เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 202 ไปสืบมา
เสี่ยวโหยวเก็บความตื่นเต้นบนใบหน้าไม่มิด มือสองข้างถูกันเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้นท่านปรมาจารย์ค่อย ๆ เดินนะคะ ฉัน… ฉันกลับไปทำงานก่อน”
“อืม”
เสี่ยวโหยวหันหน้าไป พริบตาที่สังเกตเห็นฉู่หร่าน รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที “สวัสดีค่ะ”
จากนั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของฉู่หร่านอึมครึม จ้องตามแผ่นหลังของเสี่ยวโหยวที่เดินจากไปเขม็ง สีหน้าอึมครึมนั้นถึงค่อย ๆ หายไป
เธอค่อย ๆ เก็บสายตากลับมาหาน้องสาว เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของฉู่ลั่ว มุมปากก็ยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว เผยให้เห็นรอยยิ้มหวานและงดงาม “ที่แท้ลั่วลั่วก็ไม่ได้มาแคสติงจริงด้วย? ถ้าอย่างนั้นเธอมาทำอะไร ฉันเห็นคนของกองผู้กำกับอิ่นดูเคารพเธอมากเลยนี่”
“ความลับ”
ฉู่หร่านยิ้มค้าง “…”
ฉู่ลั่วพูดจบก็หันหลังเดินออกมา
ฉู่หร่านเองก็หันหน้ามาอีกทาง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที ริมผีปากเม้มเป็นเส้นตรง สายตาเย็นชามองไปทางที่อีกฝ่ายเดินจากไป
“พี่หร่าน คนนี้คือใครเหรอคะ? กล้าดียังไงมาทำให้พี่หร่านขายหน้า? เธอเป็นแค่สตรีมเมอร์โนเนมไม่ใช่เหรอคะ พี่หร่านยอมช่วยเธอ เธอควรสำนึกบุญคุณสิ แต่เธอกลับแยกดีชั่วไม่ออก หึ!” ผู้ช่วยตัวอ้วนพูดประจบประแจงอยู่ข้างฉู่หร่าน “พี่หร่านเป็นคุณหนูของตระกูลฉู่ เธอล่ะนับเป็นอะไร! กล้ามาเทียบกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลฉู่ได้ยังไง”
เธอเพิ่งพูดจบ ฉู่หร่านก็หันไปถลึงตาใส่คนพูดอย่างแรง
ผู้ช่วยรูดซิปปากทันควัน “…”
ฉู่หร่านสั่งทั้งสีหน้ามืดครึ้ม “ไปสืบมา ว่าฉู่ลั่วมาทำอะไรที่กองของอิ่นซาน”
ผู้ช่วยถามด้วยความสงสัย “ไปสืบเรื่องสตรีมเมอร์โนเนมทำไมคะ”
“บอกให้ทำก็ไปทำ พูดไร้สาระอยู่ได้ ไม่อยากทำเหรอ?”
ผู้ช่วยอีกคนรับยิ้มแล้วพูดว่า “ทราบแล้วค่ะ พวกเราจะไปสืบมาเดี๋ยวนี้”
ฉู่หร่านกัดฟัน ยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินกลับไป เดินไปก็ตำหนิเสียงเบาไป “ตาบอดหรือไง? ทำไมไม่ถือกระโปรงให้ฉัน? ฉันให้เงินเดือนพวกเธอแต่ละเดือนตั้งเยอะ ไม่ให้พวกเธอฟรี ๆ หรอกนะ”
ผู้ช่วยรีบช่วยเธอยกกระโปรง เหล่าผู้ช่วยแอบสบตากันเงียบ ๆ เผยให้เห็นสีหน้าระมัดระวัง
…
ช่วงบ่าย ในกองละคร ‘ตำนานวีรสตรี’
ฉู่หร่านที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ ผู้ช่วยคนหนึ่งก็ยกแก้วน้ำเข้ามาส่งให้เธอ พร้อมกับกระซิบบอกว่า “พี่หร่านคะ ฉันไปสืบมาให้อย่างแจ่มแจ้งแล้วค่ะ”
“อืม”
“ดูเหมือนว่าที่กองถ่ายของผู้กำกับอิ่นจะเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น เลยเชิญปรมาจารย์คนหนึ่งมาที่นี่”
ฉู่หร่านยิ้มเยาะ “เธอเก่งแค่เรื่องนี้เท่านั้นแหละ”
ผู้ช่วยพูดต่อ “จะว่าไปก็แปลกนะคะ หลังจากฉู่ลั่วคนนั้นมา กองถ่ายของผู้กำกับอิ่นก็เปลี่ยนไปหมดเลย ที่ถ่ายทำไว้ก่อนหน้านี้ก็พลิกบทใหม่ทั้งหมด บอกว่าต้องถ่ายใหม่ และต้องเขียนบทภาพยนตร์ใหม่ด้วยค่ะ”
“อันนี้ยังไม่เท่าไหร่นะคะ แต่ได้ยินมาว่าแม้แต่นางเอกก็เปลี่ยนตัวแล้ว แถมยังเป็นนักแสดงที่แต่งตัวแปลก ๆ ทั้งวัน บอกว่าเพื่อให้เข้าถึงบทบาทนี้อย่างลึกซึ้ง เลยแต่งตัวเหมือนผีทุกวันเลยค่ะ ทำเอาทีมงานในกองถ่ายตกใจกันตั้งหลายครั้ง”
หลังจากฉู่หร่านได้ฟังก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอแค่หัวเราะเยาะสองสามที
มีเพียงเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูหดหู่เสียงหนึ่งดังขึ้นมา “พวกเธอกำลังพูดถึงกองถ่ายของอิ่นซานกันอยู่เหรอ?”
ฉู่หร่านหันหน้าไปมองทันที “ผู้กำกับหยาง คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
หยางชวนเผยรอยยิ้มเมตตาออกมา “ตอนแรกฉันอยากมาพูดคุยเรื่องบทกับเธอสักหน่อย ใครจะคิดว่าจะได้ยินเรื่องในกองถ่ายของอิ่นซาน ฉันกับอิ่นซานเป็นเพื่อนสนิทกัน เกิดเรื่องอะไรกับกองถ่ายของเขาเหรอ?”
ฉู่หร่านให้ผู้ช่วยเล่าเรื่องราวให้ฟังอีกรอบหนึ่ง
แววตาของหยางชวนแสดงความนัยบางอย่าง แต่เขาสามารถซ่อนสีหน้าของตนได้อย่างรวดเร็ว “อย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้เลย”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
ผู้ช่วยรอให้หยางชวนเดินจากไปไกลแล้ว ถึงกระซิบว่า “ผู้กำกับหยางกับผู้กำกับอิ่นไม่ลงรอยกันไม่ใช่เหรอคะ ท่าทางของผู้กำกับหยางเมื่อกี้นี้ ดูแปลก ๆ ไปนะคะ!”
ฉู่หร่านจ้องหยางชวน ก่อนจะเก็บสายตากลับมา พลางนอนลงบนเก้าอี้ท่าทางสบายใจ พร้อมกับหลับตาลง “มีอะไรต้องทำก็ทำเถอะ เรื่องไหนที่เธอไม่ควรยุ่ง ก็อย่ายุ่ง!”
นิ้วของเธอเคาะลงบนเก้าอี้เบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ผู้ช่วยทำหน้าสงสัย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูโกรธมากแท้ ๆ ทำไมหลังคุยกับผู้กำกับหยาง ถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้กันนะ?