เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 200 ปล่อยให้ผีแก้แค้นไม่ได้ แต่คนเป็นทำได้
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด
- บทที่ 200 ปล่อยให้ผีแก้แค้นไม่ได้ แต่คนเป็นทำได้
ฉู่ลั่วก้มหน้ามองตัวเครื่องที่อยู่บนพื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนเขียนบทที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เหิงหว่านไป๋ตายอย่างไม่เป็นธรรม หลังจากแก้แค้นแล้ว ถ้าความอาฆาตยังไม่หายไป เธอจะทำร้ายคนอีกมากมาย เมื่อไหร่ที่เธอสูญเสียสติ คุณรู้ไหมว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง?”
คนเขียนบทชะงัก “…”
“คุณรับประกันได้ไหมว่าเธอจะแก้แค้นเหลยเฉิงอย่างเดียว?”
อีกฝ่ายพูดไม่ออก“…”
“ถ้าหลังจากเธอแก้แค้นแล้ว เธอก็จะมีหนี้กรรม กลิ่นอายผีจะเข้มข้นขึ้น สติหายไป และทำร้ายคนอื่น คุณรู้หรือเปล่าว่าลัทธิเต๋าจะจัดการกับเธอยังไง?”
ความโกรธของคนเขียนบทค่อย ๆ คลายลง เธอก้มหน้าลงด้วยความเจ็บปวด “ต้องปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอคะ?”
อิ่นซานกับรองผู้กำกับมองหน้ากัน ก่อนจะคอตกอย่างหดหู่ทั้งคู่
ฉู่ลั่วพูดเสียงเย็นชา “ปล่อยให้เหิงหว่านไป๋แก้แค้นไม่ได้”
ทุกคนยิ่งหดหู่มากขึ้นไปอีก
“เหิงหว่านไป๋เป็นวิญญาณ ดังนั้นจึงทำไม่ได้” ฉู่ลั่วพูดเสียงเรียบ “แต่ว่า… คนทำได้”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นขวับ มองฉู่ลั่วด้วยดวงตาเป็นประกาย
ฉู่ลั่วใช้เท้าเตะตัวเครื่องเบา ๆ อีกที “เหิงหว่านไป๋แก้แค้นไม่ได้ แต่พวกคุณช่วยเธอแก้แค้นได้นะคะ”
คนเขียนบทกะพริบตา “แก้แค้นยังไงคะ?”
ฉู่ลั่วถามย้อน “พวกคุณอยากแก้แค้นยังไงล่ะ?”
คนเขียนบทกำหมัดแน่น “ให้ทุกคนที่ทำร้ายเธอได้รับกรรมตามสมควรค่ะ ให้พวกมันสูญเสียทั้งชื่อเสียงและฐานะ ให้พวกมันไม่ตายดี”
อิ่นซานร้องห้าม “อย่าทำให้มันสุดโต่งขนาดนั้น! จะทำให้พวกเขาถึงตายไม่ได้ ยังต้องให้พวกเขามีชีวิตอยู่”
คนเขียนบทถลึงตามองผู้กำกับอย่างไม่พอใจ
อิ่นซานพูดต่ออีกว่า “ให้พวกเขาหมดเนื้อหมดตัว ชื่อเสียงพังพินาศ ถูกผู้คนรังเกียจ ควรให้พวกเขาได้มีชีวิตแบบนี้”
คนเขียนบทกกับรองผู้กำกับมองอิ่นซานด้วยความหวาดกลัว
อิ่นซานทำหน้าไร้เดียงสาและซื่อตรง “ทำไมเหรอ ฉันพูดผิดหรือไง?”
คนเขียนบทยกนิ้วโป้ง “ใช่ ๆๆ นายพูดถูกแล้วละ!”
รองผู้กำกับก็พยักหน้าอย่างแรง “ผู้กำกับอิ่น คุณพูดถูกเลยครับ!”
ฉู่ลั่วนั่งยอง ๆ หยิบผนังของตัวเครื่องขึ้นมา นิ้วของเธอแตะลงบนอักขระเต๋าแผ่วเบา “พวกคุณจัดการเรื่องของพวกคุณไปเถอะค่ะ เรื่องที่เกี่ยวกับแวดวงของฉัน ฉันจะจัดการเอง”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์”
คนเขียนบทขอบตาแดงก่ำ “ฉันขอบคุณท่านปรมาจารย์แทนเหิงหว่านไป๋ค่ะ”
ถ้าไม่ใช่ฉู่ลั่วเตือนไว้ เธอคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากแก้แค้นแล้ว จะส่งผลเสียต่อเหิงหว่านไป๋มากขนาดนั้น
คิดไม่ถึงด้วยว่า… ที่จริงแล้วพวกเธอก็สามารถช่วยเหิงหว่านไป๋แก้แค้นได้
แทนที่จะปล่อยให้พวกเหลยเฉิงตายจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ พวกเขาสามารถแก้แค้นได้มากกว่านั้น
เธอขอบคุณอย่างจริงจังอีกครั้ง “ท่านปรมาจารย์ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
อิ่นซานก็เช่นกัน “ขอบคุณท่านปรมาจารย์ ไม่ใช่สำหรับเหิงหว่านไป๋คนเดียว แต่สำหรับพวกเราด้วยครับ”
หากปล่อยเรื่องนี้เอาไว้แบบนี้ คงสร้างความเสียหายต่อพวกเขาอย่างมาก
พวกฉู่ลั่วกลับมาที่ห้องพัก เหิงหว่านไป๋นั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมมือทั้งสองประสานไว้ด้วยกัน นิ้วมือที่มีเล็บสีดำขยับไปมาอย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาก็ยืนขึ้นทันที เธออยากจะพูดบางอย่าง แต่กลับอดกลั้นเอาไว้
คนเขียนบทรีบเดินเข้าไปหา พร้อมกับตบบ่าผีสาวเป็นการปลอบใจ และบอกว่า “ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น พวกเราแค่ปรึกษากับปรมาจารย์ฉู่ ว่าจะให้เธอกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ แล้วก็ปรึกษากันว่าจะให้กลับคืนสภาพเดิมแบบไหน เธอก็รู้ว่าอิ่นซานจู้จี้จุกจิกกับเรื่องถ่ายทำภาพยนตร์แค่ไหน”
เหิงหว่านไป๋พูดด้วยน้ำเสียงกระด้างว่า “การถ่ายทำคือการทำสิ่งที่ดีแล้วให้ดีขึ้นไปอีก ไม่ใช่ความจู้จี้จุกจิกค่ะ”
คนเขียนบทตีผีสาวเบา ๆ “ฉันกำลังช่วยพูดให้เธออยู่นะ”
เหิงหว่านไป๋รีบขอโทษอีกฝ่ายที่ส่งเสียงไม่พอใจออกมาเบา ๆ
เหิงหว่านไป๋วนไปวนมารอบตัวคนเขียนบท ในขณะที่อิ่นซานกับรองผู้กำกับสบตากัน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉู่ลั่วหยิบยันต์ออกมาส่งให้อิ่นซาน “นี่เป็นยันต์ที่สามารถขับไล่ไอผีบนตัวเธอได้ ถึงตอนนั้นเอาไปติดไว้บนตัวเธอก็ใช้ได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์”