เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 156 รักบ้างไหม
บทที่ 156 รักบ้างไหม
ปลายลิ้นตวัดอยู่กลางอากาศ
สีหน้าของจิ่งเจียเหยียนบิดเบี้ยวด้วยความโลภ “มีแค่ฉัน ที่คู่ควรกับใบหน้านี้”
เธอค่อย ๆ ก้มหน้าลง ตอนที่ปลายลิ้นกำลังจะแตะเข้ากับใบหน้าของฉู่ลั่ว ทันใดนั้นเอง ฉู่ลั่วที่นอนหลับตามาตลอด ก็ลืมตาขึ้น
จิ่งเจียเหยียน “…!?”
ดวงตาอสรพิษกะพริบถี่ “ทำไมเธอไม่สลบ”
“มนตร์เสน่ห์ใช้กับฉันไม่ได้ผล ฉันมี… ยันต์” เมื่อพูดคำว่ายันต์ออกมา ยันต์แผ่นหนึ่งก็ลอยเข้ามา
จิ่งเจียเหยียนหลบอย่างว่องไว เธอกวาดมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย “คิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”
ท่อนล่างของกระโปรงนอนสั่นไหวอย่างแรง หางงูสีดำโผล่ออกมาเลื่อยไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว
หางงูพุ่งเข้าโจมตีฉู่ลั่ว แต่กลับหยุดชะงักไปกลางอากาศ
“เธอ…”
จิ่งเจียเหยียนมองฉู่ลั่วอย่างไม่เชื่อสายตา “เธอหยุดยั้งฉันไว้ได้ยังไง เธอไม่ใช่คนธรรมดาหรอกเหรอ?”
“ใครบอกเธอว่าฉันเป็นคนธรรมดา? เธอบำเพ็ญมาหลายร้อยปีได้ราบรื่นเกินไปใช่ไหม! ขนาดกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญยังสัมผัสไม่ได้”
เดิมทีฉู่ลั่วคิดว่าปีศาจอย่างจิ่งเจียเหยียนเห็นเธอแล้ว ก็จะกลัวจนวิ่งหนีไป
ใครจะไปคิดว่าจิ่งเจียเหยียนไม่เพียงแต่ไม่กลัว แต่ยังคิดจะเอาเนื้อหนังของเธอไปด้วย
ใจกล้ามาก… แต่ความรู้น้อยไปหน่อย
แบบนี้ก็ดี ช่วยย่นเวลาของเธอไปได้มาก
งูสวาทได้ยินคำว่าผู้บำเพ็ญ ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นทันที “เธอ… เธอเป็นผู้บำเพ็ญเหรอ? โกหกให้น้อยหน่อยเถอะ! พี่น้องของฉันบอกว่า ผู้บำเพ็ญมีแต่คนอายุมากทั้งนั้น หากไม่สวมชุดนักพรต ก็หัวล้าน”
“มีผู้บำเพ็ญที่ทั้งสวยและอายุน้อยอย่างเธอที่ไหนกัน?”
“อายุน้อยแถมยังสวยขนาดนี้ ไม่มีวิธีดิ้นรนหาเงินเหรอ ถึงต้องมาบำเพ็ญ?”
จิ่งเจียเหยียนไม่เชื่อ
ฉู่ลั่วหัวเราะเบา ๆ “ฉันใช่หรือไม่ใช่ เธอลองดูเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”
เด็กสาวขยับมือครั้งเดียว ยันต์สี่แผ่นก็ลอยไปล้อมทั้งสี่ด้านของงูสวาททันที วินาทีต่อมา แสงสีทองทั้งสี่สายก็ล้อมไว้แล้วกลายเป็นกรงอันหนึ่ง กักขังนังงูพิษไว้ข้างใน
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากรงแสงสีทองหดเล็กลง
หางงูของงูสวาทโจมตีแสงสีทองนั้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ได้ผล
ได้แต่ปล่อยให้แสงสีทองกลายเป็นเชือกรัดเธอเอาไว้
“แก… แก…”
ฉู่ลั่วมองจิ่งเจียเหยียนที่ล้มลงบนพื้น ก่อนจะหันไปทางระเบียงแล้วพูดว่า “ออกมาเถอะค่ะ!”
คนตระกูลซ่งทั้งสามคนเดินออกมา
ซ่งอวิ๋นชิงกับฉิงจื่อฉิงมองแฟนลูกชายด้วยความรู้สึกยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
ใบหน้ายังคงเดิม แต่ขากลายเป็นหางไปแล้ว
ฉิงจื่อฉิงหันหน้าหนีอย่างค่อนข้างหวาดกลัว “บนโลกนี้มีปีศาจอยู่จริงเหรอ?”
ฉู่ลั่วเอ่ย “วิทยาศาสตร์ของมนุษย์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมในการดำรงอยู่ของปีศาจถูกจำกัดให้น้อยลงมาก นอกจากปีศาจที่เกิดมาตามธรรมชาติแล้ว พวกที่กลายร่างไปเป็นปีศาจก็มีน้อยมาก”
“งูสวาทตนนี้เกิดมาพร้อมสติปัญญาตามธรรมชาติ มีวาสนาได้อาศัยอยู่ในหุบเขาลึกและป่าโบราณเป็นเวลาหลายร้อยปีโดยบังเอิญ ถึงบำเพ็ญจนกลายร่างเป็นมนุษย์ได้”
งูสวาทจิ่งเจียเหยียนมีสีหน้าสงสัย “เธอรู้ที่มาของฉันได้ยังไง?”
ฉู่ลั่วเหลือบมองเธอ “มนตร์คาถาที่เธอใช้ถูกถ่ายทอดผ่านทางพุทธศาสนายังไงล่ะ เมื่อก่อนตอนที่เธอบำเพ็ญ คงเคยได้ยินเพลงสันสกฤตมาก่อนใช่ไหม”
จิ่งเจียเหยียนเงียบงัน “…”
ฉู่ลั่วเอ่ย “หากเธอบำเพ็ญไปเงียบ ๆ วันข้างหน้าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างมาก น่าเสียดาย…”
“น่าเสียดายอะไร! ไม่น่าเสียดายเลยสักนิด! ประสบความสำเร็จใหญ่หลวงแล้วยังไง? จะทำให้ขึ้นสวรรค์ได้เหรอ? บนโลกนี้ไม่มีผู้บรรลุเซียนมานานเกินพันปีแล้ว”
“อีกอย่าง โลกมนุษย์สนุกขนาดนี้ สนุกกว่าโลกมนุษย์ในสมัยก่อนมากด้วย ฉันไม่อยากขึ้นสวรรค์หรอกนะ”
“ฉันอยากท่องไปในโลกมนุษย์”
“อยากเล่นสนุกแบบไหน ก็เล่นสนุกแบบนั้น!”
ซ่งจือหนานที่เงียบมาตลอดตกใจ “ผมเองก็เป็นแค่คู่รักที่คุณเอาไว้เล่นสนุกเหรอ? เจียเหยียน คุณบอกผมมาว่าใช่หรือเปล่า คุณรักผม คุณต้องรักผมแน่ ๆ ใช่ไหม?”
จิ่งเจียเหยียนไม่ปริปาก “…”
เธอหันหน้าหนีเงียบ ๆ ในแววตามีความรู้สึกผิด