เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 111 ชั่วร้ายเกินไปแล้ว
บทที่ 111 ชั่วร้ายเกินไปแล้ว
“ฉู่หร่าน เธอยิ้มอะไร? ฉู่ลั่วอยู่ข้างใน นอกจากเธอจะไม่กังวลแล้ว ยังยิ้มออกมาอีกเหรอ!” อันเชี่ยนพุ่งตัวไปข้างหน้าฉู่หร่าน ถลึงตามองด้วยความโกรธ
ฉู่หร่านทำหน้าไร้เดียงสา “ฉันยิ้มตอนไหนเหรอ? เชี่ยนเชี่ยน ถึงเธอจะเกลียดฉัน แต่จะใส่ร้ายฉันไม่ได้”
ว่าแล้วก็หันไปหาซ่งเชียนหย่าท่าทางเสียใจ “แม่คะ หนูไม่ได้ยิ้มนะ ลั่วลั่วอยู่ข้างในกำลังเจอเรื่องอันตรายขนาดนั้น หนูจะยิ้มออกได้ยังไงคะ”
ซ่งเชียนหย่าพูดปลอบเธอ “แม่รู้จ้ะ แม่เชื่อหนู”
พูดจบ ป้าซ่งก็มองอันเชี่ยนด้วยสายตาเย็นชา “เชี่ยนเชี่ยน เห็นแก่หน้าตระกูลอัน ครั้งนี้ฉันไม่ถือสาหาความกับเธอ อย่ามาสร้างความขัดแย้งระหว่างหร่านหร่านกับลั่วลั่วอีก”
อันเชี่ยนกัดฟัน พยายามหายใจเข้าออกอย่างหนัก ก่อนหันไปมองวัดผีด้วยความกังวล แต่ยังมองเห็นจากหางตาว่าฉู่หร่านกำลังยิ้มยั่วยุเธออยู่
เธอโกรธมากจนดวงตาเบิกกว้างขึ้น แต่ก็พยายามระงับไว้ ไม่ทะเลาะกับยัยหน้าหนานี่
เห็นได้ชัดว่าซ่งเชียนหย่าลำเอียงให้ฉู่หร่านอย่างไร้เหตุผล ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ไม่มีประโยชน์
เธอหวังเพียงว่าฉู่ลั่วจะกลับมาอย่างปลอดภัย
ทุกคนรอกันเงียบ ๆ รอจนดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีทองปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา
ฉู่หร่านลุกขึ้นยืน “แม่คะ ฟ้ากำลังจะมืดแล้ว เราจะอยู่ที่วัดผีจนถึงตอนกลางคืนไม่ได้นะคะ”
ซ่งเชียนหย่ามองวัดผีอย่างเป็นกังวล “รออีกสักพักเถอะ”
อีกด้านหนึ่ง อันเชี่ยนกระวนกระวายใจถึงขีดสุดแล้ว เธอโบกมือบอกบอดี้การ์ดว่า “บุกเข้าไป”
บอดี้การ์ดหลายคนเดินไปตรงหน้า ยื่นมือออกไปผลักประตูออก แต่ให้ตายอย่างไรประตูก็ไม่ขยับ
ไม่เพียงแต่ประตูที่ไม่ขยับ แม้แต่หน้าต่างก็เปิดไม่ออกเช่นกัน
อันเชี่ยนสั่ง “ทุบเข้าไปเลย!”
บอดี้การ์ดหลายคนพากันทุบ ที่ประตูก็มีเสียงหนัก ๆ ดังขึ้นมา แต่กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
เห็นกันอยู่ชัดเจนว่าประตูทำจากไม้ที่บางมาก แต่ตอนนี้กลับหนักเหมือนแผ่นเหล็กไม่มีผิด
ไม่ …มันหนักยิ่งกว่าแผ่นเหล็กเสียอีก
เยี่ยนฉวีก็ยืนขึ้นเช่นกัน “พวกคุณก็เข้าไปช่วยด้วยเร็ว”
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างดาราหนุ่ม ก็เข้าไปช่วยทุบเช่นกัน
“ประธานเยี่ยนครับ มันไม่ขยับเลย!”
