เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 198 เดรัจฉานก็คือเดรัจฉาน
อิ่นซานกระซิบถาม “ท่านปรมาจารย์ เป็นอะไรไปเหรอครับ?”
ฉู่ลั่วเหลือบมองผีสาว ก่อนจะส่ายหน้าให้ผู้กำกับอิ่น
อิ่นซานพูดกับคนเขียนบทว่า “ฉันกับท่านปรมาจารย์จะออกไปคุยกันสักหน่อย เธอก็คุยกับเหิงหว่านไป๋แล้วกัน ให้เธอพยายามสงบสติอารมณ์ลงบ้าง”
อิ่นซานตามฉู่ลั่วออกมานอกห้องพัก เมื่อมาถึงตรงสถานที่ถ่ายทำ เขาก็สอบถามด้วยความกังวลว่า “ปรมาจารย์ฉู่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
มือของฉู่ลั่ววางบนหน้าจอมอนิเตอร์พลางใช้นิ้วเคาะเบา ๆ “ก่อนที่พวกคุณจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเหิงหว่านไป๋ ในกองถ่ายก็เคยเกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้นหลายครั้งแล้วใช่ไหมคะ?”
อิ่นซานพยักหน้า “นักแสดงชายตกน้ำ นักศึกษาฝึกงานได้รับบาดเจ็บ แล้วก็เงาผู้หญิงในกระจกครับ…”
พูดไปพูดมา น้ำเสียงของอิ่นซานก็เริ่มเบาลง
เขาเบิกตากว้างมองฉู่ลั่ว แล้วรีบหันไปมองที่ห้องพักด้วยหัวใจเต้นรัว “ที่เหิงหว่านไป๋พูดเมื่อกี้ เธอบอกว่าตัวเองอยู่ในจอมาตลอด ไม่เคยออกมาข้างนอกเลยสักครั้ง”
ฉู่ลั่วพยักหน้า
อิ่นซานรีบมองไปรอบตัว แต่ไม่เห็นความผิดปกติอะไร “เธอยังบอกอีกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะท่านปรมาจารย์ เธอก็คงออกมาจากหน้าจอไม่ได้”
ฉู่ลั่วยังคงพยักหน้า
อิ่นซานสูดลมหายใจ เขาเดินไปอยู่ข้างคู่สนทนาอย่างไม่รู้ตัว พลางกลืนน้ำลายไปหลายอึก “ท่านปรมาจารย์…ใช่อย่างที่ผมคิดไหมครับ?”
เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ มองไปยังจุดอับสายตาทุกแห่ง ก่อนจะรีบหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
เทียบกับเหิงหว่านไป๋ เขาคิดว่าสิ่งที่ทำร้ายทีมงานในกองถ่ายน่ากลัวกว่ามาก
ปลายนิ้วของฉู่ลั่วกลับเคาะลงบนหน้าจอมอนิเตอร์เบา ๆ เกิดเป็นเสียงดังก๊อก ๆๆ ขึ้นมา
อิ่นซานมองตามทิศทางของเสียง สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ทันใดนั้นเขาก็สูดลมหายใจเอาอากาศเย็นยะเยือกเข้าปอด “ท่านปรมาจารย์ คุณ… คุณจะบอกว่า… ตัวเครื่องอันนี้มีปัญหาเหรอครับ?”
ฉู่ลั่วเดินไปตรงหน้าตัวเครื่อง อิ่นซานก็เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เขามองหน้าจดมืดสนิทของจอมอนิเตอร์ พลางกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก
“ตัวเครื่องนี้เอามาจากไหนเหรอคะ?”
อิ่นซานลูบตัวเครื่อง “เครื่องเก่าของผมมันพัง นี่เป็นเครื่องใหม่ที่เอาไปเปลี่ยนมาครับ เป็นของมือสอง”
“ท่านปรมาจารย์ ตัวเครื่องมีปัญหาเหรอครับ?”
ฉู่ลั่วเอ่ย “จากมุมมองของคนทั่วไป ชีวิตก่อนของเหิงหว่านไป๋น่าสงสารใช่ไหมคะ?”
