เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 226 ฉันควรฆ่าเขาก่อน แล้วค่อยฆ่าคุณใช่ไหม
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด
- บทที่ 226 ฉันควรฆ่าเขาก่อน แล้วค่อยฆ่าคุณใช่ไหม
บทที่ 226 ฉันควรฆ่าเขาก่อน แล้วค่อยฆ่าคุณใช่ไหม
ฉู่ลั่วไม่สนใจเสียงตะโกนของระบบที่อยู่ในหัวสักนิด เธอยื่นมือออกไปเบื้องหน้า กระบี่ไม้ท้อสั้นก็ลอยออกมาจากกระเป๋าสะพาย
กระบี่ไม้ท้อที่เดิมทีดูทำขึ้นมาหยาบ ๆ แต่เมื่อตกอยู่ในมือของเธอก็กลายเป็นสีแดงเข้มทันที ทั้งยังมีแสงแวววาวขึ้นมาอีกด้วย
เธอสะบัดมือ ยันต์ที่ควบคุมบอดี้การ์ดเอาไว้โจมตีใส่พวกเขาอย่างแรง เหล่าบอดี้การ์ดถูกกระแทกร่วงลงไปกองกับพื้น
บอดี้การ์ดอีกสิบกว่าคนเห็นภาพนี้ ต่างก็มองฉู่ลั่วราวกับเห็นผี
ในดวงตาฉายแววตกใจระคนหวาดกลัว
ฉู่ลั่วบอกกับพวกอิ่นซานว่า “พวกคุณไปก่อน”
เหลยเฉิงส่งเสียงร้องเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะคำรามอย่างโกรธเคือง “ขวางพวกมันไว้ ใครขวางพวกมันไว้ได้ ฉันจะให้รางวัลหนึ่งล้านหยวน หนึ่งล้านสำหรับคนที่หยุดพวกมันไว้ได้!”
บอดี้การ์ดที่ตอนแรกถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินจำนวนเงิน ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา
เหลยเฉิงที่ถูกสาวงามประคองขึ้นมากุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด พลางมองฉู่ลั่วด้วยสายตาน่ากลัว “ให้เหล้าคารวะไม่ดื่ม จะดื่มเหล้าลงทัณฑ์ ฉันจะให้พวกแกทุกคนอยู่ที่นี่ เธอ แล้วก็นังผีสาวเนรคุณนั่นด้วย!”
“เมื่อกี้เพิ่งได้ชิมนังผีผู้หญิงนั่นไป ตอนนี้ฉันจะขอลิ้มรสผู้บำเพ็ญหญิงบ้างแล้วกัน!”
เขาตะโกนด้วยความโกรธ “ท่านปรมาจารย์ จับเธอไว้! จะต้องคิดบัญชีให้ได้ เงื่อนไขพวกนั้นที่คุณเสนอมา ผมรับปากทั้งหมด! ผมต้องการแค่เธอ!”
เขาชี้ไปที่ฉู่ลั่วอย่างอุกอาจ
ชื่อหยางขมวดคิ้วขณะมองเธออีกครั้ง “สหายน้อยฉู่ ฉันให้โอกาสสองครั้งแล้ว แต่เธอไม่รักษามันเอาไว้เอง ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน”
ฝุ่นผงในอากาศอันแหลมคมพุ่งเข้ามาหาฉู่ลั่ว!
หญิงสาวพลันหยิบกระบี่ไม้ท้อมาบังไว้
ตูม!
ตอนที่ฝุ่นเจอกับกระบี่ไม้ท้อ พลังวิญญาณในมือฉู่ลั่วก็เพิ่มขึ้น ชื่อหยางเบิกตากว้าง มองมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เธอ…”
ไม้ท้อทะลุผ่านฝุ่นนั้น ตรงเข้าไปโจมตีชื่อหยาง
ตอนที่กำลังจะโดนตัวชื่อหยาง ร่างกายของชื่อหยางก็มีแสงสว่างแสบตาปรากฏออกมา แสงนั้นทะลุผ่านกระบี่ไม้ท้อของฉู่ลั่วไปได้
กระบี่ไม้ท้อแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
หยกชิ้นหนึ่งบนตัวชื่อหยางก็หล่นลงมา และแตกออกในทันทีเช่นกัน
ชื่อหยางร้องลั่น “ป้ายหยกปัดเป่าของฉัน!”
