เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 3 มาหาถึงที่
“ลูกสาววัยห้าขวบของคุณลุงซ่ง ดึงขากางเกงและเรียกเขาว่าพ่อ แต่พ่อของเธอกลับไม่คิดจะยอมรับเธอด้วยซ้ำ”
เมื่อคำพูดนี้ดังออกมา ซ่งจือหนานสังเกตเห็นว่าใบหน้าของซ่งอวิ๋นชิงเปลี่ยนไปทันที สีหน้าอึมครึมอยู่ไม่กี่วินาที ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
พวกเขาเป็นพ่อลูกกัน อยู่ด้วยกันมานานหลายปี
ซ่งจือหนานเห็นท่าทางของพ่อตนเอง ก็รู้แล้วว่าเขาต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน
เดิมทีเขาคิดว่าฉู่ลั่วปล่อยข่าวลือ แต่ตอนนี้เขาชักไม่มั่นใจเสียแล้ว!
“พ่อ พ่อ… พ่อมีลูกนอกสมรสจริงเหรอ?”
ใบหน้าของซ่งอวิ๋นชิงเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดทันที ริมฝีปากสั่นระริก “ลูกนอกสมรสอะไร แกอย่ามาพูดไร้สาระ”
ซ่งจือหนานเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ยังจะมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก
ความโกรธที่มีอยู่เต็มอกหายวับไป หลงเหลือไว้เพียงความผิดหวัง
“พ่อ ทำไมพ่อทำแบบนี้! แม่สุขภาพไม่ดี แต่พ่อกลับ… ไปหาผู้หญิงข้างนอกน่ะเหรอ”
“เป็นนังผู้หญิงสารเลวคนไหน? ใช่เลขาที่บริษัทของพ่อคนนั้นหรือเปล่า ผมบอกตั้งนานแล้วว่าเธอคิดไม่ซื่อ! พ่อคงไม่ได้คิดจะไปอยู่กินกับเธอหรอกใช่ไหม!”
ซ่งอวิ๋นชิงไม่พูดอะไร ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ไลฟ์สตรีมในมือซ่งจือหนาน
ปากพึมพำว่า “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงมีคนรู้เรื่องนี้?”
ซ่งจือหนานพูดถากถางด้วยความโกรธ “เรื่องชั่วที่ทำไว้ สักวันก็ต้องปรากฏออกมา! พ่อทำลงไปแล้ว ก็ต้องมีคนรู้เข้าจนได้นั่นแหละ!”
“จือหนาน คนนั้นคือฉู่ลั่วลูกสาวที่ตระกูลฉู่ตามกลับมาใช่ไหม!”
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครได้อีก!” ตอนนี้ซ่งจือหนานไม่อยากพูดเรื่องคนอื่น “พ่อ พ่อยังไม่บอกผมเลยนะว่าเรื่องลูกสาวคนนั้นมันเป็นมายังไงกันแน่?”
ซ่งอวิ๋นชิงเก็บอารมณ์ ทำหน้าเย็นชา “ไม่มีลูกนอกสมรสอะไรทั้งนั้น รอให้ฉันเจอฉู่ลั่วก่อน ค่อยบอกเรื่องทั้งหมดกับแก”
“เรื่องนี้ห้ามบอกแม่ของแกเด็ดขาด!”
ซ่งจือหนานพูดไม่ออก “…”
ดูจากสีหน้าของพ่อ เขารู้สึกได้ทันทีว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับฉู่ลั่ว
หรือว่าจะเป็นการสาดโคลนใส่กันจริง ๆ?
แต่ท่าทางของตาเฒ่าไม่ได้ดูเสแสร้งนะ!
“พ่อ… พ่อ… พ่อไปเดี๋ยวนี้เลยสิ!”
