เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 235 สอนเสร็จแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องของเจ้ากัน
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด
- บทที่ 235 สอนเสร็จแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องของเจ้ากัน
บทที่ 235 สอนเสร็จแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องของเจ้ากัน
เมื่อเห็นเงาร่างที่เดินจากไปของฮั่วเซียวหมิง ฉู่ลั่วก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เธอถาม “เพราะฮั่วเซียวหมิงชอบฉัน ความเชื่อมั่นที่เขามีให้ฉันเลยไม่สามารถเพิ่มพลังจากความศรัทธาได้ใช่ไหม?”
[ครอบครัวและคนรัก ไม่สามารถเพิ่มพลังศรัทธาให้ได้]
ฉู่ลั่วคิดถึงไอรัศมีสีม่วงกับแสงทองบนตัวฮั่วเซียวหมิง ก็ใช้มือทุบผ้าห่มเบา ๆ
น่าเสียดาย!
ถ้าฮั่วเซียวหมิงไม่ได้ชอบเธอละก็ แค่ความศรัทธาของเขาคนเดียว คงทำให้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมหาศาลได้แล้ว
จะทำยังไง ฮั่วเซียวหมิงถึงจะเลิกชอบฉันอย่างสิ้นเชิง แล้วเอาพลังศรัทธามาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ฉันกันนะ!
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก ทันใดนั้น กลิ่นอายเยือกเย็นที่ทำให้คนรู้สึกกดดันจนแผ่นหลังเย็นเฉียบก็ปรากฏขึ้นขณะที่พวกหัวหว่านมาหา
ฉู่ลั่วเงยหน้าก็เห็นเฉิงยวนอุ้มเหิงหว่านไป๋เข้ามา
ผีเด็กสาวในกองถ่ายถูกเชือกรัดคอไว้ เรียกว่าแทบจะถูกลากเข้ามาเลยก็ได้
และบนตัวของเหิงหว่านไป๋ยังมีซ่งเมี่ยวเมี่ยวเกาะอยู่ด้วย
วิญญาณน้อยกอดเหิงหว่านไป๋ไว้แน่น พยายามปรามอีกฝ่ายที่เกือบจะกลายเป็นผีร้าย
หัวหว่านประหม่าไม่น้อย “คุณหนูคะ พวกเราพาเหิงหว่านไป๋มาแล้ว”
เฉิงยวนส่งสัญญาณให้ซ่งเมี่ยวเมี่ยวลงมา ก่อนที่เธอจะดึงเหิงหว่านไป๋ไปข้างเตียงฉู่ลั่ว “นี่ พาตัวมาแล้ว เจ้าดูเอาเถิดว่าจะทำยังไง! ถ้าไม่ปรามเอาไว้สักหน่อย คงจะรีบพุ่งไปหาเหลยเฉิง ไปแล่เนื้อเถือหนังเจ้านั่นแล้ว”
พอพูดถึงเหลยเฉิง เหิงหว่านไป๋ก็ส่งเสียงกรีดร้อง
ฉู่ลั่วคลำหายันต์ตรงหัวเตียงที่เตรียมเอาไว้นานแล้ว ก่อนจะโยนออกไปเบา ๆ
ยันต์เพิ่งสัมผัสโดนตัวเหิงหว่านไป๋ก็ปรากฏแสงสีทองออกมาจาง ๆ กลิ่นอายผีที่ปกคลุมร่างกายหายไปทันที ใบหน้าของเหิงหว่านไป๋กลับมาเป็นปกติ ดวงตาทั้งสองข้างเจิ่งนองด้วยน้ำตาโลหิต สีหน้าของเธอทั้งโศกเศร้าทั้งแค้น
“เอาละ!” เหิงหว่านไป๋ทรุดนั่งลงกับพื้นทันทีที่เฉิงยวนปล่อยมือ ร้องไห้ออกมาเบา ๆ “ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันฆ่าเขา? ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันฆ่าไอ้เดรัจฉานนั่น!?”
ฉู่ลั่วถาม “ถ้าเธอฆ่าเขา ตัวเธอเองก็จะแปดเปื้อนไปด้วยหนี้เลือด เป็นอันตรายต่อโชคชะตาของเธอเอง รู้ไหมว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง?”
