เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 29 โครงกระดูกเด็ก
บทที่ 29 โครงกระดูกเด็ก
พี่ลั่วของเขาเก่งที่สุดในโลกจริงด้วย!
ซ่งจือหนานแทบจะหมอบลงไปบนพื้นเพื่อกราบไหว้เด็กสาว
แต่ฉู่ลั่วกลับชี้ไปยังรูปปั้นสามมหาเทพซานชิงที่สูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม พลางบอกพวกเขาสองพ่อลูกว่า “ทุบมันให้แตก!”
หลี่ฉางชิงที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้นได้ยินแบบนั้นก็ลืมความเจ็บปวด “แกกล้าเหรอ! ถ้าแกกล้าแตะต้องของของฉัน…”
ไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงทุบดังขึ้นมา!
ซ่งจือหนานหยิบก้อนหิน กระโดดขึ้นไปบนแท่นบูชา ก่อนจะทุบรูปปั้นหินจนเป็นรูอย่างง่ายดาย
“เห! มันทุบง่ายขนาดนี้เลยเหรอ”
รูปปั้นหินนี้ดูเหมือนจะหนา หนัก และน่าเกรงขาม ตอนแรกคิดว่าคงทำลายได้ยาก
ใครจะรู้ว่ามันทำลายได้ง่ายขนาดนี้
ฉู่ลั่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่รูปปั้นสามมหาเทพซานชิง “เพราะพวกคุณเป็นญาติสนิทโดยสายเลือด วิญญาณข้างในรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกคุณ และอนุญาตให้ทำลายรูปปั้นหิน”
“เธอหมายถึง…”
เมื่อฉู่ลั่วพยักหน้ายืนยัน ซ่งอวิ๋นชิงก็มีสีหน้ากราดเกรี้ยวขึ้นทันที เขากระโดดขึ้นไปบนแท่นบูชาตามลูกชาย แล้วทุบรูปปั้นหินด้วยมือเปล่า!
“ห้ามแตะต้องรูปปั้นสามมหาเทพซานชิงของฉัน!”
“อ้าก! พวกแกต้องถูกลงทัณฑ์”
“สามมหาเทพจะลงทัณฑ์สวรรค์พวกแกที่กล้าทำเรื่องอุกอาจแบบนี้!!”
เสียงร้องด้วยความโกรธของปรมาจารย์ลัทธิเต๋า ซ่งอวิ๋นชิงกับลูกชายดูเหมือนจะทุบรูปปั้นหินได้ง่ายขึ้นมาก
ไม่กี่นาทีต่อมา รูปปั้นหินสูงใหญ่ก็พังทลายลง
หมอกสีดำที่น่าสะพรึงกลัวลอยออกมาตรงหน้า
ศีรษะของซ่งอวิ๋นชิงกับซ่งจือหนานรู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที
เพียงไม่กี่วินาที ยันต์สองแผ่นก็ลอยมาติดลงบนตัวพวกเขา
ไอพลังมืดครึ้มรบกวนจิตใจหายไปทันที
ซ่งจือหนานมองรูปปั้นหินที่พังทลาย “ให้ตายสิ! นี่มันของบ้าอะไรเนี่ย!”
ด้านในรูปปั้นหินที่แตกหัก มีกระดูกอยู่หนึ่งกอง
และกระดูกเหล่านี้ไม่ใช่กระดูกของผู้ใหญ่
ซ่งอวิ๋นชิงเห็นกระดูกชิ้นเล็กเหล่านี้ ก็ร้องไห้น้ำตาอาบหน้า
ในนี้มีกระดูกของลูกสาวเขาอยู่…
สำนักเต๋าแห่งนี้มีกระดูกซ่อนเอาไว้จำนวนมาก นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยแม้แต่น้อย
ซ่งจือหนานจึงโทร 110 เพื่อแจ้งเรื่องกับตำรวจ ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาจับกุมหลี่ฉางชิงกับเหยาซุ่ย
หลี่ฉางชิงถูกสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จนตัวดำ ยิ่งเห็นรูปปั้นสามมหาเทพซานชิงถูกทำลาย เขาก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง
“พวกแกต้องถูกทัณฑ์สวรรค์!”
“สามมหาเทพซานชิงไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!”
ระหว่างปรมาจารย์หลี่ถูกตำรวจพาตัวไป ปากยังคงพึมพำคำสาปแช่งไม่หยุด
ส่วนกระดูกทุกชิ้นถูกตำรวจเก็บไปหมด เพื่อนำไปตรวจหาดีเอ็นเอ
สามวันต่อมา…
ตำรวจก็นำโครงกระดูกเด็กรูปร่างสมบูรณ์มาคืนให้ตระกูลซ่ง เป็นร่างของซ่งเมี่ยวเมี่ยวในวัยห้าขวบ
ตระกูลซ่งทำพิธีศพให้ และนำกระดูกเธอไปฝังตามธรรมเนียม
…
บ้านตระกูลซ่ง
ฉิงจื่อฉิงพิงลงบนตัวสามีอย่างเจ็บปวดหัวใจ ในขณะที่ซ่งจือหนานยืนอยู่ข้างฉู่ลั่วด้วยท่าทีประหม่า
ในขณะที่ฉู่ลั่วกำลังมองไปยังวิญญาณน้อยที่หลบอยู่หลังเก้าอี้
วิญญาณตนนั้นมองพวกเขาด้วยความสงสัยปนร้อนใจ
แต่เมื่อสบตากับฉู่ลั่ว มันก็ไปหลบอยู่หลังเก้าอี้ด้วยความหวาดกลัว พยายามซ่อนตัวหลังเก้าอี้ที่ไม่สามารถบดบังอะไรได้
แต่เพราะความสงสัย เธอจึงยื่นศีรษะออกมาแอบมองอีกฝ่าย
“พวกคุณแน่ใจนะว่าอยากเห็นเธอ?”
ฉิงจื่อฉิงพยักหน้าทั้งที่ยังสะอื้น “แน่ใจจ้ะ!”
“เธอเป็นผีนะคะ… พวกคุณไม่กลัวเหรอ”
คนตระกูลซ่งรีบส่ายหน้า “ไม่กลัว!”
ฉู่ลั่วพยักหน้า เรียกยันต์ออกมาจากห้วงอากาศ ก่อนที่แสงสีทองจาง ๆ จะปรากฏขึ้น
เมื่อลงคาถาที่ยันต์เสร็จ มันก็ลอยเข้าไปหาร่างของซ่งเมี่ยวเมี่ยวราวกับมีสติรับรู้
แสงสีทองกระจายไปในร่างของเธอ
วิญญาณโปร่งใสค่อย ๆ กลายเป็นสสาร
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวมองมือทั้งสองข้างของตนด้วยความสงสัย
คนตระกูลซ่งที่เห็นเด็กหญิงตัวน้อยปรากฏตัวขึ้นในอากาศ พากันตกตะลึง