เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 237 ขวดแก้วผนึกรัก
บทที่ 237 ขวดแก้วผนึกรัก
ฉู่ลั่วเล่าเรื่องของข้อขัดแย้งระหว่างพลังวิญญาณตัวเองกับฉู่หร่านให้เฉิงยวนฟังทั้งหมด แต่ปกปิดเรื่องการมีอยู่ของระบบเอาไว้ บอกเพียงว่าเธอบังเอิญได้รับความสามารถในการรับรู้พลังวิญญาณที่ตัวเองได้รับจากความศรัทธา
เฉิงยวนติดตามฉู่ลั่วมาระยะหนึ่ง ได้คลุกคลีอยู่ด้วยกัน เธอเห็นมาแล้วว่าฉู่หร่านเป็นที่รักของคนในตระกูลฉู่มากแค่ไหน และรู้ดีว่าฉู่ลั่วไม่เคยพูดผิด
หากฉู่หร่านเป็นลูกรักสวรรค์จริง…
หากสวรรค์ปกป้องฉู่หร่านจริง…
เธอกัดฟัน พร้อมกับด่าทอออกมาเบา ๆ “สวรรค์วิปริตหรือเปล่า? บนโลกนี้มีคนที่คุณธรรมสูงส่งบารมีสูงส่งตั้งมากมายไม่เลือก มาเลือกฉู่หร่าน!”
ฉู่ลั่วเอ่ย “อาจจะเป็นเพราะชาติภพที่ผ่านมาเธอทำความดีเอาไว้มากก็ได้”
“…แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่านางเป็นคนชั่วช้ามาตลอดชีวิตนี้” เฉิงยวนสูดลมหายใจ “แล้วตอนนี้จะทำยังไง?”
“มีแค่วิธีเดียว”
“วิธีอะไร?”
ฉู่ลั่วมองออกไปนอกหน้าต่าง “ฉันรู้จักลูกรักสวรรค์อีกคนหนึ่ง ถ้าเขาเต็มใจที่จะมอบพลังศรัทธาให้ฉัน พลังวิญญาณของฉันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
เฉิงยวนมองตามสายตาของฉู่ลั่วออกไปนอกหน้าต่างอย่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว “เจ้า… เจ้าหมายถึง… ฮั่วเซียวหมิง?”
“อืม”
เฉิงยวนเนื้อเต้นกว่าเดิม “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ยากนี่ เขาชอบเจ้า อย่าว่าแต่พลังศรัทธาเลย ต่อให้ต้องการชีวิตของเขาตอนนี้ เขาก็เต็มใจให้”
ฉู่ลั่วพยายามฝืนยกมุมปากขึ้น “ที่แย่คือเขาชอบฉันนี่แหละ พลังศรัทธาไม่สามารถมอบให้ญาติสนิทและคนรักได้ ความรู้สึกที่เขามีต่อฉัน ทำให้เขาไม่สามารถมอบพลังศรัทธาให้ฉันได้”
ความตื่นเต้นของเฉิงยวนห่อเหี่ยวลงแล้ว
เธอนั่งไหล่ตกอยู่บนเก้าอี้ “ถ้าอย่างนั้นก็ยากแล้วละ”
เธอเงียบไปสักครู่ ก่อนจะปรบมือแล้วพูดว่า “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเจ้าคือดูแลร่างกายให้ดีและฟื้นพลังวิญญาณกลับมา เรื่องนี้ก็ปล่อยวางไปก่อน ข้าจะลองหาวิธีดู”
เมื่อได้พูดเรื่องที่กดดันออกไป ความอึดอัดใจของฉู่ลั่วก็จางหายไปไม่น้อย
หญิงสาวหัวเราะออกมาเบา ๆ “เธอจะมีวิธีอะไร?”
เฉิงยวนกลอกตา แล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า “เจ้าอย่าดูถูกข้าเชียว ข้ามีชีวิตอยู่มานานกว่าเจ้าหลายพันปี พบเจอผู้คนและเรื่องราวมามากกว่าเมล็ดข้าวที่เจ้าเคยกินเสียอีก”
พูดจบ เธอไม่รอให้ฉู่ลั่วพูดอะไรอีก ก็ลอยออกไปแล้ว
ฉู่ลั่ว “…”
ชั่วพริบตา เฉิงยวนก็ลอยกลับมาอีกครั้ง สองมือเท้าเอวพลางพูดว่า “ใช่แล้ว! เจ้าช่วยดูการเคลื่อนไหวของซุนหย่าจิ้งให้ข้าที เดี๋ยวพอข้ากลับมา เจ้าต้องเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียด ข้าไม่อยากติดตามดูกระบวนการทั้งหมด แต่ก็กลัวจะพลาดตอนจบที่น่าตื่นเต้นไปน่ะสิ”
พูดจบ เธอก็หายตัวไปอีกครั้ง โดยไม่รอให้หญิงสาวพูดอะไรอีก
ฉู่ลั่วได้แต่เงียบงัน
…
สามวันต่อมา ฉู่ลั่วออกจากโรงพยาบาลแล้ว
แผลบนหลังดีขึ้นมากทีเดียว
หยางไต้มารับออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเอง อีกฝ่ายคว้ามือเธอไว้ แล้วพูดอย่างสนิทสนมอ่อนโยนว่า “ลั่วลั่วจ๊ะ! ตอนนี้หนูพักอยู่ที่โรงแรมไม่สะดวกเท่าไหร่ หนูไปพักอยู่กับพวกเราเถอะนะ”
“แม่ครับ เธอไม่สะดวกใจนะ” ฮั่วเซียวหมิงเดินเข้ามา “แต่แน่นอนว่าอยู่ที่โรงแรมก็ไม่สะดวก ผมซื้อเพนต์เฮาส์ในตี้จิงให้คุณก็แล้วกัน มีห้องเยอะและเงียบด้วย เหมาะกับการพักหลาย ๆ คน”
ฉู่ลั่วครุ่นคิด เธอเองก็รู้สึกว่าอยู่โรงแรมไม่สะดวกเช่นกันจึงพยักหน้า “ได้… ถ้าอย่างนั้นเงินหนึ่งร้อยล้านนั่นก็เอามาซื้อห้องนี้แล้วกัน”
ฮั่วเซียวหมิงไม่ได้ปฏิเสธ ชายหนุ่มพาพวกเธอไปส่งยังที่หมายพร้อมกับแนะนำห้องให้เล็กน้อย ก่อนจะพาหยางไต้ที่มีเรื่องอยากพูดอีกมากมายกลับไป
เพิ่งเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว หยางไต้ก็ตีมือลูกชายตัวเอง “บอกว่าลูกเป็นพวกสมองทื่อยังฟังเหมือนคำชมเกินไปเลย! ให้ลั่วลั่วมาอยู่บ้านเรา ไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกเหรอ?”
