เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 41 งานเลี้ยงดูตัวตระกูลฉู่
บทที่ 41 งานเลี้ยงดูตัวตระกูลฉู่
แม้ฉู่ลั่วจะทำนายคู่แท้ของฉู่เหิงไม่ออก แต่ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นรูปของกู่ชิวอิ่ง และรู้ได้เลยว่าเธอไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่ชาย
หากทั้งสองคนฝืนอยู่ด้วยกัน มีแต่จะกลายเป็นศัตรูกัน
วันต่อมา ฉู่ลั่วตื่นขึ้นมาตั้งแต่หกโมงเช้า หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ ก็นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงระเบียงเพื่อสัมผัสถึงพลังวิญญาณรอบตัว
จนกระทั่งบำเพ็ญช่วงเช้าเสร็จ เธอถึงเตรียมตัวลงไปทานอาหารเช้า
แกร็ก… แกร็ก
ประตูเปิดไม่ออก
ฉู่ลั่วลองอีกครั้ง ก่อนจะรู้ว่าประตูถูกล็อคจากด้านนอก
เธอเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ไม่มีคนตอบกลับมา
“คนตระกูลฉู่ขังคุณเอาไว้น่ะ” ฮั่วเซียวหมิงลอยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เสียงพูดของเขาดังมาจากข้างหลังเธอ
“เหตุผลล่ะ?”
วิญญาณหนุ่มลอยมาอยู่ตรงหน้าฉู่ลั่ว “เมื่อเช้าตรู่ ฉู่เหิงบอกกับคนตระกูลฉู่ว่าจะไม่ไปดูตัว ฉู่หร่านบอกว่าคุณเป็นคนยุยง คนตระกูลฉู่เลยตัดสินใจขังคุณไว้ในห้องนอนจนกว่าการดูตัวจะจบ”
ฉู่ลั่วขมวดคิ้วก็ยังดูสวยในสายตาฮั่วเซียวหมิง เธอยื่นมือออกไปเคาะประตูเป็นครั้งสุดท้าย
ไม่มีคนตอบกลับ…
เธอถอนหายใจ พลางหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา
ฮั่วเซียวหมิง “คนตระกูลฉู่ติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณมือถือไว้ที่ประตูห้องของคุณ ไม่อนุญาตให้คุณติดต่อกับคนข้างนอก”
ฉู่ลั่วหรี่ตา “…”
ดักเอาไว้ทุกทางเลยจริง ๆ
เธอวางมือถือลง และเดินกลับไปที่ระเบียงอีกครั้ง นั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองข้างวางประสานบนหน้าตัก
ระบบถาม
[นายหญิง คุณไม่คิดหาวิธีเหรอ?]
‘ครั้งก่อนตอนสู้กับปรมาจารย์เต๋า ฉันใช้พลังวิญญาณไปเยอะมาก ตอนนี้ฉันไม่มีหนทางออกจากบ้านหลังนี้ และติดต่อใครไม่ได้ด้วย’
[…]
แม้จะลงไปข้างล่างไม่ได้ แต่ก็รู้สึกถึงบรรยากาศอันครื้นเครงของคนตระกูลฉู่ได้
ฉู่เหิงได้รับสายจากซ่งเชียนหย่า บอกว่าที่บ้านเกิดเรื่องขึ้น ให้เขารีบขับรถกลับมา
เมื่อเข้ามาในห้องรับแขก เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฉู่หร่านยิ้มตาหยีเดินมาจับแขนเขาไว้ “พี่ใหญ่ รีบมาดูสิคะว่าใครมา!”
คนที่นั่งอยู่บนโซฟาคือคู่นัดดูตัวของเขา กู่ชิวอิ่ง
เธอยิ้มอ่อนโยนให้ฉู่เหิง “ประธานฉู่”
“ประธานฉู่อะไรกัน ห่างเหินเกินไปแล้ว เรียกชื่อสิคะ” ฉู่หร่านดึงพี่ใหญ่มานั่งข้างคู่ดูตัว
ฉู่เหิงเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
แต่เขาจะอารมณ์เสียต่อหน้ากู่ชิวอิ่งไม่ได้ ทำได้แค่ขยับถอยออกไปด้านข้างเล็กน้อย “เพิ่งเคยพบคุณหนูกู่ครั้งแรก ผมฉู่เหิงครับ”
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกู่ชิวอิ่ง”
กู่ชิวอิ่งไม่ถ่อมตนแต่ก็ไม่ทำตัววางท่า เวลาที่คุยกับฉู่เหิงก็ไม่ได้นอบน้อมเท่าไหร่
หลายคนที่เห็นภาพนี้ต่างพูดคุยกระซิบกระซาบกัน
อันเชี่ยนพูดออกมาว่า “พี่ใหญ่ฉู่กับคุณหนูกู่เหมาะสมกันมาก!”
