เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 40 เมื่อคาดหวังถึงรู้สึกโกรธ
บทที่ 40 เมื่อคาดหวังถึงรู้สึกโกรธ
ตอนทานอาหารเย็น ฉู่เหิงเอ่ยถามฉู่ลั่วว่า “ชอบเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อให้ใหม่หรือเปล่า? ถ้าไม่ชอบเปลี่ยนได้นะ”
ไม่รอให้ฉู่ลั่วตอบ อันเชี่ยนก็เงยหน้าขึ้นมาพูดจาเหน็บแนมว่า “พี่ใหญ่ฉู่ คุณตามใจฉู่ลั่วเกินไปหรือเปล่า! เธอเพิ่งกลับมาบ้านได้ไม่นานก็เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่อีกแล้ว เฟอร์นิเจอร์ในห้องหร่านหร่านใช้มาสองปีกว่าแล้ว คุณไม่อยากเปลี่ยนให้บ้างเหรอคะ?”
ฉู่เหิงเหลือบมองฉู่หร่าน “เธอก็คิดแบบนี้เหรอ?”
ฉู่หร่าน “พี่ใหญ่ หนูเปล่านะคะ”
อันเชี่ยนเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนสาว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหร่านหร่านนะคะ ฉันเรียกร้องแทนต่างหาก หร่านหร่านก็เป็นน้องสาวของคุณ จะลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้!”
ซ่งเชียนหย่ารักและเอ็นดูลูกสาวมาก กลัวว่าเธอจะเสียใจ จึงรีบพูดว่า “พวกเราปฏิบัติต่อหร่านหร่านกับลั่วลั่วอย่างเท่าเทียมกันอยู่แล้ว หร่านหร่านก็จะได้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ด้วย อยากได้แบบไหนก็บอกแม่นะ แม่ซื้อให้เอง!”
ฉู่หร่านมองซ่งเชียนหย่าด้วยสีหน้าดีใจ “คุณแม่คะ คุณแม่ดีกับหนูมากเลย”
ฉู่เหว่ยฮ่าวก็มองเธอด้วยความรัก “เอาละ ก็แค่เฟอร์นิเจอร์ชุดเดียว ไม่มีค่าพอให้ลูกเสียใจหรอก พ่อจะออกเงินให้ เอาไปซื้ออันที่ดีกว่า แพงกว่า โอเคไหมเจ้าหญิงน้อย”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ! คุณพ่อดีที่สุดเลย”
อันเชี่ยนเท้าคางอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้าอิจฉา “คุณลุงฉู่กับคุณป้าซ่งเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดในโลกแล้ว หร่านหร่าน ฉันอิจฉาเธอมากเลย!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอุ่นขึ้นมาทันที
ฉู่เหิงขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันไปมองฉู่ลั่ว
เด็กสาวนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น โดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ เอาแต่ทานข้าวเงียบ ๆ ราวกับว่าการทะเลาะเบาะแว้งและความมีชีวิตชีวาของตระกูลฉู่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย
ในใจของฉู่เหิงเกิดความรู้สึกผิดและโกรธจนอธิบายไม่ถูก
ปัง!
เขาทุบโต๊ะอย่างแรง จนที่โต๊ะอาหารเงียบลงทันที
ฉู่เหิงถลึงตา “เปลี่ยนอะไร ที่ลั่วลั่วต้องเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เพราะเธอใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ฉู่หร่านเคยใช้ไงล่ะ”
“พ่อครับ แม่ครับ อันเชี่ยนไม่รู้เรื่องอะไร แต่พ่อกับแม่ไม่ได้รู้ดีอยู่แก่ใจเหรอ?”
“หร่านหร่านเป็นลูกสาวของตระกูลฉู่ ลั่วลั่วเองก็เป็นลูกสาวของตระกูลฉู่เหมือนกัน”
“พ่อกับแม่อย่าลำเอียงนักได้ไหม!”
ฉู่หร่านตกใจจนใบหน้าแสดงออกถึงความตกตะลึง
ซ่งเชียนหย่ากับฉู่เหว่ยฮ่าวหน้าถอดสี
อันเชี่ยนเบิกตากว้าง และหดตัวกลับลงไปนั่งบนเก้าอี้
บรรยากาศเงียบลง… แม้กระทั่งฉู่ลั่วยังวางตะเกียบ พร้อมกับมองฉู่เหิงอย่างประหลาดใจ
ฉู่เหิงเก็บสีหน้าโกรธเอาไว้ “ลั่วลั่ว เธอไม่ต้องทนอดทนคนเดียวหรอกนะ ถ้าไม่สบายใจก็พูดออกมาเลย พี่ใหญ่จะสนับสนุนเธอเอง!”
