เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 176 ไม่เจียมตัว
บทที่ 176 ไม่เจียมตัว
เขามองฉู่ลั่วเดินไปหน้าประตูทีละก้าว ๆ ประตูไม้สองบานที่ตอนแรกปิดสนิทค่อย ๆ เปิดออก
ฉินเหว่ยมองเห็นเพียงโคมไฟสองอันลอยอยู่กลางอากาศ กำลังนำทางเด็กสาวเข้าไป
น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่สั่น “หัวหน้าทีมฉิน เมื่อกี้คุณเห็นไหมครับ? โคมไฟมัน… ลอยอยู่กลางอากาศ”
พวกเขาเคยเห็นคนโชกไปด้วยเลือด และเคยเห็นคนที่ชั่วร้ายมามากมาย แต่ภาพที่เห็นเมื่อสักครู่นี้กลับทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ฉินเหว่ยกลับทำหน้าเฉยเมย “เห็นแล้ว มีอะไรน่ากลัวเหรอ”
เจ้าหน้าที่ในทีมพูดไม่ออก
ฉินเหว่ยจ้องเขม็งไปที่บ้านที่ลึกและเงียบงันหลังนั้น พลางกำมือแน่น
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไร้ความสามารถ คงไม่ต้องให้เด็กสาวคนเดียวไปเสี่ยงอันตราย
ภายในบ้าน หญิงสาวสองคนในชุดโบราณสีเขียวอ่อนถือโคมไฟเอาไว้ และนำทางฉู่ลั่วเข้าไป
ฉู่ลั่วมองดูรอบบ้านหลังนี้
การแกะสลักและการทาสีทุกพื้นที่ในบ้านสวยงามวิจิตรมาก
แต่ทุกพื้นที่ก็ให้ความรู้สึกอึมครึมและแปลกประหลาดเช่นกัน
ภาพวาดเขาเหลียงซานไม่มีรูปทิวทัศน์ แต่เป็นเหล่าวิญญาณรูปร่างหน้าตาน่ากลัวหลายตน
รูปลักษณ์และสีหน้าเหมือนจริงเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินผ่านทางเดินทอดยาว ตอนเดินอ้อมผ่านสวนดอกไม้ ฉู่ลั่วสวนดอกไม้แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ต้นไม้แน่นขนัด
“นายท่าน คนมาแล้วเจ้าค่ะ”
ที่หน้าศาลาในสวนซึ่งมีผ้าม่านบาง ๆ พลิ้วไสว เสียงของหญิงสาวสวยในชุดโบราณดังขึ้น
“เข้ามาสิ!”
“เชิญเจ้าค่ะ”
สาวงามหยุดอยู่ที่เดิม ฉู่ลั่วมองใบหน้าที่เป็นสีดำขาว ม่านตาหดเล็ก กับรอยยิ้มแปลกประหลาด
นี่คือผีที่ถูกจองจำเอาไว้
ผีตนนั้นเห็นฉู่ลั่วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ในดวงตาซ่อนความกระหายเลือดเอาไว้ไม่มิด
ฉู่ลั่วเมินเฉยและเดินเข้าไปข้างในศาลา
ที่นี่มีชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีขาวนั่งพิงเก้าอี้ ในมือกำลังโบกพัด ผมยาวถูกรวบไปไว้ข้างหลัง ท่าทางภายนอกดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญ
ชั่วขณะหนึ่ง ฉู่ลั่วคิดว่าตนเองโผล่มายังยุคสมัยราชวงศ์จิ้น
“สหายน้อย เชิญนั่งสิ”
ฉู่ลั่วนั่งลง ชายคนนั้นตัวตรง ก่อนจะยืนขึ้นเดินเท้าเปล่ามาอยู่ตรงหน้าฉู่ลั่ว พลางรินชาให้เธอด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชาฟุ้งไปทั่ว
“ชาหลงจิ่งแท้ที่เก็บก่อนฝนแรก ใช้วิธีชงแบบโบราณ กลิ่นหอมเข้มข้น เครื่องชงชาทำแบบนี้ไม่ได้”
ฉู่ลั่วยกชาขึ้นจิบหนึ่งอึก แล้ววางลง “ฉันไม่รู้เรื่องชา และชงไม่เป็นด้วย”
ชายคนนั้นยิ้มจาง ๆ ใบหน้าของเขาดูดีมาก ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเป็นผู้บำเพ็ญ กลับกันเขาดูเหมือนปัญญาชนมากกว่า ท่าทางของเขาสง่างามแต่ก็แฝงไปด้วยความดื้อรั้น
“สหายน้อยน่าสนใจจริง ๆ ฉันคือโม่เฉิง สหายน้อยสนใจอยู่ที่นี่ เพื่อบำเพ็ญด้วยกันหรือไม่?”
โม่เฉิงยกมือขึ้น นิ้วราวกับหยกขาวเชยคางเด็กสาวขึ้นเล็กน้อย “ใบหน้านี้ สมบูรณ์แบบ”
ฉู่ลั่วหันหน้าหนีจากนิ้วนั้น “ฉันไม่สนใจค่ะ”
“แต่ถ้าฉันต้องการให้สหายน้อยอยู่ต่อล่ะ?” โม่เฉิงยิ้มพลางเอ่ยว่า “รอบตัวของสหายน้อยเต็มไปด้วยความหดหู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับความรักจากครอบครัว ไม่มีสามีและบุตร ต้องโดดเดี่ยวไปชั่วชีวิตอย่างไม่อาจเลี่ยง”
“มาอยู่กับฉัน ก็จะสามารถสลัดดวงชะตาไร้ที่พึ่งออกไปได้ ทั้งยังได้ ‘บำเพ็ญคู่’ กับฉัน นี่ไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายหรอกเหรอ!”
โม่เฉิงยื่นมือออกมา ดึงชุดคลุมหลวม ๆ ขึ้น เผยเรือนร่างทั้งหมดออกมาต่อหน้าฉู่ลั่ว
“ใบหน้าของฉัน ร่างกายของฉัน มีส่วนไหนที่เธอไม่พอใจเหรอ?”
ฉู่ลั่วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากยกขึ้น “ดูเหมือนร่างจริงจะน่าเกลียดจนให้ใครเห็นไม่ได้ ถึงได้ขโมยกายเนื้อคนอื่นมาแบบนี้”
โม่เฉิงสีหน้ามืดมน หันไปมองเด็กสาวด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ
ฉู่ลั่วลุกขึ้นยืน “ถ้าฉันคาดเดาไว้ไม่ผิด กุญแจปลดผนึกวาจาคงอยู่บนตัวของคุณ”
เธอยื่นมือออกไป แล้วตะครุบเขาเอาไว้อย่างไร้ความปรานี
โม่เฉิงเอี้ยวตัวหลบ หยิบเสื้อคลุมที่อยู่บนพื้นขึ้นมาสวม “ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ แต่จะดื่มสุราลงทัณฑ์ ถ้าอย่างนั้นฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้เธอเอง”
“นังคนไม่เจียมตัว!”
โม่เฉิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะขึ้นไปอยู่บนยอดศาลา เขาโบกมือหนึ่งครั้ง ศาลาทั้งหลังก็มืดลง
พลังงานหยินจำนวนมากลอยเข้ารวมกันที่นี่