เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 115 ป้ายทะเบียนสีขาว
บทที่ 115 ป้ายทะเบียนสีขาว
เช้าวันต่อมา หลังจากฉู่ลั่วบำเพ็ญเสร็จแล้ว ก็เก็บสัมภาระเตรียมตัวออกเดินทาง
เธอเดินลงมาข้างล่างก็เจอกับอันเชี่ยนที่ออกไปวิ่งตั้งแต่เช้า อีกฝ่ายวิ่งเหยาะ ๆ พลางเอ่ยว่า “เยี่ยนฉวีกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละ ก่อนจะไป เขามาบอกลาพวกเราที่โฮมสเตย์ด้วย”
“นี่เป็นช่องทางการติดต่อของเขา หลังจากกลับไปถึงแล้ว เขาจะจ่ายค่าตอบแทนให้เธอ”
ฉู่ลั่วรับนามบัตรมาดูแวบหนึ่ง ก่อนจะยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
อันเชี่ยนถาม “จะกลับวันนี้เลยเหรอ?”
“อืม”
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ ซ่งเชียนหย่ากับฉู่หร่านก็เดินเข้ามาหา
ซ่งเชียนหย่าถามว่า “ลั่วลั่ว ลูกไปที่วัดผีกับพวกเราอีกครั้งได้ไหม? ยังไม่ได้เอาแผ่นดวงชะตาของหร่านหร่านออกมาเลย”
ฉู่ลั่วบอกว่า “ตอนนี้วัดผีเข้าออกได้ตามสบายค่ะ อยากเข้าไปเอาดวงชะตาก็เข้าไปเอาได้เลย”
“แต่ว่า…” ฉู่หร่านพูดเสียงเบา “แต่ฉันกลัวนี่นา วัดผีร้ายกาจขนาดนั้น ถ้ามันกลับมาร้ายกาจเหมือนเดิมตอนที่เธอไม่อยู่จะทำยังไง?”
“ลั่วลั่ว ถือว่าแม่ขอร้องนะลูก”
พูดจบ ซ่งเชียนหย่าก็ควักเช็คใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ “นี่คือเช็คห้าสิบล้าน ขอแค่ลูกยอมไปกับหร่านหร่าน เช็คห้าสิบล้านนี้จะเป็นของลูก”
อันเชี่ยนเลิกคิ้ว
เกิดอะไรขึ้นกับป้าซ่งกันแน่?
เมื่อคืนยังดูเป็นห่วงเป็นใยฉู่ลั่วมากอยู่เลย ทั้งฝ่าความมืดกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง ทั้งเตรียมอาหารเย็นให้
แต่พอตอนเช้า กลับเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน
โดยเฉพาะตอนที่อยู่กับฉู่หร่าน เธอจะยิ่งลำเอียงอย่างสุดโต่ง!
ฉู่ลั่วไม่ได้รับเช็คเอาไว้ เธอสะพายกระเป๋าแล้วพูดว่า “หนูต้องไปเมืองหนิงค่ะ หนูกำลังรีบมาก”
ซ่งเชียนหย่าขมวดคิ้วด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เมืองหนิง? ลูกไปเมืองหนิงทำไม มีเรื่องอะไรสำคัญกว่าความปลอดภัยของหร่านหร่านอีกเหรอ เธอเป็นพี่สาวของลูกนะ”
เทียบกับความโกรธของแม่ ฉู่ลั่วดูนิ่งกว่ามาก
“หนูไปเมืองหนิงเพราะมีเรื่องสำคัญต้องทำค่ะ วัดผีไม่มีอันตรายแน่นอน” ฉู่ลั่วมองไปที่พี่สาวปลอม ๆ “ถ้าเธออยากไปเอาดวงชะตาที่วัดผีจริง ก็สบายใจได้”
เธอเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องเตือนเธอไว้ วัดผีดูดกลืนโชคชะตาเป็นอาหาร ทำเรื่องปิดบังสวรรค์มาก”
“ฉันทำลายการจองจำของวัดผี ก็เท่ากับทำลายพลังในการปิดบังสวรรค์ของวัดผีไปด้วย”
ฉู่หร่านที่ทำหน้าตาหน้าสงสารชะงักไป เธอโพล่งถามออกไปว่า “หมายความว่ายังไง?”
