เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 37 ย้ายห้องนอน
บทที่ 37 ย้ายห้องนอน
ฉู่เหิงมองห้องแต่งตัวที่ทำขึ้นมาหยาบ ๆ จนแทบจะเรียกได้ว่าน่าสงสารก็ขมวดคิ้ว “แม่ครับ ให้ลั่วลั่วไปอยู่ชั้นสามเถอะ!”
เดิมทีพวกเขาให้ฉู่ลั่วอยู่ที่ชั้นสอง เพราะอยากให้ฉู่ลั่วกับฉู่หร่านเจอกันบ่อย ๆ จะได้สนิทกัน
แต่พวกเขาลืมไปว่า ห้องส่วนใหญ่ของชั้นสองถูกฉู่หร่านใช้ไปแล้ว
ฉู่ลั่วจึงต้องอยู่ในห้องที่เตรียมไว้ให้ชั่วคราวห้องนี้
ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดอะไร
แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นสภาพห้อง ก็รู้สึกไม่สบายใจมาก
ห้องนี้เทียบกับห้องแต่งตัวของฉู่หร่านไม่ได้ด้วยซ้ำ
ซ่งเชียนหย่าเผลอพูดออกมาว่า “หร่านหร่านบอกว่าชั้นสามจะเอาไว้ทำห้องเต้นรำ ห้องดนตรี…”
ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เหิงก็พูดตัดบทเธอเสียก่อน “เธอมีสตูดิโอเป็นของตัวเองอยู่แล้ว มีอะไรที่ที่สตูดิโอนั่นไม่มีบ้าง”
ฉู่เหว่ยฮ่าวเมื่ออยู่ใต้สายตาของฉิงจื่อฉิง ก็รู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง
เมื่อผู้เป็นพ่อมองห้องของลูกสาวแท้ ๆ อีกครั้งก็รู้สึกปวดใจ จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า “ทำตามที่ฉู่เหิงบอกเถอะ ต่อไปให้ลั่วลั่วไปอยู่ชั้นสาม”
ซ่งเชียนหย่าอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นท่าทางของสามีกับลูกชายจึงเงียบไป
ฉิงจื่อฉิงมองคนรับใช้ของตระกูลฉู่ย้ายข้าวของของฉู่ลั่วไปไว้ในห้องนอนใหญ่ที่ชั้นสาม
เทียบกับห้องนอนขนาดเล็กที่ชั้นสอง ห้องนอนชั้นสามแทบจะใหญ่เท่าคอนโดขนาดย่อมทีเดียว!
“เอาชุดพวกนี้ไปไว้ในห้องแต่งตัวให้หมด” คุณนายซ่งออกคำสั่ง
พร้อมกับกระดิกนิ้วให้คนรับใช้เอาเครื่องประดับเหล่านั้นไปวางบนชั้นวางเครื่องประดับอีกด้วย
ฉู่ลั่วกับคนตระกูลฉู่ไม่ต้องทำอะไรเลย ได้แต่มองดูฉิงจื่อฉิงสั่งงานคนรับใช้ให้ยกเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงจัดการกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหมด
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น คุณนายซ่งพูดอย่างไม่พอใจว่า “ถือว่าใช้ได้ แต่เตียงกับโต๊ะเครื่องแป้งไม่สวยเลย”
“ลั่วลั่ว เดี๋ยวป้าจะให้คนส่งเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่มาให้…”
ไม่ต้องรอให้เธอพูดจบ ฉู่เหิงก็พูดขึ้นมาว่า “ป้าฉิงครับ เรื่องเฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องรบกวนป้าหรอกครับ พวกเราจะจัดการเอง”
ฉิงจื่อฉิงปรายตามองอย่างไม่ไว้ใจ “ก็ได้!”
