เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 105 ห้องว่าง
บทที่ 105 ห้องว่าง
ฉู่ลั่วเช็ดหยดน้ำที่มือจนสะอาด ถึงเดินมาหยุดตรงหน้าฉู่หร่านกับซ่งเชียนหย่า “ฉันไปเอาดวงชะตาของเธอออกมาก็ได้”
ซ่งเชียนหย่ากับฉู่หร่านตาโตด้วยความดีใจ
“ห้าสิบล้าน…” ฉู่ลั่วยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง “ให้ฉันมาห้าสิบล้าน ฉันถึงจะตกลง”
“อะไรนะ!” ฉู่หร่านตกใจ
ซ่งเชียนหย่าไม่อยากจะเชื่อ “ลั่วลั่ว… ลูก… ทำไมลูกถึงทำแบบนี้?”
ไม่ใช่ว่าเอาเงินห้าสิบล้านมาให้ไม่ได้ แต่เป็นเพราะท่าทางต้องการเงินนี่ต่างหาก
เธอติดตามฉู่ลั่วมาสักพักหนึ่ง ก็รู้ดีว่าฉู่ลั่วทำอะไรตามใจตัวเองมาก
ตอนเปลี่ยนแปลงดวงชะตาให้หญิงชรา เธอรับเงินแค่ห้าหมื่น
ตอนทำลายแผ่นหินให้กลุ่มนักโบราณคดี เธอก็รับเงินมาแค่ไม่กี่หมื่น
ถึงคราวครอบครัวของตัวเอง เธอกลับพูดออกมาอย่างหน้าเลือดว่าต้องการห้าสิบล้าน!
ฉู่ลั่วมองใบหน้าเจ็บปวดของซ่งเชียนหย่า ก็เบนสายตาไปทางอื่น “ห้าสิบล้าน ห้ามน้อยกว่านั้นแม้แต่นิดเดียว”
“พรุ่งนี้ฉันจะออกเดินทางไปวัดผี จะเอาดวงชะตาออกมาได้ เจ้าตัวต้องไปด้วย พวกคุณเตรียมเงินไว้ให้ดี แล้วพรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกัน”
พูดจบ ทั้งซ่งเชียนหย่าที่เจ็บปวดใจกับฉู่หร่านที่กำลังโกรธต่างก็ถูกเชิญออกไป
อันเชี่ยนโบกมือ พูดอย่างมีความสุขว่า “ฉู่ลั่ว พรุ่งนี้รอฉันด้วยนะ!”
ว่าแล้วก็ออกจากบ้านไปเช่นกัน
เห็นท่าทางผิดหวังของซ่งเชียนหย่า ฉู่หร่านก็พูดด้วยความเจ็บปวดว่า “แม่คะ ลั่วลั่วโกรธเพราะหนูใช่ไหม ถึงได้เรียกเงินตั้งห้าสิบล้าน! แม้แต่คนนอกอย่างอันเชี่ยน เธอยังเรียกเงินแค่สิบล้าน แต่พอเป็นหนู กลับจะเอาตั้งห้าสิบล้าน”
ซ่งเชียนหย่าที่ตอนแรกเสียใจกับการกระทำของฉู่ลั่ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็เดือดดาลขึ้นมาทันที “เธอพุ่งเป้ามาที่ลูก อยากทำให้ลูกอับอายต่อหน้าอันเชี่ยน”
หญิงสาวถอนหายใจ “กลับกันก่อนเถอะ! เรื่องวัดผีสำคัญที่สุด”
สองแม่ลูกกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลฉู่ รอจนฉู่เหว่ยฮ่าวและลูกชายเลิกงานกลับมาถึง ซ่งเชียนหย่าก็เล่าเรื่องความหน้าเลือดของฉู่ลั่วที่บอกว่าจะเอาเงินห้าสิบล้านให้พวกเขาฟัง
ฉู่เหว่ยฮ่าวเลิกคิ้วอย่างงุนงงว่าภรรยาจะโมโหทำไม? “ถ้าลูกอยากได้ ก็ให้ลูกไปสิ”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เรื่องเงินค่ะ แต่เป็นท่าทางของฉู่ลั่วต่างหาก!”