…
ซ่งจือหนานนั่งอยู่บนรถ พร้อมกับหาเวลามาส่งข้อความในกลุ่มแชต
[ซ่งจือหนาน : ฉู่หร่านซวยแล้วละ พ่อฉันจะไปเยี่ยมเธอที่บ้านตระกูลฉู่ด้วยตัวเอง]
[ฉู่หร่าน : คุณลุงซ่งมาเพราะเรื่องไลฟ์สตรีมของฉู่ลั่ววันนี้หรือเปล่า? จือหนาน นายขอโทษคุณลุงซ่งแทนฉันหน่อย ลั่วลั่วไม่รู้ประสา คุณลุงซ่งอย่าตำหนิเธอเลย]
[ซ่งจือหนาน : ฉู่หร่าน เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยนะ เมื่อไหร่จะเปลี่ยนนิสัยแม่พระแบบนั้นสักที แต่ฉันไม่เหมือนเธอ เธอทนกับยัยฉู่ลั่วได้ แต่ฉันทนไม่ได้]
[ซ่งจือหนาน : พ่อฉันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ครั้งนี้ถัาไม่ได้สั่งสอนเธอสักหน่อย ไม่รู้ว่าต่อไปเธอจะสร้างเรื่องแผลง ๆ อะไรอีก]
คนอื่นในกลุ่มเริ่มแสดงความเห็น
[เหยาข่าย : @ซ่งจือหนาน ไม่หรอกมั้ง พ่อนายนิสัยดีขนาดนั้น จู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมาซะแล้วเหรอ]
[อันเชี่ยน : ฉู่ลั่วคนนั้นสมควรถูกสั่งสอนซะบ้าง วันนี้เธอกล้าแย่งชุดกระโปรงของหร่านหร่าน กล้าสร้างข่าวลือใส่ร้ายลุงซ่ง พรุ่งนี้อะไรอีกล่ะ เอาความลับของแต่ละตระกูลออกมาเล่าเป็นมุขตลกงี้เหรอ]
ฉู่หร่านมองดูกลุ่มที่คึกคักขึ้นเพราะซ่งจือหนาน ข้อความส่วนใหญ่เป็นการโจมตีฉู่ลั่ว
เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก็หยิบมือถือขึ้นมา ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องคุณพ่อคุณแม่
หลังจากนั้นไม่นาน …ก็มีเสียงเคาะประตูห้องของฉู่ลั่ว
เปิดประตูออกไปก็เห็นฉู่เหว่ยฮ่าวกับซ่งเชียนหย่า สีหน้าของทั้งคู่ไม่ดีเอาเสียเลย
เพราะเรื่องงานเลี้ยงเมื่อตอนเย็น สองสามีภรรยารู้สึกละอายใจต่อลูกสาวแท้ ๆ คนนี้ จึงคิดกันว่าจะชดเชยให้เธออย่างไรดีแต่ผ่านไปพริบตาเดียว เธอก็ก่อเรื่องอีกแล้ว
ฉู่เหว่ยฮ่าวเป็นคนสื่อสารกับลูกสาวไม่เก่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกสาวที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกไม่กล้ารุนแรงด้วย แต่ก็ไม่กล้าอ่อนให้มากนัก
“ลุงซ่งของแกจะมาแล้ว แกรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“รู้ค่ะ!”
ดวงตาของฉู่เหว่ยฮ่าวมีทั้งความโกรธและความจนใจ “แก… ไลฟ์สตรีมนั่นแกเลิกทำไปเลย บ้านนี้ไม่มีเงินให้แกใช้หรือไง?”
