เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 229 เมื่อไม่มีพลังวิญญาณ
บทที่ 229 เมื่อไม่มีพลังวิญญาณ
ฉู่ลั่วเงยหน้าขึ้นมองฮั่วเซียวหมิงอีกครั้ง ริมฝีปากไร้สีเลือดเม้มแน่น ดวงตาที่เย็นชาอยู่แล้วชวนหนาวเหน็บขึ้นกว่าเดิม
หัวใจเขาค่อย ๆ ร่วงลงไปกองแทบเท้า
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตนทำอะไรผิดไป แต่ไม่รู้เลยว่าอะไรกันแน่
“ผม…”
“หนึ่งร้อยล้าน” ทันใดนั้นฉู่ลั่วก็พูดแทรก
ฮั่วเซียวหมิงถาม “อะไรเหรอ?”
“การทำให้คุณกลับเข้าร่างครั้งนี้ ฉันเกรงว่าจะเสียพลังวิญญาณมากเกินไป หนึ่งร้อยล้าน คงไม่เยอะหรอกใช่ไหม”
“ไม่เยอะ แต่ว่า…” ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องเงินมาก่อน แต่หลังจากที่เขาตอบไปเมื่อสักครู่ เธอไม่เพียงแต่มีสีหน้าและน้ำเสียงห่างเหิน แต่ท่าทางก็เปลี่ยนไปด้วย “ฉู่ลั่ว เงินไม่ใช่ปัญหา เมื่อกี้ผม…”
ก๊อก ๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดฮั่วเซียวหมิง แววตาของเขาเย็นชาเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปตามต้นเสียง
หยางไต้เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยออก เมื่อสบตากับลูกชายของตน เธอก็อยากจะปิดประตู แต่คิดได้ว่ามีคนกำลังรออยู่ข้างนอก “น้องสาวกับแม่ของลั่วลั่วมาน่ะ พวกเธออยากคุยกับลั่วลั่วตามลำพัง”
ฮั่วเซียวหมิงไม่ตอบอะไร และหันกลับมามองฉู่ลั่ว ก็เห็นว่าแววตาของเธอยังเย็นชากับเขาอยู่ จึงได้แต่พยักหน้าเบา ๆ
เขาไม่สบายใจอยู่มาก “ถ้าคุณไม่อยากเจอพวกเขา ไม่ต้องเจอก็ได้นะ”
ฉู่ลั่วเอ่ย “ฉันให้เจอ”
ฮั่วเซียวหมิงเงียบงัน “…”
ตอนนี้แม้แต่ตอนพูดกับเขาก็เย็นชาขนาดนี้แล้ว…
“รอผมกลับมา พวกเราค่อยคุยเรื่องเมื่อกี้กันอีกครั้ง”
ฮั่วเซียวหมิงจากไปแล้ว ซ่งเชียนหย่ากับฉู่หร่านก็เข้ามาพร้อมกัน
สองแม่ลูกแย้มยิ้มทักทายฮั่วจิ่ว แต่ทันทีที่ประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลง ซ่งเชียนหย่าก็หุบยิ้มถามว่า “ลูกไปล่วงเกินคนของตระกูลเหลยใช่ไหม?”
ฉู่ลั่วพิงหัวเตียง หรี่ตามองพวกเขา “ทำไมคะ มีอะไร”
ซ่งเชียนหย่าร้อนใจเป็นอย่างมาก และรีบเดินไปข้างเตียงผู้ป่วย “ลูกแค่บอกมา ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรือเปล่า!?”
ฉู่ลั่ว “…”
ฉู่หร่านรีบเดินเข้ามาอยู่ข้างซ่งเชียนหย่า คล้องแขนหญิงสาวเอาไว้พลางเอ่ยปลอบว่า “แม่คะ อย่าเพิ่งรีบร้อนเลยค่ะ หนูอาจจะฟังผิดไปก็ได้ ลั่วลั่วคงไม่ทำตัวไม่รู้ความ ถึงขนาดไปล่วงเกินคนตระกูลเหลยหรอกค่ะ ใช่ไหมลั่วลั่ว?”
ฉู่ลั่วถามเสียงเย็น “เธอไปได้ยินใครพูดอะไรมาล่ะ?”
