เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 114 รุ่ยอวิ๋นโจว
บทที่ 114 รุ่ยอวิ๋นโจว
ฉู่ลั่วขมวดคิ้ว “คุณเข้าไปในวัดผีพร้อมกับฉันเหรอ?”
ฮั่วเซียวหมิงพยักหน้า
เธอขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ก่อนสังเกตร่างกายฮั่วเซียวหมิงอย่างละเอียด ราวกับต้องการมองเขาให้ทะลุปรุโปร่ง
แม้วัดผีจะเป็นวัดหยิน*[1] แต่กลับมีข้อห้ามพิเศษอย่างหนึ่ง คือไม่อนุญาตให้สิ่งที่เป็นพลังหยินแบบเดียวกันเข้าไป
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวกับเฉิงยวนเองก็เข้าไปไม่ได้ มีเพียงฮั่วเซียวหมิงที่ได้รับอนุญาต
ไม่เพียงแต่เข้าไปได้เท่านั้น แต่เมื่ออยู่ข้างใน เธอก็ไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้เลย
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
ฮั่วเซียวหมิงเก่งกาจกว่าที่เธอคาดการณ์เอาไว้
วิญญาณหนุ่มทำให้วัดผีหวาดกลัวจนต้องปล่อยเขาออกมา
ฉู่ลั่วมองดูฮั่วเซียวหมิงอย่างละเอียดก็ไม่พบอะไรที่แตกต่างไปจากปกติ แต่ก็ยังกำชับ “คุณไม่ควรออกไปไหนคนเดียวตามอำเภอใจ”
“ตอนนี้คุณก็เหมือนกับพระถังซัมจั๋ง*[2] ไม่ว่าจะปีศาจ มาร ผี หรือแม้แต่สัตว์ประหลาดต่างก็อยากกินเนื้อคุณเพื่อให้มีชีวิตเป็นอมตะ”
ฮั่วเซียวหมิงพยักหน้าแทนการตอบรับ “แต่คุณยังไม่ได้บอกผมเลย ว่าเห็นอะไรตอนอยู่ในวัดผี?”
ฉู่ลั่ว “…”
เขากล่าว “ผมได้ยินที่คุณกับสิ่งนั้นคุยกันแล้วละ”
“วัดผีสามารถดึงเอาความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยู่ลึกในใจของคนเราออกมาได้ ฉู่ลั่ว คุณเองก็มีความปรารถนาใช่ไหม?”
ฮั่วเซียวหมิงดูอยากรู้อยากเห็นมาก
ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่ชอบถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าความปรารถนาที่อยู่ลึกในใจเธอคืออะไร
แม้จะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลฉู่ ฉู่ลั่วก็ยังทำเป็นนิ่งเฉยได้
ไม่ว่าคนตระกูลฉู่จะปฏิบัติต่อเธออย่างดีหรือไม่ดี เด็กสาวก็ยอมรับด้วยท่าทางเรียบเฉย
แต่ตอนที่อยู่ในวัดผี ขณะที่ฉู่ลั่วตกอยู่ในภาพลวงตา ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเปี่ยมสุขเผยออกมา
รอยยิ้มแบบนั้น เหมือนกับรอยยิ้มของเด็กสาวในวัยเดียวกับเธอ
เป็นยิ้มที่ดูอิสระ ไร้ความกังวลใด ๆ
ฉู่ลั่วที่เป็นแบบนั้น เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ราวกับเซียนที่ถูกดึงจากวิหารทวยเทพลงมายังโลกมนุษย์ แปดเปื้อนไปด้วยความต้องการ
ฉู่ลั่วก้มหน้าลง “คนเราต่างก็มีความปรารถนาทั้งนั้น ฉันเองก็เป็นคน แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว”
“แล้วความปรารถนาของคุณคืออะไร?”
เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองสบตาวิญญาณหนุ่ม ก่อนเม้มปากไม่พูดอะไรออกมา
ฮั่วเซียวหมิงเค้นต่อไป “รุ่ยอวิ๋นโจวคือใคร?”