“นี่เป็นงานของหนู” ฉู่ลั่วตอบด้วยท่าทางเย็นชา
ฉู่หร่านพูดโน้มน้าวเสียงเบาจากข้างหลัง “ลั่วลั่ว ไลฟ์สตรีมที่เธอทำ… คงเป็นที่นิยมไม่ไหว ถ้าเธออยากทำงาน อยากดัง ก็ไปเข้าวงการบันเทิงได้นะ”
“พี่รองมีเส้นสายในวงการบันเทิง หากเธออยากเข้าไป ฉันจะไปคุยกับพี่รองให้ พี่รองต้องช่วยเธอแน่”
ฉู่ลั่วได้แต่เหลือบมองเธอ “นั่นพี่รองของฉัน”
ฉู่หร่านแสดงออกว่าเสียใจ
ซ่งเชียนหย่าปกป้องเธอ และแสดงท่าทางไม่ค่อยดีใส่ฉู่ลั่ว “ลั่วลั่ว อย่าทำตัวเป็นศัตรูกับหร่านหร่านนักได้ไหม เธอ… ก็เป็นลูกสาวของพ่อกับแม่นะ”
แม่คิดว่าฉู่ลั่วพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เหมือนหร่านหร่านผู้เชื่อฟัง
ฉู่เหว่ยฮ่าวมองดูท่าทางดื้อรั้นของลูกสาวแท้ ๆ ก็ถอนหายใจออกมา “ลุงซ่งของแกใกล้จะถึงแล้ว ลงไปรอข้างล่าง”
“แกต้องเป็นฝ่ายขอโทษลุงซ่งก่อน บอกเขาว่าต่อไปจะไม่พูดไร้สาระอีก เข้าใจไหม?”
ฉู่ลั่วเงียบแทนคำตอบ “…”
เธอกลับเข้าไปในห้อง สวมเสื้อคลุม แล้วเดินตามพวกเขาลงมาข้างล่าง
เพิ่งลงมา รถของตระกูลซ่งก็มาถึงแล้ว
ซ่งอวิ๋นชิงกับลูกชายเดินเรียงแถวตามกันมา สีหน้าดูไม่ดีเอามาก ๆ
ซ่งจือหนานเห็นฉู่ลั่ว ก็กระโดดเข้ามาชี้หน้าเธอ “ฉู่ลั่ว เธอใจกล้าไม่เบาเลยนะ ถึงกับกล้า…”
“จือหนาน!” ซ่งอวิ๋นชิงตะโกนเสียงดัง “ลุงฉู่ของแกยังอยู่ตรงนี้ ช่วยรู้กฎเกณฑ์ซะบ้าง”
ฉู่เหว่ยฮ่าวไม่ถือสาแม้แต่น้อย “เจ้าซ่ง แกตำหนิจือหนานทำไม? จะว่าไปแล้วคนผิดก็คือลั่วลั่ว ลั่วลั่ว ยังไม่รีบขอโทษลุงซ่งอีก”
ฉู่ลั่วนั่งอยู่บนโซฟา กำลังจิบชาอย่างช้า ๆ
“มาหาหนูมีธุระอะไรคะ?”
ซ่งอวิ๋นชิงไม่สนใจท่าทางของเธอ “เรื่องพวกนั้นที่เธอพูดในไลฟ์สตรีม มีคนบอกเธอมาใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
“เขาให้เธอเท่าไหร่?” นี่คือความเป็นไปได้มากที่สุดที่ซ่งอวิ๋นชิงพอจะนึกออก
คงเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่จงใจสร้างบาดแผลให้เขา คิดจะสร้างความวุ่นวายให้เขา
“ไม่ได้เงินค่ะ”
ซ่งอวิ๋นชิงไม่เชื่อ “ลั่วลั่ว ฉันกับพ่อของเธอเป็นเพื่อนรักกัน เรื่องวันนี้ก็ให้มันแล้วไปเถอะ หากเธอขาดเงิน มาบอกกับลุงซ่งได้ แต่เงินบางอย่างเธอไม่ควรรับมาตามอำเภอใจ!”
