เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 153 ความผิดพวกเราเอง
บทที่ 153 ความผิดพวกเราเอง
ฉู่เหิงมาถึงตระกูลฉู่ก็ตรงไปยังห้องทำงานของประธานบริษัท หลังจากเข้าไปแล้วเขาก็อธิบายงานในมือของตนที่จะส่งมอบให้คนอื่น
ฉู่เหว่ยฮ่าวปวดหัวจนต้องนวดขมับ “งานของแกมากมายขนาดนี้ แกส่งมอบงานไปทั้งหมด ใครจะรับช่วงต่อจากแกได้?”
ฉู่เหิงบอกว่า “ผมจะไปตามหาแฟนผม”
ฉู่เหว่ยฮ่าวเงียบงัน “…”
เหตุผลนี้ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้จริง ๆ
ฉู่เหว่ยฮ่าวยืนขึ้น เดินไปตรงหน้าลูกชาย มองใบหน้าของอีกฝ่ายโดยละเอียด “เมื่อวานที่ฉันต่อยแกไป เจ็บไหม?”
“ไม่เจ็บครับ”
ฉู่เหว่ยฮ่าวถอนหายใจ “เมื่อวานฉันกับแม่ของแกถามหร่านหร่านแล้ว หร่านหร่านก็ตอบแล้วละ”
ฉู่เหิงจ้องมองพ่อโดยปราศจากความปั่นป่วนในดวงตา
ฉู่เหว่ยฮ่าวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พลางเอ่ยว่า “ตอนนั้นหร่านหร่านยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไร น้องเล่าว่า ก่อนหน้านี้แกเคยบอกกับน้องว่า ชีวิตนี้เธอคือคนที่แกรักที่สุด แต่ในวันเกิดของน้อง แกไม่อยู่ถึงตอนตัดเค้กด้วยซ้ำ ก็วิ่งโร่ไปหาคนอื่นแล้ว”
“น้องไม่พอใจ รู้สึกว่าแกหลอกน้อง คิดว่าผู้หญิงไม่ดีคนนั้นจะแย่งแกไป เพราะฉะนั้นก็เลย…”
“อาเหิงเอ๊ย! ตอนนั้นหร่านหร่านเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก”
“พี่ชายอย่างพวกแกเอ็นดูเธอมาตลอด ทำให้น้องคิดว่าพวกแกเป็นสมบัติส่วนตัวของตัวเอง”
ฉู่เหว่ยฮ่าวพูดจบ ก็มองดูท่าทางของลูกชาย
แต่กลับเห็นว่าฉู่เหิงมีแววตาเรียบเฉย ราวกับว่าฉู่หร่านพูดเหตุผลอะไรออกมา เขาก็ยังโกรธเหมือนเดิม
ฉู่เหว่ยฮ่าวถอนหายใจ “แกจะเจ้าคิดเจ้าแค้นกับหร่านหร่านในตอนนั้นไปทำไม? เพราะเธอรู้สึกผิด ก็เลยเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของแกมาตลอด ถึงได้รีบร้อนพากู่ชิวอิ่งมาแนะนำให้แกรู้จัก”
มุมปากของฉู่เหิงกระตุกเบา ๆ “นอกจากคำพูดพวกนี้ เธอได้พูดอะไรอีกไหมครับ?”
ฉู่เหว่ยฮ่าวครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า
ฉู่เหิงถามว่า “ฉู่หร่านได้พูดขอโทษผมบ้างไหม?”
ฉู่เหว่ยฮ่าวเงียบไป “…”
“ถ้าเธอคิดได้ว่าตัวเองผิดจริง ทำไมแม้แต่คำขอโทษยังไม่ยอมพูด? แล้วยังให้พ่อเป็นคนมาพูดกับผมแทนอีก!”
ฉู่เหว่ยฮ่าวแก้ตัวให้ฉู่หร่านโดยไม่รู้ตัว “เพราะกลัวว่าแกจะโกรธไม่ใช่หรือไง เมื่อวานแกทำเธอตกใจนะ”
ฉู่เหิงแค่นเสียงหัวเราะออกมา มันแฝงไปด้วยความประชดประชันอยู่หลายส่วน
เขาส่ายหน้าช้า ๆ ไม่รู้ว่าเพราะผิดหวังในตัวฉู่หร่าน ผิดหวังในตัวพ่อแม่ หรือผิดหวังตัวตนในอดีตของตัวเองกันแน่
“พ่อครับ เรื่องที่บริษัทส่งต่อให้พ่อแล้วกันนะครับ” เขาหันหลังเดินออกไป เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู ฉู่เหิงก็หยุดฝีเท้าลง เขาหันหลังอยู่แบบนั้นและพูดกับพ่อของตนว่า “พ่อครับ พ่อคิดว่าเรื่องพวกนี้ที่หร่านหร่านทำไม่ผิดจริง ๆ เหรอครับ?”
