เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 175 รับประกันว่าไม่ตายแน่นอน
บทที่ 175 รับประกันว่าไม่ตายแน่นอน
ณ เมืองเป่ยเฉิง …เมืองที่อยู่ถัดจากเมืองตี้จิง
เมื่อรถขับมาถึงที่นี่ ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง
ฉินเหว่ยเปิดไฟหน้ารถพร้อมถามฉู่ลั่วว่า “ฟ้ามืดแล้ว จะมองเห็นควันสีเขียวนี้ไหมครับ?”
ฉู่ลั่วสะบัดนิ้วเบา ๆ ควันสีเขียวก็กลับเข้ามาอยู่ในตัวรถอีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปอยู่บนหน้าจอนำทางของรถ
เขาเห็นลูกศรนำทางปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“นำทางแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับ?”
“ได้ค่ะ”
ฉินเหว่ยตื่นเต้นมาก “แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่ทำแบบนี้ล่ะครับ”
ฉู่ลั่วเอนตัวพิงเบาะ เธอหลับตาลงเพื่อพักผ่อน “เปลืองพลังวิญญาณค่ะ”
ฉินเหว่ยเงียบงัน “…”
[กว่าคุณจะหาอีกฝ่ายเจอยังยากขนาดนี้ ถ้าเจอตัวจริงเข้า คุณจะสู้เขาได้ใช่ไหม?]
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
[นายหญิง ฟังที่ผมพูดนะ อีกเดี๋ยวถ้าตามหาคนเจอแล้ว คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนลงมือ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกฉินเหว่ย]
เธอกล่าว “ต้องดูสถานการณ์ก่อน”
ทันใดนั้นเสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้นมา “ถึงจุดหมายแล้ว”
“ถึงจุดหมายแล้ว”
“ถึงจุดหมายแล้ว”
หลังเสียงดังขึ้นสามครั้ง ฉินเหว่ยก็จอดรถ
เขาเปิดประตูลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม รถสามคันที่ขับตามหลังมาก็หยุดลงเช่นกัน
คนที่อยู่ในรถควักปืนออกมา มองดูบ้านที่ตั้งอยู่เพียงหลังเดียวบนยอดเขาลูกนี้ซึ่งมีแสงไฟสว่างออกมา
บ้านที่มีกลิ่นอายแบบโบราณหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางขุนเขา
ตัวบ้านได้รับการดูแลเป็นอย่างดี สิงโตหินสองตัวที่อยู่หน้าบ้านถูกเช็ดจนสะอาด บันไดไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่น้อย
แต่ด้านบนของบ้านมีตัวอักษรสีดำทรงพลังติดเอาไว้ ด้านบนเขียนไว้ว่า บ้านพักอู่ชิง
โคมไฟสองอันที่แขวนอยู่ แกว่งไปมาเบา ๆ ตามแรงลม
ทุกอย่างที่นี่ดูสวยงดงามเสียจนน่ากลัว
ตั้งแต่ลงจากรถ เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ไต่ขึ้นมาบนแผ่นหลัง
ฉินเหว่ยกวาดตามองเพื่อนร่วมทีมด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนจะมองไปยังฉู่ลั่วที่อยู่บนรถพลางเอ่ยว่า “พวกเราจะเข้าไปดูสถานการณ์ก่อน”
ฉู่ลั่วขมวดคิ้วมองบ้านพักหลังนั้น จากนั้นจึงเปิดประตูรถเดินลงมา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ฉินเหว่ยถาม “มีอะไรเหรอครับ?”
ฉู่ลั่วขมวดคิ้ว ริมฝีปากอมชมพูเม้มแน่น ทันใดนั้นเธอก็ยื่นมือไปดึงเขาไว้ “พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
เพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงก้องดังออกมาจากในบ้าน
“ในเมื่อมาแล้ว ทำไมจะกลับเสียล่ะ? สหายน้อยตามหาฉันจนเจอ แสดงว่ามีวาสนาต่อกันทำไมไม่เข้ามาพูดคุยกันสักหน่อย”
ฉินเหว่ยรีบเข้ามาบังฉู่ลั่วเอาไว้ “จะไปก็ไปด้วยกัน”
เสียงนั้นเหมือนจะดังออกมาจากข้างในบ้าน แต่กลับชัดเจนราวกับมีบางอย่างที่มองไม่เห็นมากระซิบอยู่ข้างหู
“ฉันเชิญแค่สหายน้อยคนเดียว”
ฉินเหว่ยหัวเราะเย็นชา “นายกำลังฝ่าฝืนกฎหมาย พวกเรามาจับกุมนาย หรือว่านายคิดจะขัดขวางพวกเราอย่างนั้นเหรอ?”