อิ่นซานพยักหน้า “น่าสงสารครับ”
เธอถามต่อไปว่า “คนแบบไหนจะเหมือนกับเหิงหว่านไป๋ ที่หลังจากถูกทำร้ายจนตาย แต่กลับไม่มีความคิดจะแก้แค้นแม้แต่นิดเดียว แถมในใจยังคิดถึงแต่ความปรารถนาสุดท้ายที่อยากจะถ่ายหนังให้สำเร็จเพื่อให้พ่อแม่ได้ดู”
อิ่นซานขมวดคิ้วแน่น
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ใบหน้าของคนเขียนบทเต็มไปด้วยความโกรธ “นอกจากพระพุทธเจ้า โลกนี้ก็ไม่มีใครอีกแล้ว”
เธอพุ่งเข้ามา ก่อนจะกระแทกหมัดลงบนตัวเครื่องอย่างแรง
“ต้องเป็นเหลยเฉิงแน่ ต้องเป็นไอเดรัจฉานนั่นแน่นอน!”
เธอเป็นคนเขียนบท บางครั้งถึงจะเขียนบทที่คนดูจำนวนมากคิดว่าเกินจริง แต่เธอรู้ดี บางครั้งชีวิตจริงมันเกินจริงยิ่งกว่าในหนังเสียอีก ทั้งยังโหดร้ายกว่าด้วย
ต้องเป็นนักบุญแบบไหนกัน หลังจากถูกทำลายชีวิตไปแล้วแต่กลับไม่มีความโกรธแค้นเลยสักนิด?
“สัตว์เดรัจฉานก็คือสัตว์เดรัจฉาน ตอนมีชีวิตไม่ยอมปล่อยคนอื่นไป ตายไปแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย”
คนเขียนบทกัดฟัน
อิ่นซานสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ยังเงียบเพราะทำอะไรไม่ได้
ฉู่ลั่วใช้นิ้วเคาะที่ตัวเครื่องเป็นจังหวะ แล้วเอ่ยว่า “เปิดออกเถอะค่ะ! มาดูกันว่าข้างในมีอะไร”
แกร๊ก!
เสียงดังขึ้นในห้องที่ปิดสนิท และตัวเครื่องก็ถูกแกะออก
ภายใต้แสงสว่างจ้า ที่ผนังด้านในตัวเครื่องมีอักขระของลัทธิเต๋าเขียนอยู่ และทั้งหมดถูกเขียนด้วยเลือด
“สามตัวอักษรนี้เป็นคำว่าเหิงหว่านไป๋” คนเขียนบทชี้ไปที่อักขระเต๋าอันสุดท้าย
ชื่ออื่น ๆ ไม่มีใครรู้จัก แต่ชื่อของเหิงหว่านไป๋ พวกเขาทุกคนรู้จักดี
ร่องรอยตัวอักษรสีแดงดำเหล่านี้ ทำให้ผู้พบเห็นกดดันจนจิตใจผวา
“ท่านปรมาจารย์ พวกนี้คือ…”
“คำสาปชำระวิญญาณ” ฉู่ลั่วขมวดคิ้วมองอักขระเต๋าบนผนังของตัวเครื่อง “ทำให้วิญญาณไร้ซึ่งความอาฆาตแค้น เป็นการส่งต่อความโกรธแค้นไปไว้กับเรื่องอื่นแทน”
นิ้วเรียวยาวของเธอแตะลงบนร่องรอยตัวอักษรพร้อมแววตามืดมน
นี่เป็นคำสาปชำระวิญญาณที่เขียนขึ้นโดยผู้บำเพ็ญที่รู้วิชาเต๋าขั้นสูง
“เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เหิงหว่านไป๋อยากหลบซ่อนอยู่ในตัวเครื่อง แต่มีคนกักขังเธอไว้ในตัวเครื่องใช่ไหมครับ” อิ่นซานมองตัวเครื่องด้วยสีหน้าย่ำแย่ ก่อนหัวเราะเยาะตัวเอง “เหิงหว่านไป๋พูดถึงแค่เรื่องราวทั้งหมดที่เหลยเฉิงทำร้ายเธอ แต่กลับไม่พูดถึงผู้กำกับและตากล้องของละครที่มีส่วนในเรื่องนี้เลย มันคืออะไรกันแน่ครับ?”
รองผู้กำกับวนดูรอบตัวเครื่อง “ผู้กำกับอิ่น เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับ… ไหมครับ”
อิ่นซานหัวเราะเย็นชา “คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”