เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 121 จุดจบคือการหย่าร้าง
บทที่ 121 จุดจบคือการหย่าร้าง
ตอนเดินทางไปเมืองหนิง ฉู่ลั่วสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก หลายวันมานี้เธอไม่แม้แต่จะออกไปนอกประตูบ้าน ไม่บำเพ็ญ ได้แต่พักผ่อน
หลังจากนอนเล่นอยู่ในบ้านได้ห้าวัน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
คนที่มาคือฉู่เหิง
พี่ชายใหญ่มองสำรวจน้องสาวแท้ ๆ “ทำไมหน้าตาซีดเซียวขนาดนี้ ออกเดินทางครั้งนี้เหนื่อยมากเลยเหรอ? ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องฝืนตัวเองนะ”
ฉู่ลั่วส่ายหน้า “ไม่ฝืนหรอกค่ะ หนูพักผ่อนสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”
ฉู่เหิงโบกมือให้คนยกอาหารมาให้ “อยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว พี่คิดว่าเธอคงยุ่งทุกวันจนไม่มีเวลาทำอาหาร ก็เลยจองร้านอาหารของโรงแรมเอาไว้ให้ร้านหนึ่ง”
“ต่อไปเธออยากทานอะไร ก็ติดต่อไปสั่งล่วงหน้ากับร้านได้เลย พวกเขาทำเสร็จแล้วก็จะเอามาส่งให้”
“เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้บ้านนี่เอง ตอนเอามาส่ง อาหารก็ยังไม่เย็น”
“พวกเขามีพนักงานจัดส่งอาหารโดยเฉพาะไม่ต้องรอ”
ไม่นาน บนโต๊ะอาหารก็มีกับข้าวสามจานกับซุปอีกหนึ่งชามวางไว้ ทั้งหมดเป็นอาหารที่ฉู่ลั่วชอบ
เฉิงยวนมองดูภาพนี้จากระยะไกล แล้วถอนหายใจออกมา “คนเป็นนี่ดีจังเลยนะ! พวกเราสามตนปรึกษากันมาตั้งนาน ยังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้าเป็นคนมีชีวิต แค่พูดนิดเดียวก็จัดการได้แล้ว”
ระหว่างที่พูดก็มองฮั่วเซียวหมิง วิญญาณหญิงสาวเห็นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
คนตาย หรือคนครึ่งเป็นครึ่งตาย ในเวลาแบบนี้ก็ไร้พลังอำนาจ
ฮั่วเซียวหมิงมองฉู่ลั่วกับฉู่เหิงนั่งทานอาหารและพูดคุยกัน
หลายวันมานี้เธอเหนื่อยมาก …เหนื่อยจนเอาแต่ผัดกับข้าวง่าย ๆ ทานทุกวัน หรือไม่ก็กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแก้หิว
คนกำลังเหนื่อย ก็ต้องพักผ่อนให้มาก ต้องได้รับสารอาหารเพียงพอ
วิญญาณหนุ่มก้มหน้ามองร่างกายโปร่งแสงของตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่พอใจสภาพของตัวเองเอาเสียเลย
ฉู่ลั่วรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายผีร้ายที่ผันผวนอย่างรุนแรง เธอจึงหันหน้ามาดู
วิญญาณที่ผันผวนดวงนั้น ก็กลับเป็นปกติในทันที
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
ฉู่เหิงมองตามสายตาของเธอ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ”
ทั้งคู่ทานอาหารเสร็จ ฉู่ลั่วก็จะไปล้างจาน แต่ถูกพี่ชายใหญ่รั้งเอาไว้ “เดี๋ยวโรงแรมจะส่งคนมาเก็บเอง เธอพักผ่อนเถอะ”
ฉู่ลั่วไม่เอ่ยอะไรหลังมองฉู่เหิงที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ความลังเลภายในจิตใจก็หายไปหมด
“พี่ใหญ่ มีเรื่องหนึ่งที่หนูอยากคุยกับพี่ค่ะ”
ตอนแรกฉู่เหิงเตรียมตัวจะกลับแล้ว แต่เมื่อได้ยินที่น้องสาวพูด ก็ล้มเลิกความคิด “ได้สิ! พวกเราไปเดินเล่นในสวนกันไหม”
สวนของบ้านหลังน้อยนี้ไม่ใหญ่นัก แต่ออกแบบอย่างสวยงามและดูเงียบสงบมาก
ทุกวันหลังตื่นนอน ได้เห็นทัศนียภาพเขียวขจีแบบนี้จากตรงระเบียง ทำให้จิตใจรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
“น้อยมากที่จะเห็นเธอพูดกับพี่ด้วยน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้ เอาละ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ฉู่ลั่วมองตรงไปข้างหน้า น้ำเสียงของเธอชัดเจนมาก “ที่จริงก่อนที่อันเชี่ยนจะเข้ามาร่วมไลฟ์สตรีม หนูก็รู้แต่แรกแล้วว่าคู่หมั้นของเธอไม่ใช่คนดี”
เมื่อนึกถึงหนานฉีกับกู่ชิวอิ่ง ฉู่เหิงก็ขมวดคิ้ว
ไม่ใช่เพราะตนเองถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับข่าวอื้อฉาว และกลายเป็นคนที่ถูกซุบซิบนินทา
แต่เป็นเพราะการกระทำไร้ความรับผิดชอบของหนานฉีกับกู่ชิวอิ่งต่างหาก
หากไม่ใช่เพราะฉู่ลั่วเปิดโปงพวกเขาทั้งสองคน หนานฉีก็คงแต่งงานกับอันเชี่ยน แล้วสุดท้ายคนที่โชคร้ายก็จะเปลี่ยนจากสองคนมาเป็นสามคน
“หนานฉีชอบกู่ชิวอิ่ง แต่แม่ของเขาไม่ยินยอมให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพราะรังเกียจฐานะของกู่ชิวอิ่ง” ฉู่เหิงเล่าสถานการณ์ที่ตนเองสืบทราบมาให้ฟัง “แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์กลับคืนมา แม่ของหนานฉีเลยยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกัน”
แค่จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน
เพราะงานวิวาห์แต่งงานของคนรวย ไม่ใช่แค่การแต่งงานเป็นฝั่งฝากันเท่านั้น แต่เป็นการประกาศให้รับรู้ตัวตนของคนในวงสังคม
การกระทำเช่นนี้ของแม่หนานฉี แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ยอมรับกู่ชิวอิ่ง
ฉู่เหิงส่ายหน้า “หวังว่าต่อจากนี้พวกเขาจะมีชีวิตที่ดี”
“ไม่มีทางค่ะ… หนานฉีเป็นคนที่เชื่อฟังแม่มาก หลังจากแต่งงานกันหนานฉีต้องวุ่นวายทั้งกับภรรยาและแม่ ท้ายที่สุด จุดจบก็คือต้องหย่าร้างกัน”
ไม่ว่าความรักจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเรื่องจู้จี้จุกจิกและเรื่องไม่เป็นเรื่องในชีวิตคู่