เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 163 ไม่อยากออกบวช
บทที่ 163 ไม่อยากออกบวช
ซุนหย่าจิ้งแข้งขาอ่อน เกือบจะล้มลงไปบนพื้น แต่ได้จิ่งเจียเหยียนช่วยประคองไว้
เธอมองฉู่ลั่วตัวสั่นเทา “ท่านเทพธิดา ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย ฉันยังไม่อยากตาย!”
จิ่งเจียเหยียนก็เอ่ยขอร้องฉู่ลั่ว “นายท่านคะ ช่วยหย่าจิ้งเถอะค่ะ! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ!”
ซ่งจือหนานกรอกตา “…”
ตรรกะของปีศาจนี่มัน…
ทั้งที่หว่านเสน่ห์คนไปทั่วจนเกือบจะต้องตาย ยังพูดว่าไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?
“ท่านเทพธิดา ขอแค่คุณยอมช่วยฉัน ฉันจะเอาเงินทั้งหมดที่เหลืออยู่ยกให้คุณเลยค่ะ”
ฉู่ลั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน”
ใบหน้าของซุนหย่าจิ้งซีดขาวราวกับกระดาษ
ฉู่ลั่วถามระบบผ่านความคิดว่า
‘ฉันมีข้อเสนออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะได้รับค่าพลังโชคชะตาหรือเปล่า’
[ข้อเสนออะไร?]
เธอเอ่ยความคิดของตัวเองออกมา
ระบบลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
[สถานการ์แบบนี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน นายหญิงลองทำดูได้]
ฉู่ลั่วบอกกับซุนหย่าจิ้งว่า “ศีลธรรมของเธอเสื่อมทราม หากต้องการรักษาชีวิตเอาไว้ จำเป็นต้องสั่งสมบุญบารมี”
ซุนหย่าจิ้งได้ยินก็มีสีหน้าอยากจะร้องไห้ จากนั้นก็ร้องออกมาจริง ๆ “ฉันไม่อยากออกบวช ฉันไม่อยากกินมังสวิรัติ ฉันไม่อยากบำเพ็ญตนด้วยค่ะ”
ฉู่ลั่วเอ่ย “ไม่ต้องออกบวช และไม่ต้องบำเพ็ญตน ชีวิตของเธอจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากตอนนี้ แต่ห้ามหว่านเสน่ห์ไปทั่วอีกก็พอ”
ซุนหย่าจิ้งรีบยืดตัวตรงทันที “ถ้าอย่างนั้นท่านเทพธิดาบอกมาเลยค่ะ ฉันต้องทำให้ได้เลย”
ฉู่ลั่วเอ่ยช้า ๆ ว่า “ไลฟ์สตรีม…”
“ไลฟ์สตรีม ฉันเหรอคะ? ไลฟ์สตรีมอะไรคะ?”
ฉู่ลั่วอธิบายต่อ “ศีลธรรมของเธอเสื่อม เพราะเธอใช้เสน่ห์ของตัวเองไปทำลายการแต่งงานของคนอื่น ตอนนี้หากอยากสั่งสมบุญบารมี ก็มีแต่ต้องทำให้คนอื่นสมหวังในความรักเท่านั้น”
ซุนหย่าจิ้งสีหน้างุนงง ก่อนกะพริบตาถี่ ๆ “ท่านเทพธิดาหมายถึง…”
“ไลฟ์สตรีม ช่วยให้คนได้แต่งงานกัน”
ซุนหย่าจิ้งอึ้ง
ทำให้คนได้แต่งงานกัน… ยังไง?
หลังจากได้ฟังคำพูดของฉู่ลั่ว เธอก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ถ้าอย่างนั้นกลับไปฉันจะลองดูค่ะ แต่แบบนี้มันจะได้ผลจริงเหรอคะ?”
