เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 233 ผมเชื่อคุณ
บทที่ 233 ผมเชื่อคุณ
ฉู่ลั่วไม่ได้ใส่ใจการสนทนานอกห้องพักผู้ป่วยแม้แต่น้อย
เมื่อสองแม่ลูกจากไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา… เป็นอิ่นซานนั่นเอง
หญิงสาวกดรับสาย
ปลายสายมีน้ำเสียงร้อนรนดังออกมา “ท่านปรมาจารย์ครับ สถานการณ์ของเหิงหว่านไป๋ผิดปกติ ตอนนี้เธอไม่ให้พวกเราเข้าใกล้เลยครับ”
ฉู่ลั่วได้ยินเสียงกรีดร้องของเหิงหว่านไป๋ที่อยู่ทางปลายสายอย่างชัดเจนผ่านโทรศัพท์มือถือ
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้…”
ยังไม่ทันพูดจบ ปลายสายก็เปลี่ยนคนพูดแล้ว “คุณหนูคะ คุณไม่ต้องมาหรอกค่ะ คุณรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเถอะนะคะ”
“หัวหว่าน?” ฉู่ลั่วเรียกเป็นนัยสงสัย
“หลังรู้ว่าคุณหนูไม่เป็นอะไรแล้ว เฉิงยวนก็บอกถ้าคุณหนูฟื้นขึ้นมา ต้องกังวลเรื่องของเหิงหว่านไป๋แน่นอน เลยให้ฉันพามาดูเหิงหว่านไป๋ค่ะ”
ที่จริงเฉิงยวนสามารถไปเองได้ แต่พวกอิ่นซานมองไม่เห็นพวกเธอ จึงจำเป็นต้องมีคนกลางช่วยสื่อสาร
ฉู่ลั่วกำชับ “พวกเธอระวังตัวด้วยนะ”
เสียงของเฉิงยวนดังขึ้นมา “เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถอะ!”
จากนั้นก็ตัดสายไปแล้ว
ฉู่ลั่วก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือ ราวกับสามารถจินตนาการสีหน้าตอนพูดของเฉิงยวนออก
ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมาโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
ก๊อก ๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้น
“เข้ามาเลยค่ะ”
ฮั่วเซียวหมิงผลักประตูเข้ามาก็เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจาง ๆ บนใบหน้าของฉู่ลั่ว สีหน้าของเขาจึงดีขึ้นเช่นกัน “แม่ของคุณกับฉู่หร่านไปแล้ว”
“อืม”
ฮั่วเซียวหมิงเดินไปข้างเตียงผู้ป่วย “พ่อของคุณกำลังติดต่อกับเหลยเฉิงอยู่ แต่เหลยเฉิงทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ตอนนี้คุณไปล่วงเกินเขาไว้ เรื่องที่ตระกูลฉู่อยากเข้ามาทำธุรกิจในตี้จิงก็คงไม่ง่ายแล้ว”
ฉู่ลั่วใช้มือเช็ดโทรศัพท์สองสามที “ถ้าตระกูลฉู่คิดว่าฉันเป็นตัวถ่วง ฉันตัดความสัมพันธ์กับตระกูลฉู่ได้”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่แท้จริงแล้วหญิงสาวไม่สามารถออกจากตระกูลฉู่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่สามารถตัดขาดกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อย่างนั้น มีความเป็นไปได้ว่าเธอจะได้รับการลงทัณฑ์จากสวรรค์
ลูกรักสวรรค์ต้องการกลุ่มคนที่ควบคุมได้ มาทำให้ตัวเองแสดงความจิตใจดี ความสวยและความสำเร็จออกมา
[นายหญิง ทั้งที่คุณรู้ทุกอย่างดี ทำไมถึงยังบีบบังคับให้ตัวเองต้องตัดขาดกับตระกูลฉู่ด้วยล่ะ?]