ฉู่ลั่วสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบ ก่อนพูดออกมาอย่างงุนงง “หนูไม่ได้อึดอัดอะไรนะคะ”
แต่ฉู่หร่านกลับส่งเสียงสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย เธอร้องไห้และชี้ไปทางฉู่เหิง “พี่ใหญ่! หนูรู้ว่าหนูไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลฉู่ หนูรู้ว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในตระกูลฉู่อีกต่อไป”
“พี่ไม่ต้องทะเลาะกับพ่อแม่เพราะหนูหรอก หนูจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”
เธอผลักเก้าอี้ออก แล้วหันหลังวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง
อันเชี่ยนรีบตามขึ้นไป พอวิ่งไปถึงทางขึ้นบันได เธอก็หันกลับมาด้วยความโกรธ “พี่ใหญ่ฉู่ คุณทำเกินไปหน่อยนะ”
“เธอก็เหมือนกัน!” อันเชี่ยนชี้ไปที่ฉู่ลั่ว “รู้วิธีเสแสร้งให้คนสงสาร เธอหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกฉันไม่ได้หรอก ฮึ!”
บรรยากาศภายในห้องทานอาหารกดดันมาก
ฉู่เหว่ยฮ่าวระบายลมหายใจออกมาแรง ๆ “กินข้าวอยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว! ลูกต้องทำให้มันวุ่นวายด้วยเหรอ!”
เขาพูดขณะที่มองฉู่ลั่วผู้นั่งทานอาหารอยู่เงียบ ๆ
ฉู่เหิงลุกขึ้นบังน้องสาวแท้ ๆ “พ่อครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลั่วลั่ว เป็นเพราะผมทนดูไม่ไหวต่างหาก”
ฉู่เหว่ยฮ่าวหัวเราะเยาะ “เมื่อก่อนแกทำตัวแบบไหนกับหร่านหร่าน พวกเราทุกคนรู้ดีไม่ใช่เหรอ? แต่วันนี้แกทำเพื่อใคร แกคิดว่าตาแก่อย่างฉันตาบอดเหรอ?”
ซ่งเชียนหย่าขมวดคิ้วมองฉู่ลั่วอย่างผิดหวัง
ไม่ได้เลี้ยงมาด้วยตัวเอง เลยไม่เรียบร้อยสินะ
กลับมาบ้านไม่ทันไรก็คิดจะแย่งชิงความรักคนอื่นแล้ว
“ลั่วลั่ว จริงอยู่ที่ลูกเป็นลูกสาวของตระกูลฉู่ แต่หร่านหร่านเองก็ใช่! ในใจของพวกเรา พวกลูกอยู่ในฐานะเดียวกัน” ซ่งเชียนหย่าพูดเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “หร่านหร่านจะเป็นลูกสาวของพวกเราตลอดไป ใครก็อย่าคิดจะไล่เธอออกไปจากบ้านตระกูลฉู่!”
เธอเหลือบมองฉู่เหิง “ไม่ว่าลูกจะเข้าข้างใคร ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนทั้งนั้น!”
ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลซ่ง หรือลูกชายของเธอเองอย่างฉู่เหิง ก็อย่าคิดจะให้พวกเขาไล่ฉู่หร่าน ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจออกไปไหนได้
…
เสียงร้องไห้ของฉู่หร่านดังลงมาจากชั้นสอง พร้อมเสียงปลอบของฉู่เหว่ยฮ่าวกับภรรยา เจือเสียงประนามด้วยความโกรธของอันเชี่ยน
ฉู่เหิงกุมหน้าผากด้วยความปวดหัว ก่อนจะมองไปทางน้องสาวแท้ ๆ อย่างรู้สึกผิด
แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นฉู่ลั่วทานข้าวต่อด้วยท่าทางที่แสนจะปกติ
“เธอไม่โกรธเหรอ?”
ฉู่ลั่วกลืนอาหารในปาก “คนที่คาดหวัง ถึงจะรู้สึกโกรธค่ะ”
ฉู่เหิงปวดใจกว่าเดิม “ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้พวกเราละเลยเธอ”
เขาย้อนนึกถึงภาพตอนที่ฉู่ลั่วกลับมาที่บ้านตระกูลฉู่
เด็กสาวสวมเสื้อผ้าไม่พอดีกับขนาดตัว ถือกระเป๋าที่ซักจนสีซีด พร้อมข้าวของทั้งหมดอยู่ในนั้น
เธอยืนอยู่ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง พร้อมสายตาสับสน
ในดวงตาสวยคู่นั้นมีความหวาดกลัวปนอยู่เล็กน้อย แต่มีความหวังอยู่มากกว่า ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอย่างมีความสุข
เธอร้องเรียกเสียงใสว่า “พี่ใหญ่”
ในตอนนั้น เขาแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ?
