เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 174 คำสาปผนึกวาจา
บทที่ 174 คำสาปผนึกวาจา
ฉู่ลั่วหลับตาลง เอนตัวพิงพนักเบาะ “ฉันรู้แล้ว”
[รู้แล้วทำไมคุณยังมากับเขาอีก]
เธอตอบ “ฉันจะไปดูสถานการณ์ก่อน”
สถานการณ์ของกัวห่าวพิเศษมาก พวกฉินเหว่ยจึงพาเธอมาสอบสวนที่ตี้จิง
กัวห่าวเป็นผู้หญิงอายุสามสิบต้น ๆ ที่ดูมีเสน่ห์มาก แต่เพราะระยะเวลาในการสอบปากคำที่ยาวนานทำให้หน้าตาของเธอดูซีดเซียวไม่น้อย
ฉินเหว่ยเอาเอกสารมาเคาะลงบนโต๊ะ “พวกเราเชิญท่านปรมาจารย์มาแล้ว ให้เธอช่วยดูสถานการณ์ของคุณ หลังจากดูเสร็จแล้ว อะไรที่ควรสารภาพ คุณก็สารภาพออกมาให้หมด”
กัวห่าวเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นฉู่ลั่วเดินเข้ามา ความรู้สึกตื่นเต้นก็หดหายไปทันที ไหล่ของเธอทรุดลง
ฉินเหว่ยเตือน “ทำท่าทางให้มันดี ๆ หน่อย!”
เขาหันไปพูดกับฉู่ลั่วด้วยความเคารพ “ปรมาจารย์ฉู่ เชิญครับ”
ฉู่ลั่วเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้ากัวห่าว
อีกฝ่ายก้มหน้าลงเล็กน้อย มือสองข้างประสานกันไว้บนหัวเข่า ผมเผ้ายุ่งเหยิงมาก
แต่เพราะสายตาของฉู่ลั่วแข็งกร้าวเกินไป เธอจึงต้องเงยหน้าขึ้นมาเพราะทนไม่ไหว “อายุน้อยขนาดนี้ สวยขนาดนี้ นับว่าเป็นปรมาจารย์ได้เหรอ? เธอจะช่วยฉันได้จริงหรือเปล่า?”
“ถ้าพวกคุณอยากแก้ปัญหาจริง ก็ไปเชิญเจ้าอาวาสวัดมังกรขาวมาสิ ตอนนี้มีแค่เขาที่ทำได้”
ฉินเหว่ยไม่พูดอะไร แต่มองไปที่ฉู่ลั่ว
เจ้าอาวาสวัดมังกรขาว… พวกเขาก็เคยคิดจะเชิญมาเหมือนกัน
แต่ท่านตั้งมั่นกับการบำเพ็ญเพียร ไม่ข้องเกี่ยวกับทางโลก
แถมพวกเขาก็ไม่อาจบังคับให้ท่านเจ้าอาวาสมาช่วยได้
ฉู่ลั่วพยักหน้าให้ฉินเหว่ย ทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องสอบสวน
ฉินเหว่ยรีบถาม “เป็นยังไงบ้างครับ?”
“ไม่ใช่คำสาปสัจจะ แต่เป็นคำสาปอีกประเภทหนึ่ง” ฉู่ลั่วขมวดคิ้วแน่น สีหน้าดูเคร่งเครียด
ฉินเหว่ยเอ่ย “แก้ยากมากเหรอครับ?”
“อืม นี่คือคำสาปผนึกวาจา เป็นคำสาปขั้นสูงอย่างหนึ่งของลัทธิเต๋า คำสาปสัจจะเทียบไม่ติดเลย”
คำสาปสัจจะเป็นคำสาบที่คนทั่วไปก็สามารถใช้ได้
แต่คำสาปผนึกวาจา ต้องเป็นผู้บำเพ็ญขั้นสูงของลัทธิเต๋าออกหน้าทำให้เท่านั้น อีกทั้งยังต้องมีพลังวิญญาณสูงเป็นพิเศษถึงจะทำได้
ได้ยินคำอธิบายของฉู่ลั่ว ฉินเหว่ยก็ถามด้วยความกังวลว่า “ถ้าอย่างนั้นจะแก้ได้ไหมครับ?”