“ถ้าเรื่องพวกนี้เป็นฝีมือของลูกบ้านอื่น พ่อก็จะคิดแบบนี้ใช่ไหมครับ?”
“หรือแค่เพราะเธอคือฉู่หร่าน เพราะเธอเป็นลูกสาวของตระกูลฉู่ เป็นลูกสาวของพ่อ เป็นน้องสาวของผม พวกเราเลยต้องรักเธอโดยไม่มีข้อแม้”
“หรือว่า คนที่ผิดไม่ใช่ฉู่หร่าน แต่เป็นพวกเรา”
“เพราะพวกเราให้ท้าย… เลยทำให้ฉู่หร่านกลายเป็นฉู่หร่านอย่างทุกวันนี้”
…
“ข่าวล่าสุดทางด้านการเงินและธุรกิจ ผู้จัดการใหญ่ของฉู่กรุ๊ปลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการใหญ่เมื่อสองวันที่ผ่านมา คำตอบปัจจุบันที่ได้จากฉู่กรุ๊ปคือ ฉู่เหิงมีปัญหาส่วนตัวที่ต้องแก้ไข”
“จากการคาดเดาของคนในแวดวงธุรกิจ ฉู่เหว่ยฮ่าวอายุมากแล้ว ตระกูลฉู่มีลูกชายสามคน ลูกสาวหนึ่งคน เป็นไปได้ที่จะมีคนมาสืบทอดฉู่กรุ๊ปแทน”
“การที่ฉู่เหิงออกจากฉู่กรุ๊ปในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่ามีการแก่งแย่งภายในตระกูลฉู่ และฉู่เหิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”
ในโทรทัศน์กำลังถ่ายทอดสดข่าวเศรษฐกิจ ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงกำลังวิเคราะห์การลาออกของฉู่เหิงกันอย่างจริงจัง
พูดตั้งแต่สิ่งที่ทำให้ฉู่กรุ๊ปร่ำรวย แนะนำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของฉู่เหิง และแนะนำสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของตระกูลฉู่
เฉิงยวนเห็นแล้วก็ทำตาโต เธอหันไปมองฉู่ลั่ว “ถ้าไม่ใช่เพราะรู้อยู่แล้ว ว่าฉู่เหิงลาออกเพื่อไปตามหาว่าที่ภรรยา ข้าคงเชื่อไปแล้วนะเนี่ย”
ฉู่ลั่วเหลือบมองผู้เชี่ยวชาญในโทรทัศน์พลางขมวดคิ้ว แล้วเก็บสายตากลับไป “คนคนนี้มีบาปกรรมที่ต้องชดใช้ พวกมีปากเอาไว้พูดมากเฉย ๆ คำพูดของเขาเชื่อไม่ได้สักคำเดียว”
เฉิงยวนสบถ “จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง! ดูจากหน้าเขาก็นึกว่าเป็นบัณฑิตเสียอีก”
ผู้เชี่ยวชาญในโทรทัศน์มีใบหน้ากลม ประดับด้วยรอยยิ้มเหมือนปัญญาชน
ฉู่ลั่วเอ่ย “ใบหน้าของเขากลมและจมูกของเขาก็สั้น แสดงให้เห็นว่าเขาชอบเล่าเรื่องให้ใหญ่โตเกินความจริง ริมฝีปากบาง หูเล็ก แต่โหนกแก้มนูนออกมา ชี้ให้เห็นว่าคนคนนี้เป็นพวกชอบแสดง เพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยพวกเขาก็ละทิ้งหลักการไปหมดแล้ว”
ระหว่างฟัง เฉิงยวนก็มองผู้เชี่ยวชาญในโทรทัศน์อีกครั้ง แล้วพยักหน้า “เจ้าพูดถูก ดูเป็นแบบนั้นจริงด้วย”
กริ๊ง!
ขณะที่กำลังพูด เสียงกริ่งที่ประตูบ้านก็ดังขึ้น