เธอจากไปทั้งที่ในหัวยังเต็มไปด้วยความสงสัย
…
สองวันต่อมา ซุนหย่าจิ้งมาหาฉู่ลั่วที่บ้านด้วยสีหน้าขุ่นเคือง พร้อมพูดอย่างใส่อารมณ์ว่า “ท่านเทพธิดา เปลี่ยนวิธีสั่งสมบุญบารมีให้ฉันเถอะค่ะ! ฉัน…”
“ฉันไม่เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย ฉันสอนวิธีอ่อยผู้ชายให้ทีละขั้นตอนจนแทบจะจับมือทำ ตั้งแต่วิธีการพูดคุย การแต่งตัว แต่งหน้า ฉันใส่ใจยิ่งกว่าแม่ยัยนั่นอีก สุดท้ายเป็นยังไงรู้ไหมคะ?”
ซุนหย่าจิ้งตบโต๊ะ “เธอสวมกระโปรงที่ฉับบอกให้เธอสวมก็จริงค่ะ แต่กลับวิ่งไปหาพ่อเทพบุตรที่เป็นนักศึกษาคณะเกษตร ไปช่วยหนุ่มหล่อเขาถางหญ้า”
“เธอสวมกระโปรงสีขาวนะ! รองเท้าส้นสูงด้วยนะ! แถมยังแต่งหน้าสวยขนาดนั้นเชียวนะ!”
“วิ่งแบกเสียมไปถางหญ้าไม่พอ ยังบอกอีกว่าหนุ่มหล่อเป็นเด็กในเมือง ไม่รู้วิธีถางหญ้าเอง!”
ขณะที่กำลังพูด เสียงโทรศัพท์ของซุนหย่าจิ้งก็ดังขึ้นมา
เธอเหลือบมอง แล้วรับสายด้วยความโกรธ “อะไร?”
“อย่า… อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์ เธอต่างหากเป็นอาจารย์ตัวเอง โอเคไหม!” ซุนหย่าจิ้งโกรธจนไม่เหลือคราบความอ่อนโยนเหมือนเวลาปกติ เธอตบโต๊ะ “ฉันบอกให้เธอฟังชัดเจนแจ่มแจ้ง! ฉันสอนแม้กระทั่งคำพูดที่ต้องใช้พูดกับเขาทีละคำทีละประโยค เธอสัญญากับฉันเอาไว้ว่ายังไง?”
“เธอบอกมา ครั้งนี้เธอไม่ได้ผิดพลาดใช่ไหม?”
อีกฝ่ายรอจนซุนหย่าจิ้งพูดจบ ถึงพูดขึ้นว่า “แต่อาจารย์คะ ฉันโทรมาเพื่อขอบคุณคุณนะคะ! เมื่อกี้เขาเพิ่งสารภาพรักกับฉัน เขาบอกว่าฉันพิเศษมาก ทั้งที่สวยขนาดนี้ แต่กลับไม่กลัวเปื้อน แถมยังกำจัดวัชพืชเก่งกว่าเขาอีก”
“ฉันเล่าเรื่องที่ฉันหาอาจารย์มาช่วยสอนจีบเขาให้เขาฟัง เขาก็ไม่โกรธเลยสักนิดค่ะ บอกให้ฉันโทรหาคุณ เพราะเขาอยากขอบคุณคุณค่ะ”
พูดแล้วอีกฝ่ายก็ส่งโทรศัพท์ไปให้เขา
“สวัสดีครับอาจารย์ ผมชื่อเฉิงหัว ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับผู้หญิงที่ดีอย่างเหมียนเหมียนนะครับ ผมพูดไม่เก่ง และไม่รู้ว่าสานสัมพันธ์กับผู้หญิงยังไง ปกติเอาแต่ขลุกอยู่ในแปลงทดลอง”
ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างเขินอาย “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้คบกับคนน่ารักอย่างเหมียนเหมียน ขอบคุณอาจารย์นะครับ ในอนาคตถ้าพวกเราแต่งงานกัน อาจารย์ก็จะเป็นแม่สื่อของผมกับเหมียนเหมียน ผมจะต้องส่งการ์ดแต่งงานกับอั่งเปาสำหรับแม่สื่อไปให้คุณแน่นอนครับ”
ซุนหย่าจิ้งเงียบงันไปพักหนึ่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก พลางพูดแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็คบกันดี ๆ นะ”