ฉู่ลั่วเอ่ย “ถ้าอยากแก้คำสาปผนึกวาจา กุญแจสำคัญไม่ใช่กัวห่าว แต่เป็นคนที่ร่ายคำสาปต่างหาก”
“ต้องใช้กัวห่าวตามหาคนที่ร่ายคำสาป ถึงจะสามารถแก้คำสาปผนึกวาจาบนตัวเธอได้”
คำสาปผนึกวาจาจำเป็นต้องใช้กุญแจ
และกุญแจก็อยู่บนตัวของคนที่ร่ายคาถา
ฉินเหว่ยดวงตาเป็นประกาย “พวกเราจะตามหาอีกฝ่ายเจอเหรอครับ?”
คนคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร!
ฉู่ลั่วเอ่ย “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คนที่สามารถร่ายคำสาปได้มีพลังวิญญาณไม่ธรรมดาแน่นอน แต่อีกฝ่ายเหมือนจะมั่นใจในตัวเองมาก คำสาปผนึกวาจาที่ทิ้งไว้บนตัวกัวห่าวไม่มีร่องรอยของการลบล้างเลย”
เห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจว่าไม่มีใครสามารถถอนคำสาปผนึกวาจาของตนได้
หรือพูดอีกอย่างก็คือ อีกฝ่ายไม่สนใจเลยว่าทางนี้จะใช้คำสาปผนึกวาจาตามหาตัวเองจนพบ
ฉู่ลั่วกลับเข้าไปในห้องสอบสวนอีกครั้ง กัวห่าวมองมาด้วยสายตารังเกียจ “เธออย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย ไปพาเจ้าอาวาสวัดมังกรขาวมาซะ”
เด็กสาวเงียบงัน “…”
เธอเดินไปตรงหน้ากัวห่าวแล้วสร้างผนึกตรงหน้า จากนั้นก็หยิบยันต์ขึ้นมาหนึ่งแผ่น ร่ายคาถาเบา ๆ สองสามประโยค
กัวห่าวที่กำลังคิดจะพูดบางอย่าง ก็เห็นฉู่ลั่วดึงเส้นผมของเธอไปหนึ่งเส้น
“เธอทำอะไร?”
เพิ่งพูดจบ เธอก็มองฉู่ลั่วด้วยแววตาสั่นระริก
ผนเส้นนั้นกลายเป็นหมึกดำลอยไปมาอยู่ในอากาศราวกับน้ำไหล ก่อนจะรวมเข้ากับกระดาษยันต์
ฉู่ลั่วเก็บยันต์มา แล้วปลีกตัวเดินออกไป
ฉินเหว่ยเดินตามเธอมา “พวกเราทางนี้เตรียมพร้อมแล้วครับ”
“ดีค่ะ”
ฉู่ลั่วขึ้นไปบนรถของฉินเหว่ย นั่งอยู่ที่ตำแหน่งข้างคนขับ
[นายหญิง คุณอย่าลืมนะว่าอีกเดี๋ยวคุณต้องทำให้ฮั่วเซียวหมิงฟื้นขึ้นมา ถึงตอนนี้พลังวิญญาณของคุณจะมีมาก แต่จะทำให้มันหายไปตามอำเภอใจไม่ได้]
ฉู่ลั่วเอ่ย “ฉันไม่ได้ใช้มันตามอำเภอใจ”
[คุณลืมแล้วเหรอ? วิญญาณของฮั่วเซียวหมิงไม่เหมือนวิญญาณตนอื่น ถ้าคุณได้รับการยอมรับจากเขา พลังวิญญาณของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล]
เธอไม่ตอบรับอะไร
ระบบร้อนใจมาก
[นายหญิง สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้ คือสั่งสมพลังวิญญาณให้มากเพื่อต่อกรกับฉู่หร่าน]
ฉู่ลั่วไม่พูดอะไร เพียงหยิบยันต์ออกมา แล้วใช้พลังวิญญาณทำให้มันขยับ
ครู่ต่อมายันต์ก็เผาไหม้กลายเป็นควันสีเขียวลอยไปในอากาศ
หลังจากนั้น มันก็ลอยมุ่งไปข้างหน้า
ฉู่ลั่วกล่าว “ตามควันสีเขียวนั่นไป!”
“ครับ!” ฉินเหว่ยกดเครื่องวิทยุสื่อสารแล้วออกคำสั่ง “ตามฉันมา”
รถแล่นฉิวออกไปราวกับหัวลูกศร ควันสีเขียวข้างหน้าเองก็พุ่งตรงไปด้วยความเร็ว
หลังจากฉินเหว่ยขับรถตามควันสีเขียวมาสักพักหนึ่ง ก็พูดด้วยความสงสัยว่า “นี่เหมือนจะมุ่งหน้าไปทางเป่ยเฉิงเลยนะครับ!”