ซ่งเชียนหย่าก็พอใจ “ถึงจะไม่ได้เกิดในตระกูลร่ำรวย แต่ครอบครัวของเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ชิวอิ่งหน้าตาสะสวย นิสัยดี มีความสามารถ ไร้ที่ติ… ดีมาก”
เธอดูยินดีเป็นพิเศษ “สิ่งสำคัญคือ หร่านหร่านของพวกเราชอบเธอ แน่นอนว่าไม่มีปัญหาน้องสาวกับพี่สะใภ้แล้ว”
ฉู่หร่านกอดแขนแม่ด้วยความดีใจ “หนูบอกแล้ว ว่าคนที่หนูแนะนำไม่มีปัญหาแน่นอน! แต่น่าเสียดาย… ลั่วลั่วไม่ชอบพี่ชิวอิ่ง”
พูดถึงฉู่ลั่ว ใบหน้าของซ่งเชียนหย่าก็ดูไม่ได้ขึ้นมาทันที อดถอนหายใจออกมาแรง ๆ ไม่ได้
“เธอน่ะนะ…” หญิงสาวส่ายหน้า “ช่างเถอะ! ไม่พูดถึงเธอแล้ว!”
ลูกสาวแท้ ๆ คนนี้ ไร้ประโยชน์จริง ๆ
อารมณ์ไม่ดี นิสัยไม่ดี ซ้ำยังใจร้ายขนาดนั้น ถึงขนาดยุยงให้อาเหิงไม่มาดูตัว หรืออยากให้อาเหิงโสดไปตลอดชีวิต?
โชคดีที่มีหร่านหร่าน
ซ่งเชียนหย่ามองฉู่หร่านอย่างโล่งใจ ในใจก็แอบคิดว่า ตนต้องดีกับหร่านหร่านให้มากกว่านี้
เสียงหัวเราะสนุกสนานดังมาจากข้างล่าง ฉู่ลั่วที่สีหน้าเรียบเฉยมาตลอดขมวดคิ้ว หน้าผากของเธอมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดออกมา
“คุณเป็นอะไร?” ฮั่วเซียวหมิงเอ่ยถามเสียงเข้ม
ฉู่ลั่วไม่ได้ตอบ แต่ถามระบบในใจ
‘เกิดอะไรขึ้น? นี่ฉันเป็นโรคกระเพาะเหรอ?’
[นายหญิง ตอนนี้พลังวิญญาณของคุณไม่พอ และร่างของคุณยังเป็นร่างกายของมนุษย์ แน่นอนว่าอาการของโรคกระเพาะยังคงอยู่]
‘…’
หลังจากกลับมา เธอยังคงรักษานิสัยการกินตามปกติด้วยความเคยชิน ไม่คิดเลยว่าอาการของโรคกระเพาะจะยังอยู่
ความเจ็บค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากบริเวณท้อง
ฉู่ลั่วกัดริมฝีปากแน่น เธอลุกขึ้นยืน เอามือกุมท้องไว้ แล้วค่อย ๆ เดินไปที่ประตู เคาะเบา ๆ แต่ไม่มีคนตอบ
ทำได้เพียงพาตัวเองไปที่เตียงช้า ๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง และพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด
“พี่สาวคะ พี่สาว เป็นอะไรไปคะ?”
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
เธอไม่มีแรงตอบวิญญาณน้อยที่มาไถ่ถามอย่างห่วงใย
ฮั่วเซียวหมิงเอ่ย “เป็นโรคกระเพาะ”
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวเดินวนรอบตัวฉู่ลั่วด้วยความกังวล “จะทำยังไงดีคะ?”
วิญญาณของฮั่วเซียวหมิงเปล่งแสงออกมา เขาลอยไปตรงหน้ากายเนื้อของตัวเอง แต่ทำอย่างไรก็กลับเข้าร่างไม่ได้
เขาลอยกลับมาที่ห้องของฉู่ลั่วอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เดิมทีเขาเป็นวิญญาณ แต่ตอนนี้รอบตัวเริ่มเย็นขึ้นมา กลิ่นอายพลังก็รุนแรงขึ้น
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวแอบอยู่ข้างฉู่ลั่วด้วยความหวาดกลัว ผ่านไปสักพักจึงเงยหน้าขึ้นมา สายตาสบเข้ากับดวงตาเย็นชาของฮั่วเซียวหมิง
“ฮือ!”