“ฉันไม่สน! ขอแค่ฉันฆ่าไอ้เดรัจฉานนั่นได้ ให้ฉันชดใช้ด้วยอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น”
“เธอจะถูกกำจัดให้กลายเป็นเถ้าถ่าน อาจจะถูกผู้บำเพ็ญจับมาทุบตีจนวิญญาณกระเจิดกระเจิง” น้ำเสียงของฉู่ลั่วไม่มีจังหวะขึ้นลง เธอถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เธอไม่คิดจะถ่ายหนังแล้วเหรอ? ไม่อยากให้พ่อแม่ได้ดูหนังที่เธอแสดงเหรอ?”
เหิงหว่านไป๋สะอึกสะอื้น “พ่อคะ แม่คะ ฮือ ฮือ ฮือ…”
เฉิงยวนหย่อนก้นนั่งลงที่ขอบเตียงด้านหนึ่ง เธอหรี่ตามองใบหน้าไร้สีเลือดฝาดของฉู่ลั่ว พลางเอียงคอมองอย่างละเอียด ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบคาง ทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิด
คนโดนมอง มองกลับอย่างไม่ไว้ใจ
เฉิงยวนเก็บสายตากลับมา “เจ้าสอนนางไปก่อน สอนเสร็จแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องของเจ้ากัน”
ฉู่ลั่วกะพริบตา “…”
ทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมากันนะ!
เมื่อกี้ยังตื่นตระหนกกับคำสารภาพรักของฮั่วเซียวหมิงไม่หาย
ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอคิดอยากจะเป็นฝ่ายหนี
เฉิงยวนลอยผ่านเตียงผู้ป่วยไปอยู่ริมหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเธอมองเห็นอะไร ถึงได้กลับมาไอสองทีเหมือนแสดงความหมายบางอย่างให้ฉู่ลั่วรับรู้
ฉู่ลั่วทำหน้าไม่ถูก
รู้สึกอยากหนีหายไปหนักกว่าเดิมอีก!
เธอเก็บความคิดที่อัดแน่นในหัวไว้ก่อน แล้วหันไปพูดกับเหิงหว่านไป๋ “ตอนนี้ต่อให้ฉันปล่อยเธอไป เธอก็ไม่มีทางฆ่าเหลยเฉิงได้หรอก”
“ที่พักของเหลยเฉิงถูกปกป้องด้วยค่ายกลที่แข็งแกร่งมาก บนตัวเขาก็มีเครื่องรางพกติดตัวไว้”
“เธอไป ก็เป็นได้แค่แกะเดินเข้าปากเสือ มีแต่เขาจะทำร้ายเธอฝ่ายเดียว”
เหิงหว่านไป๋นึกถึงความอัปยศที่ตนเองได้รับมาก่อนหน้านี้ แม้จะตายไปแล้วก็ยังถูกปฏิบัติเหมือนเดิม ความโกรธในกายก็พลุ่งพล่านอย่างไม่อาจควบคุม
“แล้วจะปล่อยมันไปแบบนี้เหรอ?”
ฉู่ลั่วยกมุกปากขึ้น พลางหัวเราะเย็นชาออกมา “เหลยเฉิงไม่ได้เจอจุดจบที่ดีแน่นอน”
เมื่อครู่เธอเพิ่งคำนวณดวงชะตาของศัตรู ตอนนี้มันถึงจุดเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์
หนี้เลือด หนี้ชีวิต และหนี้รักบนตัวเหลยเฉิง… ต่างก็ปรากฏขึ้นในดวงชะตาของเขาทีละอย่าง
นี่แตกต่างจากการคำนวณครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง!
ก่อนหน้านี้เธอเคยคำนวณดวงชะตาเหลยเฉิง แต่บนตัวเขากลับไม่มีหนี้เลือดแม้แต่ครึ่งส่วน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบารมีมากอีกด้วย
เบื้องหลังของเขามียอดฝีมือระดับสูงคอยช่วยปิดบังสวรรค์
ตอนนี้การปิดบังล้มเหลวแล้ว โทษทัณฑ์ที่เหลยเฉิงสมควรโดนก็จะค่อย ๆ เกิดขึ้นกับเหลยเฉิง