เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 220 เมื่อข้ามผ่านทางตัน
บทที่ 220 เมื่อข้ามผ่านทางตัน
เสี่ยวโหยวครุ่นคิด แล้วพูดว่า “เมื่อวาน… เมื่อวานผู้กำกับหยางมาค่ะ จะเกี่ยวข้องกับผู้กำกับหยางหรือเปล่าคะ?”
อิ่นซานกัดฟัน “นอกจากเขาจะมีใครอีก ตอนนี้สิ่งสำคัญไม่ใช่หยางชวน แต่เป็นเรื่องที่พวกเขาพาเหิงหว่านไป๋ไปไหนต่างหาก?”
“ท่านปรมาจารย์ คุณตามหาเหิงหว่านไป๋ได้ไหมครับ?”
ฉู่ลั่วส่ายหน้า “กลิ่นอายผีของเหิงหว่านไป๋ถูกปกปิดเอาไว้ ฉันหาไม่เจอ”
คนเขียนบทร้อนใจมาก “ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดีคะ? ไม่รู้ว่าไอ้เดรัจฉานอย่างหยางชวนจะทำอะไรเสี่ยวไป๋บ้าง ท่านปรมาจารย์ คุณต้องตามหาเสี่ยวไป๋ให้เจอนะคะ!”
ฉู่ลั่วตอบเสียงเรียบ “อืม”
เฉิงยวนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ขมวดคิ้วถามว่า “อยากให้ข้ากับเมี่ยวเมี่ยวช่วยหรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วส่ายหน้า “พวกเธออยู่ที่นี่ไป ไม่ต้องทำอะไร”
อีกฝ่ายสามารถใช้ยันต์ปกปิดพลังหยินได้ แสดงว่าพลังเต๋าไม่ธรรมดาแน่ พวกเฉิงยวนไป ไม่แน่ว่าอาจจะถูกใช้ประโยชน์ได้
เธอขยับมือเล็กน้อย ยันต์ทั้งแปดแผ่นก็ลอยขึ้นมา พายันต์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายผีลอยออกไปที่กลางลานกว้างอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไม่นาน ด้านในก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ชนิดที่แม้แต่พวกอิ่นซานก็ได้ยินกันหมด
“นี่คือ…” ไม่นานคนเขียนบทก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ก่อนหน้านี้พวกเราเคยคุยกันว่า ในกองถ่ายมีอยู่อีกตนหนึ่ง…”
คนรอบข้างนอกจากฉู่ลั่วต่างก็ขนลุกซู่
สิ่งชั่วร้ายตนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นอันตรายยิ่งกว่าเหิงหว่านไป๋มาก
ฉู่ลั่วเอ่ย “พอยันต์ไม่ได้ผล การสะกดสิ่งชั่วร้ายนี้เอาไว้เลยไร้ผลไปด้วย มันหลบซ่อนตัวอีกแล้วค่ะ”
“พาตัวเหิงหว่านไป๋ไปได้ คงจะเป็นผู้บำเพ็ญเพื่อจับผีแน่นอน แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงจับไปแค่เหิงหว่านไป๋ แล้วปล่อยผีร้ายอีกตนไว้กันล่ะ?” นักแสดงหญิงถามด้วยความสงสัย
คนเขียนบทยิ้มเย้ยหยัน “จะเพราะอะไรล่ะ เพราะอีกฝ่ายพุ่งเป้ามาที่เหิงหว่านไป๋ยังไงล่ะ!”