ฉู่เหิงที่นั่งอยู่บนโซฟา ดึงเน็กไทของตนเองลง “แม่ครับ แม่คาดหวังว่าลั่วลั่วจะต้องทำท่าทางแบบไหนเหรอ?”
ซ่งเชียนหย่าพูด “อย่างน้อยก็ไม่ใช่ท่าทางแบบในตอนนี้ เธอคิดว่าพวกเราเป็นครอบครัวบ้างไหม? ทำอย่างกับพวกเราเป็นศัตรูอย่างนั้นละ!”
ลูกชายคนโตนวดขมับเบา ๆ และพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “ถ้าอย่างนั้น แม่เคยคิดว่าลั่วลั่วเป็นคนในครอบครัวไหมครับ? ถ้าพวกแม่อยากให้ลั่วลั่วช่วยจริง ๆ ก็บอกไปตามตรง ทำไมต้องปกปิดเรื่องราวด้วย? แถมยังหลอกลั่วลั่ว ตอนนี้ถูกเปิดโปงความจริงแล้ว เลยรู้สึกอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนสินะ”
ซ่งเชียนหย่าเงียบลงไป
ฉู่เหิงลุกขึ้นยืนหยิบเสื้อคลุม “เงินนั่น ผมจะเอาไปให้ลั่วลั่วเอง”
เขามองพ่อแม่กับฉู่หร่าน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง “พ่อครับแม่ครับ ก่อนหน้านี้ผมคุยอย่างจริงจังไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมนึกว่าพ่อกับแม่เปลี่ยนไปแล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าพ่อกับแม่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ยิ่งลำเอียงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ!”
“ตอนนี้ผมเห็นด้วยแล้วละที่ลั่วลั่วย้ายออกไป”
อย่าว่าแต่ลั่วลั่ว เขาเองก็อยากย้ายออกไปเหมือนกัน…
ฉู่เหิงออกจากบ้านตระกูลฉู่ และขับรถไปที่บ้านของฉู่ลั่ว
ทิ้งให้คุณแม่นิ่งงัน และคุณพ่อนั่งงงอยู่เช่นเดิม
ฉู่เหว่ยฮ่าวกะพริบตาปริบ ทำไมฉันถึงโดนไปด้วย?
…
ฉู่เหิงกดกริ่งที่หน้าประตู รออยู่สักพัก ประตูก็เปิดออก
โดยที่ด้านหลังบานประตูไม่มีคนอยู่เลย
รูม่านตาของชายหนุ่มหดลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาเดินเข้าไปพลางเอ่ยว่า “ผมเป็นพี่ชายคนโตของลั่วลั่ว ลั่วลั่วอยู่ที่ไหนเหรอ?”
มีลมแรงพัดผ่านร่างกายของเขา บอกทางขึ้นไปยังชั้นบน…
ฉู่เหิงมาถึงชั้นสอง ก็เคาะประตูห้องน้องสาว
ฉู่ลั่วเปิดประตูห้อง “พี่ใหญ่มาแล้วเหรอคะ”
น้ำเสียงของเธอราบเรียบ ไม่มีทีท่าตกใจ
ฉู่เหิงไม่พูดอะไร เขาควักเช็คใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งให้เธอ “นี่คือเช็คห้าสิบล้าน เธอรับไปสิ”
ฉู่ลั่วรับมา ก่อนจะได้ยินเขาพูดอีกว่า “คืนนี้พี่จะนอนค้างที่นี่ เธอช่วยหาห้องว่างให้พี่สักห้องนะ”
แม้ว่าที่นี่จะมีห้องมากมาย แต่พี่ชายใหญ่ไม่รู้ว่าห้องไหนบ้างที่ยังว่างอยู่จริง ๆ