ส่วนทางด้านบอดี้การ์ดก็จับตัวพวกอิ่นซานเอาไว้ได้ทั้งหมด มีเพียงเหิงหว่านไป๋ที่พวกเขาไม่กล้าแตะต้อง
เหลยเฉิงตะโกนเสียงดัง “ลากพวกมันมานี่!”
พูดจบ ร่างกายของฉู่ลั่วก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก่อนมาหยุดอยู่ข้างเหลยเฉิงราวกับเงา นิ้วกดลงบนขมับของเหลยเฉิง “ปล่อยพวกเขาไป!”
เหลยเฉิงยิ้ม ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็รู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณขมับขึ้นมา
ชื่อหยางขมวดคิ้วมองหญิงสาว “ฉู่ลั่ว เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? เธอกำลังทำร้ายคนธรรมดา”
ฉู่ลั่วย้ำคำเดิม “ปล่อยพวกเขาไป”
ชื่อหยางยังไม่หยุด “ในฐานะผู้บำเพ็ญ เธอกล้าลงมือจริงเหรอ? เธอไม่กลัว…”
ไม่รอให้ชื่อหยางพูดจบ เหลยเฉิงก็ร้องตะโกนออกมา
“อ้ากกก! ปล่อยพวกเขาไป ปล่อยพวกเขาไป”
พวกอิ่นซานมองเธอด้วยความเป็นห่วง “ท่านปรมาจารย์…”
ฉู่ลั่วบอก “พวกคุณออกไปก่อน”
แต่หัวหว่านกลับไม่ยอมไป “คุณหนู…”
เสี่ยวโหยวเดินเข้ามา แล้วดึงแขนเธอไว้ ลากเธอออกไปจากตรงนี้ “พวกเราอยู่ที่นี่จะเกะกะท่านปรมาจารย์เสียเปล่า”
ท่านปรมาจารย์ต้องเอาคืนไอ้สารเลวนั่น และยังต้องปกป้องพวกเธอไปด้วย
หลังจากอิ่นซานกับคนอื่น ๆ ออกไปหมดแล้ว ฉู่ลั่วถึงพูดกับเหลยเฉิงว่า “ไป ออกไปกับฉัน”
เหลยเฉิงทั้งกลัวทั้งโกรธ
สำหรับคนเราแล้ว บริเวณขมับเป็นจุดสำคัญมาก หากมีอะไรผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ถึงตายได้
บอดี้การ์ดกับชื่อหยางเดินตามพวกเขาไปทีละก้าว
ในมือของนักพรตถือป้ายหยกปัดเป่าที่แตกเอาไว้ ขณะที่เดินตามหลังมาก็พูดกับคู่ต่อสู้ว่า “สหายน้อยฉู่ ดูจากอำนาจของคุณเหลย ต่อให้วันนี้เธอหนีไปได้ วันหน้าก็ต้องถูกตามตัวเจออยู่ดี”
“อีกอย่าง… เธอทำลายป้ายหยกปัดเป่าของฉัน แถมยังปล่อยวิญญาณชั่วร้ายไปด้วย เธอก็ยากจะเป็นที่ยอมรับในโลกของเต๋าแล้ว”
“คุณกำลังบอกว่า…” ฉู่ลั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันควรฆ่าเขาก่อน แล้วค่อยฆ่าคุณใช่ไหม?”
เหลยเฉิงตะโกนใส่ชื่อหยางอย่างร้อนใจ “คุณพูดให้น้อย ๆ หน่อย!”
ชื่อหยาง “…”