เขาโบกมือ คนจำนวนหนึ่งวิ่งเข้าไปที่หน้าประตูบ้านอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่หลายนายออกแรงผลักประตูใหญ่ออก แต่ประตูบานใหญ่ที่ทั้งหนาและหนักกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ฉินเหว่ยชี้ไปที่กำแพงบ้าน
เจ้าหน้าที่ในทีมที่ร่างกายแข็งแรงกำยำคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนกำแพงบ้าน ใครจะรู้ว่าตอนที่เขากำลังจะกระโดดเข้าไปข้างใน กลับลื่นตกลงมาจากกำแพงบ้าน
เจ้าหน้าที่ในทีมอีกคนเห็นเหตุการณ์แบบนั้น ก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงอีกครั้งโดยไม่เชื่อเรื่องโชคร้าย
แต่เหมือนกับคนแรก พอปีนขึ้นไปบนกำแพงได้ ก็ตกลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ฉินเหว่ยเงียบ
เขาถอนหายใจ มือลูบไปที่ปืน ก่อนจะพยักหน้าไปทางประตู
เจ้าหน้าที่หลายนายที่ยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ ควักปืนออกมา เตรียมจะยิง
ทันใดนั้นเอง ก็มีลมหนาวเย็นพัดเข้ามาสายหนึ่ง หลายคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ต่างก็หันปืนไปหาเพื่อนร่วมทีมของตน
ขณะที่พวกเขากำลังจะเหนี่ยวไก ฉู่ลั่วก็โบกมือหนึ่งครั้ง ยันต์สิบกว่าแผ่นลอยออกมาจากมือของเธออย่างรวดเร็ว
หลายคนที่กำลังสับสนมึนงงได้สติกลับมา พวกเขามองมือปืนสลับกับท่าทางของเพื่อนร่วมทีม ก็พากันหน้าซีด แล้วรีบเก็บปืนอย่างรวดเร็ว
พวกเขารีบถอยกลับทันที
“หัวหน้าทีมฉิน เรื่องนี้หนักหนากว่าที่พวกเราคิดไว้ซะอีก”
ฉินเหว่ยมองฉู่ลั่ว
เด็กสาวสีหน้าเรียบเฉย หันมาพูดกับเขาว่า “ฉันจะเข้าไปคนเดียวค่ะ พวกคุณรออยู่ข้างนอก”
ฉินเหว่ยจับแขนเธอไว้ แล้วถามว่า “คุณสู้กับคนที่อยู่ข้างในไหวไหม?”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ต้องเข้าไปดูก่อนถึงจะรู้แน่ชัด”
“ถ้าอย่างนั้นอย่าเข้าไปเลย” ฉินเหว่ยจับมือเธอ “จับกุมตัวผู้กระทำผิดเป็นหน้าที่ของพวกเรา จะให้คุณมาเสี่ยงไม่ได้”
ฉู่ลั่วดึงมือตัวเองออก “เขาใช้วิชาของลัทธิเต๋าทำร้ายคน ฉันในฐานะคนในลัทธิเต๋า ก็มีภาระและหน้าที่ที่ต้องเข้าไปพบเขาเหมือนกัน”
เห็นฉินเหว่ยที่ไม่เห็นด้วย เธอก็พูดพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ฉันไม่รับประกันว่าตัวเองจะเอาชนะเขาได้หรือเปล่า แต่ฉันรับรองได้ว่าตัวเองจะไม่ตายแน่นอน”
ฉินเหว่ยเงียบงัน “…”
คำพูดแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการรับประกันอะไรไม่ได้เลย!