เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 12 เหรียญโบราณ
“คุณชอบเหรียญทองแดงพวกนี้เหรอ?” ซ่งจือหนานขมวดคิ้ว “ของพวกนี้ไม่นับว่าเป็นวัตถุโบราณด้วยซ้ำนะครับ ถ้าคุณชอบวัตถุโบราณ ที่บ้านของผมมีภาพวาดตัวอักษรอยู่หลายชิ้น ยกให้คุณได้นะ”
ฉู่ลั่วมองกล่องใส่เหรียญ ก่อนถามเจ้าของร้านที่สวมหมวกทรงเปลือกแตงโมสีน้ำเงินเข้มว่า “ขายยังไงเหรอคะ?”
เจ้าของร้านนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ โบกพัดไปมา ท่าทางราวกับผู้บำเพ็ญ แต่เมื่อพูดออกมากลับกลายเป็นพ่อค้าหน้าเลือด
“ห้าล้าน”
ไม่รอให้ฉู่ลั่วเอ่ยปาก ซ่งจือหนานก็กระโดดเข้ามาแล้ว “แบบนี้มันปล้นกันชัด ๆ! ของพวกนี้มันอะไรกัน มีค่าถึงห้าล้านเหรอ! พวกเราไม่ซื้อ!”
เขาเพิ่งพูดจบ ฉู่ลั่วก็บอกกับเขาว่า “จ่ายเงิน”
ซ่งจือหนาน “…”
“พี่ลั่ว นี่มัน…” เขาชี้ไปที่กล่องเหรียญโบราณ “ของกล่องนี้มูลค่าห้าล้านเลยเหรอครับ?”
ซ่งจือหนานเพิ่งพูดจบ เจ้าของร้านก็เขย่งปลายเท้า รวบพัดเก็บท่วงท่าสง่างาม “สหายน้อยคนนี้ ฉันมีเหรียญทองแดงที่ดีกว่านี้อีกนะ จะเอาไหม?”
ฉู่ลั่วปิดกล่องใส่เหรียญทองแดง และกอดมันไว้ในอ้อมแขน “เอาค่ะ”
เธอพูดและเดินตามเจ้าของร้านเข้าไปในร้าน
ซ่งจือหนานเห็นแบบนั้น ก็แอบพูดในใจว่า ‘แย่แล้ว’
ผู้หญิงคนอื่นชอบซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ชอบซื้อเครื่องสำอาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้หญิงที่ชอบซื้อเหรียญโบราณ
เมื่อเข้ามาในร้าน ซ่งจือหนานก็พบว่าของที่ขายภายในร้านนั้นต่างกันมาก
ในร้านขายภาชนะสำหรับฝังไปพร้อมกับผู้ตาย กระดาษยันต์ หมึกชาด ทั้งยังมีธงแดงที่เขียนด้วยตัวอักษรดำผืนหนึ่งแขวนอยู่บนผนัง
เจ้าของร้านหยิบกล่องไม้โบราณสีแดงใบหนึ่งออกมาจากด้านล่างของตู้ และเปิดมันออก เผยให้เห็นเหรียญทองแดงหลายร้อยเหรียญที่อยู่ข้างใน
“กล่องนี้กับกล่องที่เธอกอดเอาไว้ ราคารวมกันห้าล้าน”
ฉู่ลั่วหยิบเหรียญหนึ่งเหรียญในนั้นมาวางไว้บนมือเพื่อพิจารณา “โอเคค่ะ ฉันซื้อ”
เธอหันไปมองซ่งจือหนาน
ซ่งจือหนานเงียบงัน “…”
เขาหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง ส่งให้เจ้าของร้าน “รูดการ์ด”
เจ้าของร้านยิ้มร่า มือลูบหมวกทรงเปลือกแตงโมเล็กน้อย ก่อนจะรับการ์ดไปรูดอย่างคล่องแคล่ว
รูดการ์ดเสร็จ เขาก็พูดกับฉู่ลั่วด้วยรอยยิ้มว่า “สหายน้อย ต่อไปอยากได้อะไรก็มาที่ร้านของฉันได้เสมอนะ ฉันรับประกันว่าสินค้าเป็นของแท้ราคาเหมาะสม ฉันทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์อยู่แล้ว”
เขาส่งนามบัตรให้หนึ่งใบ
ฉู่ลั่วรับมา “ได้ค่ะ”
ซ่งจือหนานกอดกล่องใส่เหรียญทองแดงไว้ พลางจ้องหน้าเจ้าของร้านดุ ๆ ก่อนจะเดินตามฉู่ลั่วออกไปข้างนอก
ยังมีเวลา พวกฉู่ลั่วจึงพากันเดินเล่นที่ถนนโบราณ
ทั้งสองคนเดินไปถึงแผงลอยรับดูดวงชะตาแผงหนึ่ง หมอดูที่สวมแว่นตากันแดดทรงกลมลูบเคราสีขาวที่คาง
“คุณชายท่านนี้ ผมเห็นที่หว่างคิ้วของคุณเป็นสีดำคล้ำ ไม่เกินสามวันจะเกิดเคราะห์ร้ายถึงขั้นนองเลือด”
ซ่งจือหนานชะงักฝีเท้า เขาขมวดคิ้วมองไปทางหมอดูคนนั้น
ก็เห็นอีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมสีฟ้า เครายาวครึ่งไม้บรรทัด ดูราวกับผู้บำเพ็ญที่เข้าสู่วิถีเซียนแล้ว
“หึ!”
เขาส่งเสียงร้องอย่างเย็นชา แล้วเดินจากไป
หมอดูคนนั้นยกมือขึ้น ทำหน้าตกใจ “เคราะห์ร้ายนองเลือดครั้งนี้ เกรงว่าจะหนักหนามาก หากไม่กำจัด…”
“จะเป็นยังไงเหรอครับ?”
ซ่งจือหนานถามอย่างกังวลใจ
“อย่างเบาก็กล้ามเนื้อและกระดูกเสียหาย อย่างหนักก็บาดเจ็บถึงชีวิต” สีหน้าของหมอดูลึกซึ้งจนเดาไม่ถูก
ซ่งจือหนานพูดไม่ออก “…”
เขาหันไปมองฉู่ลั่ว เมื่อเห็นเธอทำหน้าเรียบเฉย เขาก็แสร้งเล่นละครทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนคนนี้เป็นพวกหลอกลวง
พอรู้ว่าเป็นนักต้มตุ๋น เด็กหนุ่มก็เริ่มนึกสนุกขึ้นมา รีบทำสีหน้ากังวลใจ “ถ้าอย่างนั้น ผมต้องทำยังไงครับ?”
หมอดูถอนหายใจ “สวรรค์ให้ผมมาเจอกับคุณ นี่คงเป็นวาสนาของพวกเรา สวรรค์คงส่งผมมาช่วยแก้ไขเคราะห์กรรมให้คุณ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณท่านมากครับ”
อีกฝ่ายเงียบงัน “…”
แค่นี้เหรอ!
คนคนนี้ ทักแล้วต้องมาแก้เคราะห์สิ ทำไมไม่รู้อะไรเอาเสียเลย!