เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 150 ไม่มาตามนัด
บทที่ 150 ไม่มาตามนัด
ฉู่เหิงนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตรงข้ามกับเวินอวิ๋นเสา ไม่อาจละสายตาจากเธอได้เลย
เวินอวิ๋นเสาเบือนหน้าหนี มองไปทางอื่น “ไม่เจอกันสิบกว่าปี นับว่าเป็นคนแปลกหน้าได้แล้วละ จะระแวงก็ปกตินี่?”
ฉู่เหิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “…คนแปลกหน้าเหรอ? ฉันไม่ใช่อาเหิงคนที่เธอรักที่สุดในโลกหรอกเหรอ?”
“ฉู่เหิง!” เวินอวิ๋นเสาลุกขึ้นยืนทันที “นายพูดจาแบบนี้เสียมารยาทมากรู้หรือเปล่า!?”
ชายหนุ่มเห็นเธอโกรธก็เม้มปาก ทำอะไรไม่ถูก
เมื่อก่อนเขาพูดแบบนี้ เวินอวิ๋นเสามักจะเขินอายและยิ้มจนแก้มปริ
แต่ตอนนี้…
ในสายตาของเธอมีเพียงความโกรธเคืองเท่านั้น!
เวินอวิ๋นเสามองเขาอยู่สองสามวินาที ก็เบือนหน้าหนีอีกครั้ง เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ฉู่เหิง ฉันปล่อยวางอดีตไปแล้ว ตั้งแต่สิบปีก่อนที่นายผิดนัดครั้งนั้น ฉันก็ไม่สนใจแล้ว”
ฉู่เหิงเงยหน้า “ฉันผิดนัด?”
หญิงสาวหัวเราะเยาะ “นายคงลืมไปแล้วสินะ! ถ้าอย่างนั้นฉันจะเตือนความจำให้! หลังจบมัธยมปลาย พวกเรานัดกันไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาหยวนหมิง สัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะไปด้วยกัน”
ฉู่เหิงกะพริบตา “เขาหยวนหมิง? พวกเรานัดกันที่เขาปากงไม่ใช่เหรอ?”
“ก่อนหน้านั้นเรานัดกันที่เขาปากง! แล้วนายก็ฝากน้องสาวเอาจดหมายมาให้ฉัน บอกว่านัดกันที่หยวนหมิงไม่ใช่เหรอ?”
ฉู่เหิงยืนขึ้น แววตาสับสนไปหมด เขาส่ายหน้าทันที “ฉันไม่เคยให้ฉู่หร่านเอาจดหมายไปให้เธอ ฉัน… ฉันจะเปลี่ยนสถานที่กะทันหันได้ยังไง”
ห้องพักเงียบไปชั่วขณะ
เวินอวิ๋นเสาเองก็มองฉู่เหิงด้วยความตกใจ แต่เพียงครู่เดียว เธอก็ส่ายหน้า “ตอนนี้นายคิดจะโยนความผิดทั้งหมดไปให้เด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบเหรอ? ฉู่เหิง ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะเป็นคนแบบนี้”
เธอลากกระเป๋าและหันหลังเดินออกไปข้างนอก
ฉู่เหิงคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ “ฉันไม่ได้ให้ฉู่หร่านมาหาเธอ และไม่ได้บอกให้เปลี่ยนจากเขาปากงไปเป็นเขาหยวนหมิงจริง ๆ นะ”
เวินอวิ๋นเสาสะบัดมือเขาออก “ถ้าที่นายพูดมาเป็นความจริง แปลว่าฉู่หร่านเป็นคนมาหาฉันเอง แถมยังเปลี่ยนสถานที่ใหม่งั้นเหรอ นายคิดว่าเธอจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะ? เด็กอายุไม่ถึงสิบขวบคนหนึ่ง จะทำเรื่องพวกนั้นเพื่ออะไร?”
ฉู่เหิงเงียบงัน
“ฉู่เหิง พวกเราไม่เจอกันมาสิบกว่าปี ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะงั้นช่างมันเถอะ” เวินอวิ๋นเสายิ้มจาง ๆ “ที่จริงได้เจอนายวันนี้ ฉันก็รู้สึกดีใจนะ”
เธอนิ่งไปพักหนึ่ง เหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียว “ไม่ว่านายจะพูดจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันเข้าใจเรื่องในอดีตของพวกเราได้ดียิ่งขึ้น”
“ฉันมีเหตุผลเอาไว้บอกกับตัวเองแล้วละ ว่าทำไมตอนนั้นนายถึงไม่มา”
เธอปล่อยกระเป๋าเดินทาง แล้วเดินเข้าไปกอดฉู่เหิงที่ใบหน้าซีดเซียว “ลาก่อนนะ อาเหิง”
ลาก่อน รักแรกของฉัน
ลาก่อนนะ เด็กหนุ่มอายุสิบแปดคนนั้น
จะคิดถึงเสมอเลยนะ ความทรงจำในวัยรุ่น
เวินอวิ๋นเสาหันหลังจากไป โดยฉู่เหิงยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวสั่นระริก
เขามองเวินอวิ๋นเสาเดินออกไปคุยกับหยางไต้ คุณนายฮั่วมองมาที่เขาแวบหนึ่ง ก่อนจะพาเธอเดินจากไป
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ฉู่เหิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนกระทั่งหยางไต้เปิดประตูกระจกเข้ามา เธอมองดูเขาครู่หนึ่ง แล้วชะงักไป
“คุณหนูเวินขึ้นเครื่องไปแล้ว เธอบินไปเป็นแพทย์อาสาที่ประเทศ G”
พูดจบ หยางไต้ก็ปิดประตู
ภายในห้องพัก ฉู่เหิงยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาที่เปียกชุ่มทั้งใบหน้า
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งสองข้างกุมศีรษะไว้ หัวซุกลงบนเข่า
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาผลักประตูกระจกแล้วเดินออกไป
กลุ่มเพื่อนที่รออยู่ข้างนอกรีบเข้ามาหาทันที “ใช้ได้นี่เพื่อน! นายกับตระกูลฮั่วมีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนั้น แต่ไม่บอกพวกเราสักคำ”
“สาวสวยคนนั้นเป็นใครเหรอ? คุยกันเรียบร้อยดีไหม?”
“เพื่อน ๆ ยกโขยงกันมาช่วยนายขนาดนี้ ถ้าคุยกันไม่เรียบร้อยก็ขายหน้าเกินไปแล้ว!”
เพื่อนในกลุ่มแย่งกันพูดไม่หยุด
ฉู่เหิงบอกพวกเขาว่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณพวกนายแล้ว ต่อไปถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลย แต่ตอนนี้ฉันมีธุระ ครั้งหน้าจะเลี้ยงตอบแทนนะ”
“เฮ้อ!”
“เรื่องอะไร ทำไมรีบร้อนขนาดนี้?”
“นายไม่เห็นสีหน้าอาเหิงหรือไง หน้าตาเหมือนจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว”
“ใครไปทำให้เขาโกรธล่ะเนี่ย”
“ไม่รู้สิ”