ฮั่วเซียวหมิงให้เหตุผล “เธอชอบอยู่คนเดียวครับ เธอไม่สนิทกับพวกเรา ให้อยู่ในบ้านของพวกเรา เธอจะอึดอัดครับ”
“ไม่สนิทก็ยิ่งต้องอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ไงล่ะ จะได้สนิทกัน!” หยางไต้หยิกลูกชายของตนด้วยความโมโห ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง “แล้วแต่ลูกเถอะ ถึงตอนนั้นลูกต้องอยู่คนเดียวไปจนแก่ ก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรในฐานะแม่ก็แล้วกัน”
ห้องชุดขนาดใหญ่
ฮั่วเซียวหมิงเตรียมเพนต์เฮาส์ไว้ให้ฉู่ลั่ว ภายในตกแต่งอย่างหรูหราแต่เรียบง่าย ทุกที่ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความทันสมัย
หัวหว่านก็อดจะอุทานออกมาไม่ได้ “ที่แท้คนในสังคมคนรวยเขาเริ่มใช้ของพวกนี้กันแล้วเหรอคะ?”
ตระกูลฉู่มีเงินก็จริง แต่หากเทียบกับตระกูลฮั่วก็ไม่พอจะอยู่ในสายตา
ซ่งเมี่ยวเมี่ยววิ่งไปรอบห้องด้วยความดีใจ
ทันใดนั้นหัวหว่านก็ปรบมือ “แย่แล้ว! คุณหนูออกจากโรงพยาบาล แต่ยวนยวนยังไม่รู้ว่าพวกเราย้ายออกมาแล้ว เธอจะหาพวกเราไม่เจอหรือเปล่าคะ!”
ฉู่ลั่วเอ่ย “ไม่หรอก ฉันให้ยันต์เธอไปด้วย ถ้าเธอมาหาพวกเราจริง ก็จะรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน”
…
คืนนั้นระหว่างที่ฉู่ลั่วกำลังนอนหลับสนิท ก็รับรู้ได้ถึงพลังหยินรุนแรงอย่างฉับพลัน
เธอลืมตาขึ้นทันที มือก็คว้ายันต์มาหนึ่งแผ่น
“ข้าเอง ข้าเอง! เจ้าคิดจะทำให้ข้ากลายเป็นเถ้าถ่านเหรอ!” เฉิงยวนหลบอยู่มุมผนังพลางมองมาด้วยสายตาโกรธเคือง
“…” ฉู่ลั่วเก็บยันต์กลับไปก่อนจะเปิดไฟ “เธอกลับมาแล้วเหรอ?”
หญิงสาวขมวดคิ้วมองพลังงานหยินเข้มข้นบนตัวเฉิงยวน “ไปที่ไหนมาล่ะ?”
“ไม่มีอะไร! แค่ไปที่หลุมศพของนักพรตเต๋าท่านหนึ่งเพื่อหาสิ่งนี้!” เธอหยิบขวดแก้วขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋า
บนขวดแก้วมีการสลักยันต์เอาไว้ ที่ปากขวดมีจุกสีแดงที่มีกระดิ่งแกะสลักอย่างประณีตแขวนไว้แปดอัน
ฉู่ลั่วรับขวดแก้วมาดูอักขระด้านบนนั้นอย่างละเอียด “ไม่เคยเห็นอักขระนี้มาก่อน”
“แน่นอนสิ นี่เป็นอักขระที่นักพรตซึ่งเก่งกาจมากท่านหนึ่งเมื่อหลายพันปีก่อนเขียนด้วยตัวเองเชียวนะ” เฉิงยวนเข้ามาหาฉู่ลั่ว เธอเลิกคิ้วเบา ๆ “เจ้ารู้ไหมว่าขวดแก้วนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร?”
“ผนึกความรัก?”
“ใช่! สมกับที่เป็นเจ้า! นี่ก็คือ ‘ขวดแก้วผนึกรัก’ ว่ากันว่าสามารถใส่ความรู้สึกลงไปในนี้ได้ เฉิงยวนเขย่าขวด “ให้ฮั่วเซียวหมิงเอาความรู้สึกที่มีต่อเจ้าใส่ลงในขวดนี้ เขาก็ให้พลังศรัทธาเจ้าได้แล้ว เจ้าจะได้รอดพ้นจากความตาย”
“ข้าเก่งมากใช่ไหมล่ะ!”
ดูเหมือนเฉิงยวนจะอยากได้รับคำชมเชยเป็นรางวัล