เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 108 มีจิตสำนึกบ้างไหม
บทที่ 108 มีจิตสำนึกบ้างไหม
ฉู่หร่านกลับไปหาซ่งเชียนหย่าด้วยท่าทางเสียใจ คุณแม่ปลอบเธออยู่หลายประโยคก่อนจะไปหาเยี่ยนฉวีด้วยตัวเอง
ดาราหนุ่มก็เหมาโฮมสเตย์เอาไว้เช่นกัน
ซ่งเชียนหย่าเข้าไปบอกว่าต้องการพักที่เดียวกับเขา อีกฝ่ายก็ตกลง
ฉู่หร่านเดินยิ้มเข้ามาหาเขา “ขอบคุณค่ะคุณเยี่ยน”
เยี่ยนฉวีกดคางลงเป็นนัยรับรู้ด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะกลับเข้าไปยังบ้านพัก
ตกกลางคืนด้านหน้าโฮมสเตย์…
อันเชี่ยนทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์มือถือเดินเล่นไปพลางถ่ายรูปทัศนียภาพ แต่พอหันมาก็เจอกับฉู่หร่านเข้า
ฉู่หร่านเอื้อมมือไปคว้าอีกฝ่ายไว้ “เชี่ยนเชี่ยน เธอยังโกรธฉันอยู่เหรอ?”
“ฮึ!” อันเชี่ยนสะบัดเธอออก
ฉู่หร่านจับมือ (อดีต) เพื่อนเอาไว้อีกครั้ง น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย “ตอนนั้นฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าวัดผีนี่มีปัญหา ฉันคิดว่าที่แห่งนี้ตอบรับทุกคำขอ ตอนนั้นเธอชอบหนานฉีไม่ใช่เหรอ? เพราะแบบนั้นฉันเลยพาเธอมาที่วัดผียังไงล่ะ”
อันเชี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ฉู่หร่าน จนถึงตอนนี้เธอยังคิดว่าฉันโกรธเธอเพราะเรื่องวัดผีอีกเหรอ?”
ฉู่หร่านมองมาทั้งน้ำตา
ถ้าไม่ใช่เพราะวัดผี แล้วเพราะอะไรกันล่ะ?
อันเชี่ยนหัวเราะเยาะ “ฉันกับหนานฉีแตกหักกันแล้ว แต่ครอบครัวของฉันกับตระกูลหนานยังร่วมมือทางธุรกิจด้วยกันอยู่ เธอรู้หรือเปล่า?”
ฉู่หร่านพยักหน้า
“หนานฉีมาที่บ้านของพวกเราเพื่อขอโทษ เธอรู้ไหมว่าเขาพูดอะไร?”
ฉู่หร่านเงียบงัน
“เขาบอกว่า เธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู่ชิวอิ่ง เธอเห็นกับตาว่าพวกเขาสองคนจูบกัน คิดว่าเธอจะเอาเรื่องนี้มาบอกฉันตั้งนานแล้ว”
“ฉัน… ฉัน…” ฉู่หร่านรีบส่ายหน้า “ฉันไม่รู้เรื่อง! ฉันไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู่ชิวอิ่งจริง ๆ นะ ถ้าฉันรู้ จะแนะนำกู่ชิวอิ่งให้พี่ใหญ่ทำไมล่ะ”
อันเชี่ยนแกะมืออีกฝ่ายออก “ใช่น่ะสิ! ฉู่หร่าน เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? เธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหนานฉีกับกู่ชิวอิ่งอยู่แล้ว แต่กลับแนะนำหนานฉีให้ฉัน แนะนำกู่ชิวอิ่งให้พี่ชายของตัวเอง!”
“กับฉันยังไม่เท่าไหร่ ฉันนิสัยไม่ดี บางทีก็มีทะเลาะกับเธอบ้าง”
“แต่พี่เหิงดีกับเธอมากนะ! แต่เธอกลับ… ฉู่หร่าน เธอมีจิตสำนึกบ้างไหม!”
ฉู่หร่านร้องไห้ออกมา “เชี่ยนเชี่ยน เธอเชื่อฉันนะ ฉันเปล่า …ฉันไม่รู้อะไรเลย”
เธอเสียใจมากจนร้องไห้ออกมาน้ำตานองหน้า
อันเชี่ยนเดินไปไม่กี่ก้าว ก็เดินกลับมาเพราะเสียงร้องน่าโมโหของอีกฝ่าย ก่อนใช้มือเชยคางฉู่หร่านขึ้น แล้วกัดฟันพูด “อย่ามาตอแหลบอกว่าไม่รู้ไปหน่อยเลย เธอไม่รู้เหรอว่าตัวเองใช้เรื่องนี้ไปข่มขู่กู่ชิวอิ่ง?”
“กู่ชิวอิ่งบอกแล้ว ตอนแรกหล่อนไม่ได้อยากไปนัดดูตัว ไม่ได้อยากคบกับพี่เหิง”
“เป็นเธอต่างหาก… เธอเอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกู่ชิวอิ่งกับหนานฉีมาบีบบังคับให้หล่อนไปดูตัว”
เสียงร้องของฉู่หร่านชะงักไปครู่หนึ่ง รูม่านตาสั่นระริก และเอาแต่ส่ายหน้า
“ยังไม่ยอมรับใช่ไหม? ยังคิดจะบอกว่าหนานฉีกับกู่ชิวอิ่งพูดโกหกใช่ไหม? ฉันจะบอกเธอให้นะ กู่ชิวอิ่งไม่ใช่คนโง่ เธอได้เป็นเลขาของตระกูลหนาน ไม่ใช่เพราะอาศัยความสัมพันธ์ที่เธอมีกับหนานฉี”
“เธออัดเสียงเอาไว้แล้ว…”
ฉู่หร่านดวงตาเบิกกว้าง ลมหายใจสะดุด “ฉัน…”
“ฉู่หร่าน จิตใจของเธอมันดำมืดขนาดไหนกันนะ! ตอนที่เธอไปหากู่ชิวอิ่ง ก็คือตอนที่ฉู่ลั่วเพิ่งกลับมาบ้านตระกูลฉู่เป็นวันที่สาม”
“นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า?” อันเชี่ยนสะบัดฉู่หร่านออกเหมือนแมลง ก่อนออกแรงผลักอีกฝ่ายจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
ฉู่หร่านกัดฟันไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าไม่มองตาอันเชี่ยน
“ฉู่หร่าน เธอคงไม่อยากให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกคนตระกูลฉู่ใช่ไหม!”
ได้ยินคำพูดนี้ ฉู่หร่านก็มองอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัว
อันเชี่ยนก้มตัวลง มองฉู่หร่านด้วยสายตาเหยียดหยาม ริมฝีปากพูดผ่านรอยยิ้มเย็นชา “ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันบอกเรื่องนี้กับคนตระกูลฉู่ เธอก็ทำตัวให้มันดี ๆ อย่าวุ่นวาย ไม่อย่างนั้น…”
เธอยื่นมือไปตบหน้าอีกฝ่ายเบา ๆ “ระวังว่าตระกูลฉู่จะไม่มีที่สำหรับเธอ”
พูดจบ อันเชี่ยนก็หัวเราะสองสามที ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโฮมสเตย์
…จึงไม่เห็นว่าฉู่หร่านที่อยู่ข้างหลัง มองตามแผ่นหลังของเธอด้วยสายตาชั่วร้าย