เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 119 ปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์
บทที่ 119 ปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์
สองชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์ของฉินเหว่ยก็ดังขึ้น
ทุกคนต่างมองไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ
ฉินเหว่ยก็ไม่รอช้า เขาเปิดลำโพงแล้วสอบถาม “หาเจอแล้วใช่ไหม?”
“เจ้าหน้าที่ฉิน หาเจอแล้ว! พวกเราหาเจอทั้งคนและต้นฉบับ อีกสักครู่จะส่งรูปถ่ายของเอกสารต้นฉบับส่งไปให้ นายลองให้ศาสตราจารย์หมิงดูว่าใช่ต้นฉบับตัวจริงหรือเปล่า”
คนที่อยู่ปลายสายตื่นเต้นมาก “เจ้าหน้าที่ฉิน นายคงไม่รู้ เมื่อกี้ตอนที่พวกเราไล่ตามไปก็ถูกสังเกตเห็นแล้ว คนคนนั้นเลยหนีไป ตอนแรกคิดว่าไม่มีหวังแล้ว ใครจะรู้ว่ายันต์แผ่นนั้นยังลอยไปข้างหน้า”
“พวกเราเลยส่งคนตามยันต์ไป สุดท้ายก็จับคนคนนั้นกลับมาได้”
“เจ้าหน้าที่ฉิน ปรมาจารย์คนนี้มีของเหมือนกันนะ!”
เพื่อนร่วมทีมของฉินเหว่ยก็เหมือนกับเขา พวกเขาเห็นโลกมามากมาย ตอนที่เห็นยันต์แผ่นนี้จึงไม่ได้ตื่นตระหนกหรือแปลกใจมากนัก
“เจ้าหน้าที่ฉิน นายต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอเอาไว้นะ! ฉันคิดว่าในอนาคตพวกเราคงมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกเยอะแน่”
ฉินเหว่ยมองฉู่ลั่วพลางตอบกลับเพื่อนร่วมงาน “ก็กำลังพยายามอยู่นะ”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ฉินก็พยายามเข้าล่ะ”
สายตัดไปแล้ว ฉินเหว่ยก็บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกหมิงอันหรานฟัง ก่อนจะพูดกับฉู่ลั่วว่า “ปรมาจารย์ฉู่ ผมไปส่งคุณนะครับ!”
“อืม”
เว่ยเฟิงก็ลุกไปส่งฉู่ลั่ว ระหว่างที่เดินมาส่งเขาเอาแต่พูดขอบคุณมาตลอดทาง “ต่อไปผมจะต้องดูไลฟ์สตรีมของคุณแน่นอน”
เขาพูดอย่างหนักแน่น “ผมเชื่อมาตลอดว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ที่ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด เพราะความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของพวกเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น”
ฉู่ลั่วไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง กลับกันเธอรู้สึกนับถือเว่ยเฟิงมาก
“ถึงฉันจะสามารถใช้มันได้ แต่ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าหลักการที่แท้จริงของมันคืออะไรค่ะ หากวันหนึ่ง มีคนสามารถไขความลับของโลกผู้บำเพ็ญได้ ฉันจะดีใจมากค่ะ”
มีคนไม่น้อยที่บอกว่าตนเองเป็นพวกวัตถุนิยม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องที่เหนือจินตนาการ ทัศนคติที่มองโลกด้วยความเป็นจริงก็พังทลายลงทันที เห็นอะไรก็คิดว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติไปเสียหมด
คนที่ได้สัมผัสกับเรื่องเหนือจินตนาการ แต่ยังคงหนักแน่นในเส้นทางของตนเองอย่างเว่ยเฟิง หาได้ยากยิ่งนัก
เธอนับถือคนอย่างเว่ยเฟิงจากก้นบึ้งของหัวใจ
ความวิตกกังวลในใจของเว่ยเฟิงลดลง
เขาคิดว่าตนเองพูดออกไปแบบนี้ ฉู่ลั่วจะโกรธมากเสียอีก
คิดไม่ถึงว่าเธอจะใจกว้างขนาดนี้
เมื่อกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย ศาสตราจารย์เว่ยก็พูดกับภรรยา “ฉู่ลั่วคนนี้ ไม่เหมือนกับนักพรตและนักบวชท่านอื่น ไม่ใช่แค่ความสามารถแข็งแกร่ง แต่ยังไม่ทำตัวอวดฉลาดด้วย”
หมิงอันหรานถามด้วยรอยยิ้ม “คุณดูออกได้ยังไงคะ?”
เว่ยเฟิงเอ่ยออกมา “เธอเป็นคนฝนโลกของผู้บำเพ็ญ แต่กลับเห็นด้วยและสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของผม แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนใจกว้าง ความคิดก็เปิดกว้างอีกด้วย”
หมิงอันหรานหัวเราะออกมา “ฉู่ลั่วเธอเพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เองนะคะ ความคิดของเธอต้องเปิดกว้างอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ชอบความหัวโบราณของพวกเราด้วยซ้ำไป”
เว่ยเฟิงชะงัก เขาเคาะหัวตัวเอง “เพราะเธอเก่งเกินไป จนทำให้ผมลืมอายุของเธอไปเลย”
ที่จริงแล้วฉู่ลั่วเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
หลายคนที่อยู่ในวัยเดียวกันกับเธอ เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย
ในขณะที่ตัวเธอประสบความสำเร็จในเส้นทางของตนเองแล้ว
ฉินเหว่ยขับรถไปส่งฉู่ลั่วที่สนามบินด้วยตนเอง เขาส่งกระเป๋าสะพายให้ฉู่ลั่ว “ปรมาจารย์ฉู่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ครับ หลังจากนี้จะมีคนส่งค่าตอบแทนไปให้คุณ”
“ค่ะ”
ฉินเหว่ยเดินเคียงข้างฉู่ลั่วเข้าไปในสนามบิน “ปรมาจารย์ฉู่ พวกเราแลกวีแชตกันดีไหมครับ เผื่ออนาคตมีเรื่องอะไรอยากให้คุณช่วย จะได้ติดต่อไปแจ้งคุณล่วงหน้า ไม่ต้องรบกวนกะทันหันอย่างครั้งนี้”
และคนที่ติดต่อฉู่ลั่วไป ก็คือเว่ยเฟิง
ก่อนหน้านี้เขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หลังจากดูวิดีโอไลฟ์สตรีมของฉู่ลั่ว เขาก็เลือกที่จะเชื่อในตัวเธอ
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่เขาเลือกนั้นถูกต้อง
ฉินเหว่ยเงยหน้าขึ้น มองหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด
บนใบหน้างดงามเกลี้ยงเกลาเผยให้เห็นถึงความเย็นชาและไว้ตัว
ดวงตาสีดำขลับของเขามองไปที่ใบหน้าของฉู่ลั่ว จากนั้นไม่นาน ก็ละสายตาไป
ฉู่ลั่วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพิ่มวีแชตของฉินเหว่ย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเดินเข้าสนามบินไป
ฉินเหว่ยพูดไม่ออก
แม้แต่คำว่าลาก่อนก็ยังไม่มี?
ปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์ ต่อให้อายุยังน้อยก็เป็นปรมาจารย์อยู่ดี
เย็นชา!
ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเขาจะเพ้อฝันถึงได้เลย