“ไม่อย่างนั้น ต่อให้ฉันกับพ่อเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันก็ยังโกรธอยู่ดี”
ซ่งอวิ๋นชิงโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปี ย่อมมีอิทธิพลมากพอตัว
คนรุ่นหลังเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ต่างก็กลัวกันหมด แม้กระทั่งซ่งจือหนานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
แต่มันไม่ได้ผลกับฉู่ลั่ว เธอยังคงจิบชาอยู่เงียบ ๆ
ซ่งอวิ๋นชิงพูดสิ่งที่ควรพูดหมดแล้ว ก็หันหลังจะเดินจากไป
ฉู่เหว่ยฮ่าวเดินตามหลังไปขอโทษเขา
เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน
“เธอให้ฉันมาถามคุณว่า คุณซื้อของขวัญวันเกิดของเธอแล้วหรือยัง?”
ซ่งอวิ๋นชิงที่เดินไปถึงหน้าประตูหยุดฝีเท้าลง หันกลับมองเด็กสาว
แววตาของฉู่ลั่วสงบนิ่ง “เธอบอกว่าเธอไม่ชอบมงกุฎเพชร เธอชอบดอกไม้หลากสี คุณซื้อหรือยังคะ?”
ซ่งอวิ๋นชิงที่สีหน้าเรียบเฉย แต่แววตากลับมีความรู้สึกเจ็บปวด
มงกุฏวันเกิด เป็นความลับระหว่างเขากับลูกสาว
บนโลกนี้มีเพียงเขากับลูกสาวเท่านั้นที่รู้ แม้กระทั่งภรรยาก็ยังไม่รู้
“เธอ… เธอเห็นว่าเขาเรียกฉันว่าพ่อจริงเหรอ?”
“อืม”
“เธอ… แล้วใช่ไหม?”
สีหน้าไม่แยแสของฉู่ลั่วนิ่งค้างไปสักครู่ ก่อนจะพยักหน้า
มือทั้งสองข้างของซ่งอวิ๋นชิงกำแน่น ร่างกายสั่นสะท้าน น้ำเสียงสะอื้นแบบไม่รู้ตัว
“เธอ… เธอเพิ่งจะห้าขวบเองนะ! เป็นฉันที่ไม่ได้ปกป้องเธอเอาไว้ เป็นความผิดของฉันเอง เป็นเพราะฉันมัวแต่ยุ่งกับธุรกิจ เป็นฉันเองที่พลาดงานวันเกิดของเธอ”
พูดไปพูดมา ซ่งอวิ๋นชิงก็งอตัว ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซ่งจือหนานหมดคำพูด “…”
ดูจากสีหน้างุนงงของคนตระกูลฉู่ นอกจากฉู่ลั่วที่สีหน้าเรียบเฉยแล้ว เกรงว่าคนอื่นไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พ่อ!” ซ่งจือหนานไม่เคยเห็นบิดาร้องไห้ขนาดนี้มาก่อน
ซ่งอวิ๋นชิงสงบสติอารมณ์ เช็ดน้ำตาจากหางตา แล้วพูดด้วยท่าทางจริงใจว่า “ลั่วลั่ว ช่วยฉันตามหาเธอได้ไหม?”
ฉู่ลั่วกำลังจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นเธอก็จ้องไปที่ใบหน้าของซ่งอวิ๋นชิงกับซ่งจือหนาน
เธอเห็นที่หน้าผากของพวกเขามีกลิ่นอายพลังสีดำล้อมรอบ
“คุณซ่ง ภรรยาของคุณไม่อยู่ที่บ้านใช่ไหม?”
ซ่งอวิ๋นชิงพยักหน้า “ไม่อยู่ เธอร่างกายไม่แข็งแรง ช่วงนี้ต้องอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันเพิ่งกลับมาจากไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล”
“ถ้าคุณรีบไปที่โรงพยาบาลตอนนี้ บางทีคุณอาจจะช่วยชีวิตเธอไว้ได้”
ซ่งอวิ๋นชิงเบิกตาโพล่ง “…”
ซ่งจือหนานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “…”