[ถ้าคุณตัดขาดกับตระกูลฉู่จริง คุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ไม่รู้ว่าสวรรค์ในโลกนี้ทำอะไรกับคุณได้บ้าง]
‘แค่พลังของฉันในตอนนี้ ถ้าอยู่ในตระกูลฉู่ก็กลายเป็นลูกไก่ในกำมือฉู่หร่านเท่านั้น ต้องถูกเธอแกล้งยังไงก็ได้ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด’ ฉู่ลั่วสีหน้าเย็นชา ‘ฉันดูเป็นคนที่ยอมให้คนแบบนั้นรังแกเหรอ?’
[…]
ฮั่วเซียวหมิงเห็นฉู่ลั่วเผยสีหน้าเย็นชา ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย นิ้วมือสั่นไหว ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เขาพูดต่อไปว่า “ไม่ต้องตัดขาดกันรุนแรงขนาดนั้นหรอก ตระกูลฮั่วให้ความร่วมมือกับตระกูลฉู่ได้”
แม้จะพูดว่าร่วมมือ แต่ที่จริงก็ไม่ต่างอะไรกับการ ‘ช่วยสงเคราะห์ให้’
สถานะของตระกูลฉู่ไม่มากพอจะอยู่ในสายตาของตระกูลฮั่วด้วยซ้ำ!
แม้ฉู่ลั่วจะไม่มีความรู้ทางด้านธุรกิจเลย แต่ก็รู้อย่างชัดเจนว่าสถานะของตระกูลฉู่กับตระกูลฮั่วห่างชั้นกันขนาดไหน “ทำไมล่ะ?”
ฮั่วเซียวหมิงยกมุมปากบางขึ้น ไฝหยดน้ำสีแดงที่หางตาของเขาดูมีสีสันขึ้นมาหลายเท่าเพราะรอยยิ้มของเขา
“คุณเคยพูดไม่ใช่เหรอ? คุณทำให้วิญญาณของผมกลับเข้าร่างต้องเปลืองพลังวิญญาณจำนวนมาก นอกจากเงินร้อยล้านที่คุณบอก ผมจะยอมร่วมมือกับตระกูลฉู่ ช่วยให้ตั้งหลักในตี้จิงได้อย่างมั่นคงด้วย”
ฉู่ลั่วมองรอยยิ้มจาง ๆ ในดวงตาของฮั่วเซียวหมิง ก่อนจะถามอย่างไม่ถอดใจ “ฮั่วเซียวหมิง คุณเชื่อฉันไหม?”
“…”
“คุณเชื่อในความสามารถของฉันไหม เชื่อว่าฉันเป็นผู้บำเพ็ญที่ดีหรือเปล่า เชื่อว่าฉันจะทำให้วิญญาณของคุณกลับเข้าร่างได้อย่างสมบูรณ์ได้ไหม?”
ชายหนุ่มไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ในใจกลับกำลังคิดหาความหมายในคำพูดนี้
เป็นครั้งที่สองของวันนี้แล้ว ที่ฉู่ลั่วถามคำถามนี้กับเขาด้วยท่าทางจริงจัง
แต่คำตอบก่อนหน้านี้ของเขาไม่ได้ทำให้เธอพอใจ ทั้งยังทำให้เธอมีท่าทางเย็นชาใส่อีกด้วย
ฮั่วเซียวหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย “แน่นอนว่าผมเชื่อคุณ”
เขาสังเกตได้ หลังจากที่ตัวเองพูดจบ มือของฉู่ลั่วที่วางอยู่บนผ้าห่มจะขยับ จากนั้นก็มีความผิดหวังปรากฏในดวงตา
ชายหนุ่มดูไม่ผิด
มันเป็นความผิดหวังแน่นอน
น้ำเสียงของฮั่วเซียวหมิงร้อนรนเล็กน้อย “คุณเป็นผู้บำเพ็ญที่เก่งที่สุดที่ผมเคยเจอมา คุณใช้ความสามารถของตัวเองช่วยเหลือคน มีคนไม่ดีหลายคนได้รับการลงโทษเพราะคุณ และมีคนบริสุทธิ์อีกหลายคนที่กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งเพราะคุณ”
น้ำเสียงของเขาทั้งเคร่งขรึมและจริงจัง “ฉู่ลั่ว ผมเชื่อคุณจริง ๆ นะ”