ฉู่หร่านทำใบหน้าอ่อนโยน “ฉันได้ยินทีมงานในกองถ่ายพูดกันระหว่างที่ถ่ายละครน่ะ ลือกันว่าผู้กำกับอิ่นซานพาคนบุกไปที่บ้านของเหลยเฉิงจากตระกูลเหลย แถมพาปรมาจารย์คนหนึ่งไปด้วย ไม่ใช่แค่บุกเข้าไปในบ้านเท่านั้น แต่ยังทำร้ายเหลยเฉิงด้วย”
“ตอนนี้พวกอิ่นซานกลัวว่าเหลยเฉิงจะแก้แค้น พอฉันได้ยินที่พวกเขาเล่ากันก็นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่เธอเข้าออกในกองถ่ายของอิ่นซานบ่อย ๆ เลยกลัวว่าคนมีฝีมือที่พวกเขาพูดถึงจะเป็นเธอ”
“ลั่วลั่ว ไม่ใช่เธอใช่ไหม! ทั่วทั้งเมืองตี้จิงใครก็รู้ว่าเหลยเฉิงเป็นคนที่ไม่ควรล่วงเกิน”
“ลั่วลั่ว ต่อให้เธอจะไม่รู้ความ หรือโกรธพ่อแม่กับพี่ชายแค่ไหน ก็ไม่ควรไปล่วงเกินเหลยเฉิงเพื่อแก้แค้นคนในครอบครัวเลยนี่!”
“เธอก็รู้ ถ้าเหลยเฉิงโกรธขึ้นมา เหลยเฉิงไม่ได้แก้แค้นแค่เธอคนเดียว แต่เขาจะแค้นตระกูลฉู่ของเราด้วย!”
ซ่งเชียนหย่าฟังฉู่หร่านด้วยสีหน้าสบายใจ ก่อนจะขมวดคิ้วมองฉู่ลั่ว “ที่หร่านหร่านพูดไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม? ลูกไม่ได้ล่วงเกินเหลยเฉิง ปรมาจารย์คนนั้นก็ไม่ใช่ลูกใช่ไหม?”
ซ่งเชียนหย่ารออยู่พักหนึ่ง แต่ไม่ได้รับคำตอบของฉู่ลั่ว เธอเบิกตากว้าง ใบหน้าสะสวยเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ
ริมฝีปากสั่นระริก พลางชี้ไปที่ฉู่ลั่ว “ลูก… ลูกล่วงเกินเหลยเฉิงจริงเหรอ ลูกรู้ไหมว่าเหลยเฉิงครอบงำเมืองตี้จิงได้ด้วยมือข้างเดียว!”
“ลูกรู้หรือเปล่าว่าพ่อของลูกกำลังวางแผนจะขยายธุรกิจมาที่เมืองตี้จิง แต่ตอนนี้ลูกไปล่วงเกินเหลยเฉิงเข้าแล้ว”
“ถ้าพ่อของลูกรู้ เขาจะสั่งสอนลูกยังไง!”
ซ่งเชียนหย่าสั่งสอนฉู่ลั่วเสร็จก็กลับมาร้อนใจอีกครั้ง เธอเดินไปเดินมาอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ทันใดนั้นก็หยุดฝีเท้าลงหันไปหาฉู่ลั่ว “ไม่ได้การ ลูกต้องไปขอโทษเหลยเฉิงตอนนี้เลย!”
ลูกสาวที่ไม่ได้เลี้ยงดูมาด้วยตัวเองช่างไม่รู้ความเกินไปแล้ว ทำให้คนอื่นหนักใจไปหมด
“แล้วเรื่องบำเพ็ญพลังวิญญาณอะไรนั่นก็เลิกไปซะ อายุยังน้อยแต่กลับมาทำอะไรแบบนี้” เดิมทีเธอคิดว่าฉู่ลั่วไม่เคยเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไม่เคยเรียนมารยาท แต่ก็ยังมีความสามารถพิเศษช่วยเหลือคนได้ยังนับว่าเป็นเรื่องดี
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อฉู่ลั่วสามารถดึงความสามารถออกมาได้ มันจะนำหายนะมาให้ตระกูลฉู่เช่นกัน
“หลังจากนี้ลูกก็เป็นเด็กดีอยู่แต่ในบ้าน ทำตัวเป็นลูกสาวของตระกูลฉู่ที่มีความสุขก็พอแล้ว ลูกอยากได้อะไร อยากทำอะไรก็ทำได้เลย!”
ซ่งเชียนหย่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจระงับความโกรธไว้ได้ “ลูกวางใจ ต่อไปหร่านหร่านมีอะไร ลูกก็จะมีด้วย แม่กับพ่อของลูกยังมีพวกพี่ชายของลูกอีกหลายคน สัญญาว่าจะยุติธรรมกับลูกทั้งสองคน แต่ต่อไปลูกอย่าได้สร้างเรื่องวุ่นวายอีก!”