เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 223 ไม่เหมาะจะเป็นคน
บทที่ 223 ไม่เหมาะจะเป็นคน
“ท่านปรมาจารย์ครับ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ?” อิ่นซานเห็นฉู่ลั่วยืนอยู่นอกตัวบ้านแต่ไม่ยอมเข้าไปจึงมองตามเธอ แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
ฉู่ลั่วเอ่ย “บ้านหลังนี้ฮวงจุ้ยดีมากค่ะ สามารถปรามวิญญาณชั่วร้ายได้ และมีวิธีการจัดการที่เชี่ยวชาญมากด้วย”
ได้ยินแบบนี้ ผู้กำกับหนุ่มก็ร้อนใจขึ้นมาแล้ว “ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวไป๋จะไม่ตกอยู่ในอันตรายเหรอครับ!?”
พูดจบ เขาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเคาะประตูเสียงดังปึงปัง
เคาะอยู่ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก คนที่อยู่ด้านในเป็นสาวสวยที่สวมชุดสบาย ๆ มาเปิดให้ “เอ่อ มาหาใครเหรอจ๊ะ”
ยังไม่ทันมีใครตอบ คนเขียนบทก็ตะโกนเข้าไปข้างใน “เสี่ยวไป๋! เสี่ยวไป๋!”
สีหน้าของสาวสวยเปลี่ยนไป เริ่มผลักคนเขียนบทออกไป “รู้หรือเปล่าว่านี่คือบ้านของใคร? มาก่อกวนที่นี่ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ?!”
คนเขียนบทจะผลักอีกฝ่าย แต่ก็มีบอดี้การ์ดสี่คนปรากฏตัวขึ้นในบ้าน กรูเข้ามาจับแขนเธอไว้ ก่อนจะโยนออกไป
“ประธานเหลยบอกแล้วว่าพวกคุณมาทำอะไร ยอมกลับไปซะดี ๆ แล้วเขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ถ้าพวกคุณยังวุ่นวายไม่เลิก เขาก็ไม่รับประกันความปลอดภัย!”
อิ่นซานหน้าเปลี่ยนสี
รองผู้กำกับกระซิบอยู่ข้างหลัง “เป็นเหลยเฉิงจริงเหรอ!”
ถ้าเป็นหยางชวน พวกเขายังสู้ด้วยได้ แต่ถ้าเป็นเหลยเฉิง…
เหลยเฉิงหยั่งรากลึกในเมืองตี้จิง คนตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเขาไม่มีทางสั่นคลอนอำนาจของอีกฝ่ายได้แม้แต่ครึ่งส่วน
แม้กระทั่งคนเขียนบทยังหยุดโวยวายทันที
เธอสามารถต่อสู้จนตัวตาย เพื่อให้ชื่อเสียงของหยางชวนพังพินาศได้
แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเหลยเฉิง ต่อให้สู้จนตัวตาย ก็ไม่สามาราถทำร้ายอีกฝ่ายได้แม้แต่ปลายเส้นผม
เหล่าบอดี้การ์ดยื่นมืออกมา “เชิญกลับไปเถอะ!”
ทุกคนต่างก็ทำอะไรไม่ถูก
อิ่นซานเองก็มองฉู่ลั่วด้วยท่าทางลังเลเช่นกัน
แต่แววตาของเด็กสาวกลับเฉยเมย เธอไม่สนใจบอดี้การ์ดสี่คนนั้น และเดินตรงเข้าไปในบ้านเดี่ยว
บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินหน้าเข้าไปพร้อมกับขวางหน้าเอาไว้ “ไม่ได้ยินเหรอ? นี่คือบ้านของประธานเหลย เธอคิดจะทำให้ประธานเหลยโกรธหรือไง?”
ฉู่ลั่วหยิบยันต์ออกมาสี่แผ่นแล้วสะบัดมือหนึ่งครั้ง พวกมันลอยไปติดบนตัวบอดี้การ์ดทั้งสี่คน
พวกเขายืนนิ่งอยู่กับที่ทันที
เธอกอดกระเป๋าสะพายหลังเดินเข้าไป โดยมีพวกอิ่นซานตามมาด้วย
สาวสวยรั้งพวกเขาไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงบอกกับนักพรตที่นั่งอยู่บนโซฟาว่า “ท่านปรมาจารย์คะ คุณรีบขวางพวกเขาเอาไว้สิ!”
ปรมาจารย์ที่นั่งอยู่บนโซฟาวางแก้วชาลงอย่างเชื่องช้า
“สหายน้อยฉู่ ไม่เจอกันนานเลยนะ” ชื่อหยางที่สวมชุดคลุมสีเหลืองของนักพรตเต๋าเดินเข้ามา ก็วาดมือในอากาศ ในขณะที่สายตาจับจ้องที่ฉู่ลั่ว “สหายน้อยฉู่ คิดจะปกป้องวิญญาณชั่วร้ายอีกแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่วิญญาณชั่วร้าย แค่วิญญาณตนหนึ่ง เธอไม่เคยทำร้ายมนุษย์” ฉู่ลั่วก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับชื่อหยางที่นี่ อีกฝ่ายเป็นศัตรูที่มีพลังแข็งแกร่งมาก
“รู้ได้ยังไงว่าเธอไม่เคยทำร้ายมนุษย์? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันสะกดวิญญาณเอาไว้ เธอคงกลายเป็นผีร้ายไปนานแล้ว ตอนนี้…” ชื่อหยางมองไปยังชั้นบน “มีแต่ต้องทำให้เธอสลายเป็นเถ้าถ่าน แบบนี้ถึงจะเป็นผลดีต่อตัวเธอเอง”
คนเขียนบทเดินมาข้างหน้าพร้อมมองชื่อหยางด้วยสายตาโกรธเคือง “แกนี่เองที่ทำให้เสี่ยวไป๋ลืมความแค้นที่มีต่อเหลยเฉิงกับหยางชวน! ใช่ไหม? แกสะกดวิญญาณของเธอเอาไว้ในจอมอนิเตอร์ใช่ไหม!?”
ชื่อหยางกล่าว “เพราะฉันหวังดีกับเธอ ในใจสาวน้อยคนนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ถ้าฉันไม่ทำให้สงบลง เธอคงทำร้ายคนไปนานแล้ว”
ฝุ่นในอากาศถูกวาดเป็นเส้นโค้ง “ตอนนี้เธอยังคิดจะทำร้ายผู้คน เช่นนั้นฉันจึงต้องกำจัดเธอ”
“ไอ้สารเลว แกมันไอ้สารเลว!” คนเขียนบทโกรธจนพุ่งเข้าไปโดยไม่สนภาพลักษณ์ คิดจะทุบตีนักพรตหนุ่ม “แกเป็นผู้บำเพ็ญพลังวิญญาณแต่ไม่รู้จักแยกผิดชอบชั่วดี ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ!”
“คนอย่างแก… ไม่เหมาะจะเป็นคนด้วยซ้ำ!”