สายตาของฉู่ลั่วเย็นชาขึ้นมาทันที “นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเข้ามาก้าวก่าย”
เธอลุกขึ้นยืน “ฉันจะพักผ่อนแล้ว เชิญออกไปด้วย”
ฮั่วเซียวหมิงไม่ดึงดันที่จะถามต่อ แต่เมื่อมองไปยังเด็กสาวผู้มีท่าทางโกรธเคือง หัวใจของเขาก็จมดิ่งลง
รุ่ยอวิ๋นโจวต้องเป็นคนที่สำคัญต่อฉู่ลั่วมากแน่ สำคัญถึงขนาดที่ทำให้อารมณ์สั่นไหวได้ขนาดนี้
ฮั่วเซียวหมิงลอยออกไปจากห้อง
จนกระทั่งเขาพ้นสายตาแล้ว ฉู่ลั่วถึงได้ทอดถอนลมหายใจออกมา เธอดึงผ้าห่มขึ้นแล้วนอนลงบนเตียง
รุ่ยอวิ๋นโจว
รุ่ยอวิ๋นโจว
รุ่ยอวิ๋นโจว
เธอแอบท่องชื่อนี้อยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมา จนแทบจะพ่นตัวอักษรจากชื่อนี้ออกมาทางปากแล้ว
…
ณ โฮมสเตย์อีกแห่งหนึ่ง
เยี่ยนฉวีนั่งอยู่ขอบเตียง เขาจ้องเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนเลื่อนนิ้วขึ้นไปข้างบน ลังเลอยู่สักพักหนึ่ง ถึงกดโทรออก
ไม่นานนัก ทางนั้นก็รับสาย
“สวัสดีค่ะ”
เป็นเสียงของอวิ้นเอ๋อร์
หัวใจของเยี่ยนฉวีเต้นรัว เขาอ้าปากอยากจะพูด แต่กลับพูดไม่ออก
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ… ถ้าไม่พูดอะไร ฉันจะวางสายแล้วนะ”
“อย่าเพิ่งวาง!” น้ำเสียงของเยี่ยนฉวีแหบพร่า “ฉันเยี่ยนฉวีเองนะ”
อีกฝ่ายเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะถามเจือเสียงหัวเราะว่า “คิดยังไงถึงโทรมาหาฉันล่ะ จะชวนฉันไปร่วมงานแต่งของนายเหรอ? ถ้าอย่างนั้นต้องขอโทษด้วยนะ ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว แต่อยู่ที่ไอซ์แลนด์น่ะ”
เยี่ยนฉวีพูดออกไปตามสัญชาตญาณ “เปล่าหรอก ฉันไม่ได้แต่งงาน เธอไปทำอะไรที่ไอซ์แลนด์เหรอ?”
“สามีของฉันถูกย้ายมาทำงานที่ไอซ์แลนด์ด่วน ฉันเลยมาอยู่เป็นเพื่อนเขา”
เยี่ยนฉวี “…”
เขากำโทรศัพท์มือถือแน่นโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากสั่นระริก “สา… สามี? เธอแต่งงานแล้วเหรอ?”
“ใช่น่ะสิ! นายไม่รู้หรอกเหรอ? ตอนฉันแต่งงาน ก็ส่งการ์ดเชิญไปให้คุณลุงคุณป้าแล้วนี่ พวกเขาไม่ได้บอกนายเหรอ?”
ดาราหนุ่มตกอยู่ในความเงียบงัน
ปลายสายมีเสียงทุ้มของผู้ชายดังขึ้นมา “ที่รักครับ ใครโทรมาเหรอ?”
“เพื่อนบ้านสมัยเด็กน่ะค่ะ”
เยี่ยนฉวี “…”
เพื่อนบ้านสมัยเด็ก?
อีกฝ่ายตัดสายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
เขารู้เพียงว่าหัวใจของตนเต้นแรงด้วยความเจ็บปวด เจ็บเสียจนร่างทั้งร่างล้มลงไปบนผ้าห่ม และนอนขดตัวอยู่แบบนั้น
[1] 阴庙 วัดหยิน คือวัดที่มีการบูชาภูตผี สัมภเวสีที่ไม่มีเจ้านาย
[2] 唐僧 ถังเซิง หรือพระถังซัมจั๋ง