“ทุกคำขอในวัดผี จะไม่กลายเป็นความจริง”
พูดจบฉู่ลั่วก็หันมามองอันเชี่ยน “ฉันไปแล้วนะ เพราะเธอบูชาวัดผี โชคชะตาของเธอถึงเสียหาย ทางที่ดีหมั่นทำบุญให้เยอะ ๆ นะ”
อันเชี่ยนพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสาร “ฉันจะทำตามที่เธอบอก ให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำ!”
ก่อนถามด้วยความห่วงใยว่า “เธออยากให้ฉันจัดเตรียมรถไปส่งเธอหรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก มีรถมารับแล้ว”
อันเชี่ยนยื่นคอมองออกไปข้างนอก “ให้ตายสิ รถคันนั้นเหรอ?”
ฉู่หร่านก็เห็นเช่นกัน เธอขมวดคิ้วพร้อมสีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ก็แค่รถเก่าคันหนึ่ง ต้องอวดเบ่งขนาดนั้นเชียวเหรอ?
อันเชี่ยนมองแววตาเหยียดหยามของฉู่หร่านออกก็หัวเราะเยาะ “คนบางคนก็เป็นพวกมองข้ามสิ่งมีค่าละนะ ดูรถก็ดูแต่ยี่ห้อ เธอลองดูที่ป้ายทะเบียนสิ!”
ฉู่หร่านถึงได้มองอีกครั้ง หลังเห็นป้ายทะเบียน แววตาก็สั่นระริก
ป้ายทะเบียนสีขาวที่มีตัวอักษรสีดำ
ป้ายทะเบียนประเภทนี้ เป็นป้ายทะเบียนที่ใช้เฉพาะรัฐบาลเท่านั้น
คนที่ยืนอยู่ข้างรถคือผู้ชายที่สวมสูทสีดำแบบตะวันตก แผ่นหลังเหยียดตรง รับกับสายตาแหลมคม
แต่ออร่าจากตัวเขา ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าทำงานอะไร
ไม่รู้ว่าสมองของฉู่หร่านเป็นอะไรไป เธอพูดขึ้นมาว่า “ลั่วลั่ว เธอคิดจะก่อเรื่องอีกเหรอ? ทำไมถึงให้รถของรัฐบาลมารับแบบนี้”
อันเชี่ยนกลอกตาอย่างสุดจะทน
ซ่งเชียนหย่าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกฉู่หร่านว่า “คงจะเชิญให้ฉู่ลั่วไปช่วยน่ะ”
ฉู่ลั่วไม่ได้สนใจพี่สาวปลอม ๆ เพียงเดินทอดน่องไปที่รถ
ชายคนนั้นยื่นมือมาเปิดประตูให้ ก่อนจะแสดงท่าทางเชื้อเชิญให้ขึ้นไปนั่งอย่างนอบน้อม หลังจากฉู่ลั่วขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว เขาจึงเดินไปนั่งอีกด้านหนึ่ง แล้วขับออกไป
เมื่อรถคันนั้นพ้นสายตา อันเชี่ยนก็ขยับศีรษะและเอวพลางพูดเยาะเย้ยว่า “ใครบางคนไร้ความสามารถ ก็เลยคิดว่าคนอื่นต้องไร้ความสามารถเหมือนตัวเอง”
“ฉู่ลั่วเขาเก่งมากเลยนะ ขนาดรัฐบาลยังต้องส่งรถส่งคนมารับ”
ฉู่หร่านเงียบกริบ “…”
ซ่งเชียนหย่าเก็บสายตากลับมา ก่อนพูดกับฉู่หร่าน “ในเมื่อลั่วลั่วบอกว่าวัดผีไม่อันตรายแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ เรื่องแบบนี้ลั่วลั่วไม่มีทางพูดเล่นหรอก”
ฉู่หร่านคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้