ฮั่วเซียวหมิงที่เกือบทำเด็กน้อยตกใจจนร้องไห้ยืนนิ่งอยู่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม “…”
ฉู่ลั่วขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยว่า “ไม่ได้”
แต่วิญญาณชายหนุ่มกลับยื่นมือไปหาซ่งเมี่ยวเมี่ยว “ไม่ได้ก็ต้องได้”
…
ซ่งจือหนานกำลังเล่นเกมอยู่ในห้อง ขณะที่กำลังไปได้สวย ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่ฟังดูเย็นยะเยือกดังขึ้นมา
“น้องชาย น้องชาย…”
ซ่งจือหนานที่กำลังเล่นเกมมือสั่น ขนลุกเกลียว
เขาหันหลังไปมองตามต้นเสียงด้วยความกลัว ก่อนจะเห็นซ่งเมี่ยวเมี่ยวยืนอยู่ที่มุมห้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทำเอาม่านตาหดเล็กลงด้วยความตกใจ
ซ่งจือหนานโยนมือถือทิ้ง “พี่ พี่! พี่มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่? พี่จะมาก็บอกผมสักคำสิ! ปรากฏตัวกะทันหันแบบนี้ ผมหัวใจจะวายเอานะ!”
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวกลัวเหรียญห้าจักรพรรดิบนข้อมือของซ่งจือหนาน จึงได้แต่หลบอยู่มุมห้อง และพยายามพูดเร็ว ๆ ว่า “พี่ลั่วลั่วถูกคนตระกูลฉู่ขังเอาไว้ ตอนนี้พี่เขาเจ็บปวดมาก น้องชาย รีบไปช่วยพี่ลั่วลั่วเถอะ!”
“อะไรนะ!”
ซ่งจือหนานรีบลุกขึ้น และพูดอย่างดุดันว่า “ตระกูลฉู่รังแกกันเกินไปแล้ว!”
…
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเย็นมากมายหลายชนิด แต่ฉู่เหิงไม่รู้สึกอยากทานอะไรเลย
แต่บนโต๊ะอาหารครึกครื้นมาก ฉู่หร่านกับอันเชี่ยนคอยสร้างบรรยากาศสนุกสนาน บางครั้งก็แซวฉู่เหิงกับกู่ชิวอิ่ง บางครั้งก็แซวอันเชี่ยนกับคู่หมั้นของเธอ
ซ่งเชียนหย่าพูดทั้งรอยยิ้มว่า “แค่นี้ก็ดีมากแล้ว การแต่งงานของพี่ใหญ่ของหนูเรียบร้อยดี แม่ก็วางใจ”
ฉู่เหิงขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นด้วยเสียหน่อย
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากู่ชิวอิ่ง ก็ไม่สามารถปฏิเสธออกไปตรง ๆ ได้
เขารอให้อีกฝ่ายกลับไปก่อน ค่อยพูดกับพ่อแม่ให้รู้เรื่อง!
อาหารมื้อนี้ไร้รสชาติขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนที่พี่ชายใหญ่กำลังคิดหาเหตุผลออกไปจากที่นี่ ซ่งจือหนานก็บุกเข้ามา! เขาไม่แม้แต่จะมองคนตระกูลฉู่สักนิด แต่วิ่งตรงขึ้นไปยังห้องของฉู่ลั่วที่ชั้นสาม
“ซ่งจือหนาน ซ่งจือหนาน! นายทำอะไร!” ฉู่เหิงตามขึ้นไป
ถึงประตูห้องของฉู่ลั่วมีเครื่องตัดสัญญาณมือถือ แต่ซ่งจือหนานก็ใช้เท้าเตะมันจนกระเด็น จากนั้นจึงเลื่อนสายตาไปยังแม่กุญแจจำนวนมากที่ประตู “กุญแจล่ะ?”
ฉู่เหิงที่ตามขึ้นมาสับสนไปหมด “ทำไมห้องของลั่วลั่วถึงมีแม่กุญแจมากมายขนาดนี้”
ซ่งเชียนหย่าพูดเหตุผลออกมา “การดูตัวของลูกในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ แม่กลัวลั่วลั่วทำเสียเรื่อง เลยขังเธอเอาไว้”
ฉู่หร่านที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยเสียงเบา “พี่ใหญ่ คุณแม่หวังดีกับพี่นะคะ”
ฉู่เหิงโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนทันควัน “ทุกคนบอกผมว่าลั่วลั่วออกไปข้างนอก นี่รวมหัวกันหลอกผมเหรอ”
ซ่งเชียนหย่า “ถ้าไม่ใช่เพราะลูกฟังคำยุยงของเธอ แม่ก็คงไม่ต้องหลอกลูก”
เธอหวังดีกับลูกชายทั้งนั้น!
ฉู่เหิงกดเสียงต่ำ “…กุญแจ”
พ่อบ้านหยางส่งกุญแจให้ เขารีบเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นฉู่ลั่วนอนขดตัวอยู่บนเตียง
“ลั่วลั่ว!”
เมื่อวิ่งไปถึงข้างเตียง สีหน้าของฉู่เหิงก็เปลี่ยนไปมาก
ฉู่ลั่วกันริมฝีปากจนแตกเพราะความเจ็บ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
เขาอุ้มเธอขึ้น แล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที
“เตรียมรถไปโรงพยาบาล!”