ฉู่เหิงจำไม่ได้แล้ว แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ใบหน้าเป็นมิตรนัก
แต่เขาจำสีหน้าเรียบนิ่งของพ่อกับแม่ได้ จำคำเตือนของน้องสองและน้องสามที่บอกให้เขาระวังตัวได้ดี
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังคู่นั้นค่อย ๆ มอดดับลง สุดท้ายก็เหลือเพียงความหวาดกลัวและความเจ็บปวดเท่านั้น
ครั้งหนึ่ง… ฉู่ลั่วก็มีความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมกับตระกูลฉู่
แต่ตอนนี้ เธอเผชิญหน้ากับความลำเอียงแบบโจ่งแจ้งอย่างนิ่งเฉย แม้แต่อารมณ์โกรธยังไม่มี
เมื่อไม่คาดหวังแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธอีกต่อไป
ฉู่เหิงปวดใจมาก ยิ่งชั้นบนครึกครื้นมากเท่าไหร่ ที่โต๊ะอาหารยิ่งอ้างว้างมากเท่านั้น “ลั่วลั่ว เธอโกรธได้นะ พี่ใหญ่จะปกป้องเธอแน่นอน!”
เหมือนกับที่พ่อแม่กับน้องสองน้องสามปกป้องฉู่หร่าน
เขาเองก็สามารถปกป้องน้องสาวของเขาอย่างไม่มีข้อแม้เช่นกัน
ฉู่ลั่วไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูดูแลตัวเองได้”
ในดวงตาของฉู่เหิงฉายแววเจ็บปวด เขาหลับตาลง
บรรยากาศรอบตัวพี่ชายใหญ่ของบ้านดูหดหู่มาก จนฉู่ลั่วจึงไม่อาจเพิกเฉยได้ เธอใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “หนูขออะไร พี่ก็จะยอมทำให้หมดเลยใช่ไหม?”
ฉู่เหิงลืมตาขึ้นทันที ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย “แน่นอน เธอเป็นน้องสาวของพี่นี่”
ฉู่ลั่วถามเสียงเรียบ “พรุ่งนี้พี่ต้องไปดูตัวใช่ไหมคะ?”
เมื่อครู่ในห้องทานอาหาร เธอได้ยินซ่งเชียนหย่าพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
เขาพยักหน้า “ใช่”
ฉู่ลั่วกล่าว “พรุ่งนี้ไม่ต้องไปนะ คนคนนั้น…”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คู่ชะตาของพี่ หากยังดื้อดึงจะอยู่ด้วยกัน คงไม่ดีกับตัวพี่เอง
แต่ไม่รอให้เธอพูดจบ ฉู่เหิงก็ตอบรับอย่างไม่ลังเล “ตกลง”
สายตาแน่วแน่ยังคงจับจ้องมาที่น้องสาว รอคอยให้เธอพูดความต้องการออกมาอีก
ฉู่ลั่วถูกเขาจ้องก็รู้สึกอึดอัด จึงก้มหน้าหลบสายตากระตือรือร้นคู่นั้น “ไม่มีแล้วค่ะ”
“แค่นี้เองเหรอ?”
“อืม”
ฉู่เหิงนั่งลงอย่างผิดหวัง ถอนหายใจออกมาหนึ่งที “ที่แท้ก็เรื่องเล็กน้อยแค่นี้”
ก่อนหน้านี้เวลาฉู่หร่านโกรธ มักจะเรียกร้องอย่างไร้เหตุผล
ฉู่ลั่วก้มหน้า ในใจเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา
ที่แท้… ความรู้สึกของการถูกพี่ชายรักมันเป็นแบบนี้เองเหรอ?
ไม่ต้องการเหตุผล ขอแค่เอ่ยปาก ก็พร้อมตอบรับโดยไม่มีเงื่อนไข
เสียงระบบดังขึ้นในใจ
[นายหญิง คุณพอใจง่ายเกินไปแล้ว! ฉู่เหิงไม่ได้ซื้อของราคาแพงให้คุณสักหน่อย ไม่ได้อุทิศชีวิตให้คุณด้วย แต่คุณกลับคิดว่านี่คือความรักแล้วเหรอ?]
[นายหญิง คุณเป็นพวกถูกเกลี้ยกล่อมได้ง่ายเกินไปหน่อยนะ]
ฉู่ลั่วเม้มริมฝีปาก
‘นายไม่เข้าใจ’
การดูตัวเกี่ยวข้องกับการเกี่ยวดอง ทั้งยังเป็นหญิงสาวที่พ่อแม่เลือกไว้ให้แล้ว
หากผิดสัญญาก็อาจจะทำให้การเกี่ยวดองตนเองพังได้ และจะทำให้พ่อแม่โกรธ
แต่ฉู่เหิงกลับตอบตกลงทันทีโดยไม่ถามสาเหตุ
[…]
ระบบไม่ตอบอะไรมาอีก