ผู้ชายรูปร่างกำยำหลายคน ในตอนนี้ต่างก็มีสีหน้าลำบากใจ
พวกเขาไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้แค่ยืนอยู่ใต้ชายคาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา ความหวาดกลัวที่อธิบายไม่ได้กำลังเกาะกุมหัวใจ
“ประธานเยี่ยน ประตูบานนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ”
บอดี้การ์ดหลายคนของอันเชี่ยนก็พยักหน้า “ไม่ธรรมดาเกินไปแล้วครับ”
ประตูหน้าต่างทุบให้เปิดออกไม่ได้ ไม่แม้แต่จะขยับเสียด้วยซ้ำ!
ฉู่หร่านมองดูฟ้าที่มืดลงเรื่อย ๆ “แม่คะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ! มีกฎอยู่ว่าตอนกลางคืนห้ามอยู่ที่วัดผี ไม่อย่างนั้น… จะเจอเรื่องไม่ดี”
เมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนตรงนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
อันเชี่ยนมองฉู่หร่านแล้วถึงกับพูดไม่ออก
ในขณะที่เหล่าบอดี้การ์ดรีบถอยออกห่างจากวัดผี
“คุณหนูอันครับ คุณคิดว่า…”
“ประธานเยี่ยน ถึงพวกเราทำงานแลกกับเงิน แต่ว่า… ถ้าเป็นคนที่ยังมีชีวิต พวกเราไม่กลัวหรอกนะครับ” สิ่งที่กลัวที่สุดคือสิ่งที่ไม่รู้จักแบบนี้ต่างหาก!
อันเชี่ยนมองวัดผีอย่างกังวล “แล้วฉู่ลั่วจะทำยังไงยะ?”
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น
ฟ้ามืดลงเรื่อย ๆ มีเพียงแสงสีฟ้าครามที่ขอบฟ้าเท่านั้น
ฉู่หร่านกอดแขนซ่งเชียนหย่า “แม่คะ หนูกลัว”
ซ่งเชียนหย่าได้ยินก็รีบปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราจะลงเขากันเดี๋ยวนี้แหละ”
“ป้าซ่ง! ฉู่ลั่วยังอยู่ข้างใน พวกเราจะไปกันทั้งอย่างนี้เหรอคะ?”
ซ่งเชียนหย่าหันไปมองวัดผีอีกครั้งอย่างลังเลไม่กล้าตัดสินใจ
แต่เมื่อฉู่หร่านขยับเข้ามาใกล้พร้อมสีหน้าเว้าวอน หญิงสาวก็ตัดสินใจทันที “ไปกันเถอะ ลั่วลั่วอยู่ในนั้นพวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้ อยู่ที่นี่มีแต่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย”
พูดจบ เธอก็ดึงลูกสาวตัวปลอมไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เหล่าบอดี้การ์ดไม่ขยับ ได้แต่มองเยี่ยนฉวีกับอันเชี่ยนด้วยแววตาหวาดกลัวและคาดหวัง
อันเชี่ยนถอนหายใจ ฟ้าเริ่มมืดราวกับเวลานับถอยหลังคาดคั้น “ก็ได้…ไปเถอะ”
เยี่ยนฉวีเองก็พยักหน้า
ทว่าพวกเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ต้องหันไปมองวัดผีที่ปกคลุมด้วยความมืดมิดอย่างสมบูรณ์อย่างกังวล
ยามค่ำคืนราวกับปากขนาดใหญ่ที่กลืนกินวัดผีแห่งนี้เข้าไปทีละน้อย
แกร๊ก!
เสียงที่ฟังดูคมชัดดังขึ้นมา
ประตูวัดผีเปิดออก พร้อมเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในความมืด
พวกอันเชี่ยนรวมตัวกันแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่สายตาของทุกคนกลับจ้องมองไปยังร่างนั้น
จนกระทั่งร่างนั้นเดินออกมาพ้นวัดผีแล้ว
อันเชี่ยนก็ตะโกนเสียงดังด้วยความประหลาดใจ “ฉู่ลั่ว!”