อิ่นซานขมวดคิ้ว “…”
ฉู่ลั่วเดินไปที่ลานตำหนัก ทุกคนต่างก็เดินตามหลังไป
อิ่นซานที่อยู่ข้าง ๆ แนะนำ “ลานตรงนี้ปกติจะวางอุปกรณ์ประกอบฉากที่ไม่ได้ใช้ครับ ไม่ค่อยมีคนเข้ามา”
เพิ่งเข้ามาใกล้ลานเล็กแห่งนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาพร้อมกัน
แต่ผีบริวารของฉู่ลั่วมองเห็นอย่างชัดเจน ว่าทั่วทั้งลานเล็กถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายผีที่ดำมืด
เฉิงยวนพาซ่งเมี่ยวเมี่ยวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พวกเราเป็นวิญญาณที่มีความโกรธแค้น จะเข้าใกล้กลิ่นอายผีร้ายแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น…”
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวพยักหน้า แล้วถอยหลังอย่างว่าง่าย “หนูรู้ค่ะ ถ้าเข้าใกล้พวกนี้ จะถูกล่อลวงให้กลายเป็นผีร้าย และทำเรื่องที่ไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขได้”
เฉิงยวนมองฉู่ลั่วที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้าไป ก็รู้สึกแปลกใจ
ดูจากความสามารถของฉู่ลั่ว แค่เข้าไปก็สามารถเก็บกวาดของเล็กน้อยในนั้นได้อย่างง่ายได้แล้วนี่!
[นายหญิง คุณสะสมพลังวิญญาณเล็กน้อยจากการไลฟ์สตรีมมาอย่างยากลำบาก จะยอมเสียมันไปเพื่อสิ่งชั่วร้ายนี่น่ะเหรอ?]
[คุณอย่าลืมนะ อีกเดี๋ยวคุณต้องเผชิญหน้ากับคนที่จับเหิงหว่านไป๋ไป ตอนนี้คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสามารถของอีกฝ่ายเป็นยังไง?]
ฉู่ลั่วเงียบไปครู่หนึ่ง “พวกคุณรออยู่ที่นี่ ฉันเข้าไปคนเดียวก็พอ”
อิ่นซานถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านปรมาจารย์ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นอะไร”
ฉู่ลั่วเดินไปที่ประตูลานเล็กแล้ว เธอยื่นมือไปผลักประตูให้เปิดออก ระบบที่อยู่ในหัวส่งเสียงร้อนใจออกมา [นายหญิง คุณอย่าโง่ไปหน่อยเลย ไม่ใช่ว่าคุณทำนายได้แต่แรกแล้วเหรอ? ว่าคุณจะเผชิญเคราะห์ใหญ่เพราะฉู่หร่าน!]
[เคราะห์ใหญ่นะ! พลังวิญญาณของคุณในตอนนี้ คุณไม่มีทางรับประกันได้เลยว่าจะหนีเคราะห์ครั้งใหญ่นี้พ้น คุณยังจะเปลืองพลังวิญญาณอีกเหรอ?]
ฉู่ลั่วสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผลักประตูเปิดออก
เธอพูดกับระบบที่อยู่ในหัวว่า “ลูกรักสวรรค์ ไม่ธรรมดาเลยนะ ทุกย่างก้าว ทำให้ฉันเดินไปถึงทางตันได้เลย”
[คุณก็รู้อยู่แก่ใจ แล้วทำไมยังรนหาที่ตายอีกล่ะ!]
ฉู่ลั่วหัวเราะออกมาเบา ๆ มองไปยังสิ่งชั่วร้ายกลางลานเล็กด้วยสายตามืดมน “ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าทางตันที่อยู่สุดปลายถนนมันคืออะไร!”
[นายหญิง คุณบ้าไปแล้วเหรอ คุณตายได้เลยนะ! อย่าลืมว่าฉู่หร่านไม่ใช่แค่เป็นลูกรักสวรรค์ เธอยังมีบารมีและโชคชะตายิ่งใหญ่ติดตัวด้วย เธอ… ไม่ใช่ลูกรักสวรรค์ธรรมดานะ!]
แต่ฉู่ลั่วกลับไม่สนใจระบบ
เธอโคจรพลังวิญญาณใต้ฝ่ามือ ให้ยันต์หลายแผ่นลอยไปหาสิ่งชั่วร้ายตนนั้น
ด้านนอกลานเล็ก พวกอิ่นซานที่ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาเป็นครั้งคราว ก็พากันตื่นตระหนก
เสี่ยวโหยวพูดปลอบพวกเขา “ผู้กำกับอิ่น คุณวางใจเถอะค่ะ ท่านปรมาจารย์เก่งมาก ไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน”
อิ่นซานพยักหน้า “ผมรู้ว่าท่านปรมาจารย์เก่งมาก แต่ก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี”