร่านคล้องแขนแม่เอาไว้ด้วยความกลัว “แม่คะ ลั่วลั่วจะยอมช่วยจริงเหรอคะ?”
มารดาตบมือเธอเบา ๆ พลางปลอบว่า “เมื่อวานลูกก็ดูไลฟ์สตรีมของฉู่ลั่วแล้วนี่จ๊ะ ไหน ๆ เธอก็จะไปที่วัดผีแล้ว ช่วยลูกอีกสักคนจะเป็นอะไรไปล่ะ?”
ขณะที่กำลังพูด ก็มีรถสีขาวอีกคันหนึ่งมาจอด
เมื่อสองแม่ลูกเห็นรถสีขาวคันนั้นขับมา สีหน้าก็เปลี่ยนทันที
ประตูรถเปิดออก อันเชี่ยนลงมาจากรถ เธอเหลือบมองซ่งเชียนหย่ากับฉู่หร่าน ก่อนทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สวัสดีค่ะป้าซ่ง”
เธอไม่สนใจฉู่หร่าน แต่เดินผ่านพวกเขาไปกดกริ่งหน้าบ้าน
ด้านในของประตูมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาว่า “มาแล้ว มาแล้ว รีบร้อนอะไรขนาดนั้น! กดซะรัวเชียว!”
ประตูเปิดออก
อันเชี่ยนเดินเข้ามาได้สองสามก้าวก็ชะงักฝีเท้าลง เธอมองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นเงาของใครเลยสักคน
อย่าว่าแต่เงาของคน แม้กระทั่งเงาของผีก็ยังไม่มี
แล้วเสียงเมื่อสักครู่นี้ล่ะ
แล้วใครเป็นคนเปิดประตู?
อันเชี่ยนตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
สายตากวาดไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวดึงเฉิงยวนมาหมอบบนโซฟา มองดูอันเชี่ยนที่กลัวจนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าประตู
เฉิงยวนเอ่ย “ข้าทำให้นางตกใจใช่ไหม?”
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวตอบ “แน่นอนสิคะ!”
อันเชี่ยนเดินเข้ามาในห้องรับแขก ภายในห้องรับแขกไม่มีคนอยู่เลย แต่โทรทัศน์กลับเปิดเอาไว้ บนหน้าจอกำลังฉายการ์ตูนเรื่องบูนี่แบร์
เห็นได้ชัดว่าเป็นการ์ตูนที่เด็กน้อยดูกัน แต่มุมปากของอันเชี่ยนกลับขยับเล็กน้อยด้วยความกลัว
ในหัวของเธอพลันปรากฏพล็อตหนังขึ้นมานับไม่ถ้วน!
ตอนที่กำลังกลัวแทบตาย ฉู่ลั่วก็เดินลงมาจากข้างบนพอดี
เมื่ออันเชี่ยนเห็นเธอ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ฉู่ลั่ว ฉันมีธุระกับเธอน่ะ”
เธอรีบเดินสองก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนพบว่าสายตาของฉู่ลั่วมองไปยังโซฟาในห้องรับแขก เหมือนกำลังฟังคนคุยกัน
อันเชี่ยน “…”
เธอชะงักฝีเท้า แล้วมองตามสายตาของฉู่ลั่วไป แต่ไม่เห็นอะไรสักอย่าง
“เธอกำลังมองอะไรเหรอ?”
ฉู่ลั่วเก็บสายตากลับมา “ไม่มีอะไร”
เธอเดินลงมาข้างล่าง ตรงเข้าไปในครัว
อันเชี่ยนเดินตามไป “ฉู่ลั่ว ฉันมาวันนี้เพื่อขอบคุณเธอ แล้วก็อยากขอให้เธอช่วยฉันสักเรื่อง”
“ก่อนอื่นเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเตือนฉัน ฉันอาจจะแต่งงานกับผู้ชายสารเลวอย่างหนานฉีไปแล้ว ขอบคุณจริง ๆ”
แม้จะขายหน้ามากเพราะเรื่องอื้อฉาวในคืนวันหมั้นก็ตาม
แต่ขายหน้า ก็ยังดีกว่าอึดอัดหากแต่งงานไปแล้วเพิ่งมารู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหนานฉี
ฉู่ลั่วพลิกไข่ดาวกลับด้าน โรยเกลือลงไป กลิ่นหอมก็โชยออกมา
“ฉันไม่ได้เตือนคุณ คุณเป็นผู้โชคดีจากการสุ่มต่างหาก”
อันเชี่ยนกระตุกเล็กน้อย เธอมองไข่ดาวในกระทะ ก่อนจะเก็บสายตากลับมา “ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องขอบคุณเธอ”
เธอหยิบเช็คหนึ่งใบออกมาจากกระเป๋า วางลงด้านข้างของฉู่ลั่ว “นี่เป็นเช็คสิบล้าน ฉันรู้ว่าเธอไม่ขัดสนเรื่องเงิน แต่นี่เป็นน้ำใจจากฉัน เธอต้องรับเอาไว้นะ ถ้าเธอไม่รับ…”
ไม่ต้องรอให้พูดจบ ฉู่ลั่วก็หยิบเช็คมาเก็บเอาไว้
อันเชี่ยนกะพริบตาปริบ
“พวกปรมาจารย์ไม่ได้มองว่าเงินทองเป็นสิ่งไร้ค่าหรอกเหรอ?”
“ทำไมเธอถึงมีภาพลักษณ์ต่างออกไป?”
ฉู่ลั่วตอบเสียงเรียบ “อาจจะเป็นเพราะฉันยังอยู่ในระดับที่สูงไม่พอละมั้ง”
อันเชี่ยนหุบปากลงทันควัน เธอไม่ทันระวังถามสิ่งที่สงสัยในใจออกมา
ฉู่ลั่วยกไข่ดาว ซาลาเปา และน้ำเต้าหู้ไปที่ห้องทานอาหาร
ซ่งเชียนหย่าเพิ่งพาฉู่หร่านเข้ามา พอเห็นฉู่ลั่ว ก็รีบพูดขึ้นมาทันที “ลั่วลั่ว ไหน ๆ ลูกก็จะไปวัดผีอยู่แล้ว ช่วยหร่านหร่านสักครั้งจะเป็นอะไรไปล่ะ?”
ฉู่หร่านกล่าวเสริม “ลั่วลั่ว ขอร้องละนะ ขอแค่เธอยอมช่วย ให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น ฉันคุกเข่าอ้อนวอนเธอดีไหม?”
พูดจบ เธอก็จะคุกเข่าลงไปจริง ๆ
แต่ซ่งเชียนหย่าเข้ามารั้งไว้ “ลุกขึ้น ลั่วลั่วจะให้ลูกคุกเข่าจริง ๆ ได้ยังไง? ลูกกับลั่วลั่วเป็นพี่น้องกัน เธอต้องช่วยลูกแน่นอน เป็นพี่น้องกัน ก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”
ฉู่หร่านโผเข้าไปในอ้อมกอดของซ่งเชียนหย่า “ขอบคุณค่ะแม่”
อันเชี่ยนกะพริบตา มองสองแม่ลูกที่กอดกันกลมอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนจะหันไปหาฉู่ลั่วที่ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
อา… ปรมาจารย์ชั้นสูงก็คือปรมาจารย์ชั้นสูง เจอสถานการณ์แบบนี้ยังทานอาหารเช้าด้วยจิตใจที่สงบได้
ถ้าเป็นเธอละก็ จะพุ่งเข้าไปวีนพวกเขาให้จนหูดับตาย!
บนโลกนี้มีแม่แบบนี้ที่ไหนกัน?
มีพี่สาวแบบนี้ที่ไหนบ้าง?
ไม่ใช่สิ
ฉู่หร่านไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลฉู่ ฉู่ลั่วต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลฉู่!
“ป้าซ่ง ฉู่ลั่วยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ คุณก็จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเหรอ?” อันเชี่ยนหัวเราะเยาะ “ต่อให้หนูเป็นคนไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ก็ยังรู้ว่าถ้าจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็ต้องมีอ้อนวอน”
“แต่พวกคุณมาถึงก็เอ่ยปากบอกให้ฉู่ลั่วช่วย แหม หน้าใหญ่ซะจริงนะ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่อันเชี่ยนยังเป็นเพื่อนสนิทของฉู่หร่าน ซ่งเชียนหย่าก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้ฉู่หร่านกับอันเชี่ยนแตกหักกันแล้ว เธอก็ไม่ชอบอันเชี่ยนอีกต่อไป!
มองยังไงหล่อนก็พูดจาท่าทางไร้มารยาท ไม่เหมือนลูกสาวจากตระกูลใหญ่ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเอาเสียเลย
“ลั่วลั่วกับหร่านหร่านเป็นพี่น้องกัน พี่น้องช่วยเหลือกัน จะนับว่าเป็นการขอร้องได้ยังไง?”
“เหอะ!” อันเชี่ยนหัวเราะเยาะ “พี่น้อง? ถ้าฉู่ลั่วเป็นพี่น้องจริง ๆ จะถูกไล่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉู่มาอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ เหรอคะ?”
“ป้าซ่ง คุณลำเอียงเกินไปหรือเปล่า”
“ไล่ลูกสาวแท้ ๆ ออกไป แล้วทำเหมือนลูกสาวจอมปลอมคนนี้เป็นสมบัติล้ำค่า”
“ใครเกิดมาเป็นลูกสาวคุณ คงโชคร้ายไปแปดชั่วอายุคน!”