ฉิงจื่อฉิงเดินมาตรงหน้าฉู่ลั่ว ก่อนจับมือเด็กสาวไว้ และพูดอย่างสนิทสนม “ลั่วลั่วจ๊ะ! ถ้ามีเวลาไปหาป้าบ้างนะ”
สายตาของเธออดจะมองไปยังวิญญาณตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างฉู่ลั่วไม่ได้
ซ่งเมี่ยวเมี่ยววนอยู่รอบตัวพวกเขาด้วยความดีใจ
เธอไม่กล้ามองอย่างใจจดใจจ่อเกินไป เพราะกลัวคนตระกูลฉู่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ
“ได้ค่ะ” ฉู่ลั่วรู้ว่าอีกฝ่ายอยากเจอลูกสาวมากจริง ๆ
ได้ยินดังนั้น ฉิงจื่อฉิงจึงพาลูกชายกลับบ้านไปด้วยความพอใจ
ซ่งจือหนานเดินไปถึงหน้าประตู ก็หันกลับมาพูดกับฉู่ลั่วว่า “พี่ลั่ว ช่วงนี้ผมว่าง ถ้าพี่มีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วยก็เรียกได้เลยนะ”
ฉู่ลั่วพยักหน้า
เมื่อสองแม่ลูกตระกูลซ่งกลับไปแล้ว ใบหน้าของซ่งเชียนหย่าก็อึมครึมลงอย่างเห็นได้ชัด
เธอพูดกับฉู่ลั่วอย่างไม่พอใจว่า “ลั่วลั่ว! ถ้าลูกไม่ชอบห้องนอนห้องนั้น ก็บอกแม่มาตรง ๆ สิ”
“ให้คนอื่นมาออกหน้าแทน นี่มันเกินไปแล้ว!”
หลังถูกฉิงจื่อฉิงพูดประชดประชันเป็นชุด ซ่งเชียนหย่าก็เก็บอาการไว้ไม่ไหว
“แม่ครับ…” ฉู่เหิงหยุดคำพูดของซ่งเชียนหย่า ก่อนจะหันมาพูดกับฉู่ลั่วด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวพี่ให้คนส่งเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่มาให้นะ”
“ชั้นสามทั้งชั้นเป็นของเธอคนเดียว ถ้าอยากทำอะไรก็บอกมาได้เลย”
ที่จริง ฉู่ลั่วไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่อยู่เท่าไร
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เธออาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ ที่วางเตียงได้แค่หลังเดียว แถมหลังคายังรั่วอีกด้วย
ตอนอยู่แดนเซียน เพื่อบำเพ็ญพลังวิญญาณ ให้นอนตากลมตากฝนเธอก็ผ่านมาหมดแล้ว
แต่นี่เป็นความหวังดีจากฉิงจื่อฉิง เธอจึงไม่อาจปฏิเสธ
“ค่ะ”
ฉู่เหิงยิ้ม ก่อนจะบอกกับพ่อแม่ของตนว่า “พ่อครับ แม่ครับ พวกเราลงไปข้างล่างกันเถอะ!”
เมื่อทั้งสามคนลงมาข้างล่าง
ฉู่เหิงก็พูดออกมาอย่างทนไม่ไหว “แม่ครับ จะลำเอียงก็ให้มันพอดีหน่อยเถอะ!”
ซ่งเชียนหย่าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะโต้กลับ “ฉันลำเอียงยังไง?”
ลูกชายกดเสียงเบาลง ไม่อยากให้ฉู่ลั่วได้ยินพวกเขาทะเลาะกัน “แม่ให้ลั่วลั่วนอนในห้องที่เคยเป็นห้องเก็บของของหร่านหร่านไม่พอ ยังเอาเฟอร์นิเจอร์ที่หร่านหร่านทิ้งมาให้ลั่วลั่วใช้อีก!”
“เฟอร์นิเจอร์พวกนั้นยังไม่พัง ทิ้งไปก็น่าเสียดาย”
ฉู่เหิงได้ยินคำพูดนี้ก็กัดฟัน “เฟอร์นิเจอร์ยังไม่พัง แต่ก็เป็นของที่ฉู่หร่านทิ้งแล้ว”
เขาไม่เรียกหร่านหร่านอย่างสนิทสนมอีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาเรียกฉู่หร่านแทน
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมลั่วลั่วถึงอยากแย่งชุดกระโปรงตัวนั้น!”